TB:บทที่ 191 มีดขว้าง

 

ตอนแรกเฉินหลงคิดว่าระหว่างหวังหูและเจิ้งอี้ หวังหูจะเป็นคนแรกที่พลังเขาจะพัฒนาขึ้น แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เขานั่นเองที่ทรงพลังที่สุดในหมู่สี่คนที่มีพลังระดับยอดผู้เยี่ยมยุทธ์ ระหว่างเจิ้งอี้และพวกเขาอีกสามคน คนที่มีระดับพลังแข็งแกร่งที่สุดคือเทียซินที่มีพลังระดับปรมาจารย์ขั้นสูง เจิ้งอี้และลู่หงมีพลังระดับปรมาจารย์

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เฉินหลงประหลาดใจคือ เจิ้งอี้เป็นคนแรกที่ออกมาจากดักแด้และพลังของเขาผ่านพ้นระดับกำเนิดไปแล้วและผ่านไปถึงระดับพลังลมปราณ  นี่เป็นเรื่องที่น่าแปลก

ชิ้น “หินแห่งแสง” ทำให้เจิ้งได้ข้ามพ้นระดับพลังไปสามขั้นรวด

 

อย่างไรเสีย แม้พลังของเจิ้งอี้จะไปถึงระดับของพลังลมปราณแล้ว เขายังคงเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเฉินหลงอยู่ เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะศักยภาพของผลซื่อสัตย์ช่างทรงพลังจนไม่อาจทำลายความซื่อสัตย์ที่ผูกมัดหากยังไม่มีพลังไปถึงระดับ “ประมาจารย์แห่งดวงดาว”

 

ก่อนหน้านี้พลังของเจิ้งอี้เป็นพลังที่คล้ายกับมีดสั้น เมื่อเขาโจมตีเฉินหลง เขาถือมีดพวกนั้นไว้ในมือ แต่จริงๆแล้วกฏการใช้งานคือการปา อย่างการใช้มีดขว้าง ครั้งนี้พลังของเขาได้เพิ่มขึ้นมาถึงระดับพลังลมปราณแล้ว ฝีมือมีดขว้างของเขายังไปถึงระดับที่ร้ายกาจอีกด้วย กูหลงต๋า ลี่เสี่ยว มีดปาของลี่ไม่เคยรอให้พลาดเส้นผมแม้แต่เส้นเดียว มีดขว้างของเจิ้งอี้ก็ไปถึงระดับนั้นได้ด้วยเช่นกัน เฉินหลงยังขอให้เจิ้งอี้ใช้มีดปาด้วย เจิ้งอี้ เฉินหลงไม่อาจมองตามมีดปาได้เลย เมื่อมีดปาโผล่มาอีกรอบ มีดนั่นก็ได้ปักเข้าใส่ร่างกายไปแล้ว

 

เป็นเรื่องโชคดีที่เจิ้งอี้ฆ่าเฉินหลงไม่ได้ และพลังระดับสิบเอ็ดระฆังทองของเฉินหลงก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

แต่อย่างไรเสีย มีดขว้างของเจิ้งอี้ยังเป็นสิ่งที่เปิดหูเปิดตาเฉินหลงอีกด้วย ทว่านี่ยิ่งทำให้เขามั่นใจในความปลอดภัยของบริษัทกว่าเดิม

 

ตอนนี้บริษัทเขาได้กลายมาเป็นไข่ทองคำที่สร้างเงินได้มากมาย เพียงเมื่อไม่กี่วันก่อน เครื่องสวมศีรษะขายออกไปกว่าสองร้อยล้านเครื่อง และนั่นทำให้เฉินหลงได้เงินถึงสี่ร้อยพันล้านหยวน การผลิตเครื่องสวมศรีษะสามารถเร่งให้ผลิตได้ก่อนที่พวกนี้จะผลิตโดยรัฐ และยังมีคนมากมายที่ต้องการซื้อเครื่องสวมศรีษะพวกนี้ไว้ก่อนด้วย

 

ตอนนี้เฉินหลงขายเครื่องสวมศีรษะเพื่อวางรากฐานให้กับอนาคตของประเทศ ประเทศของเขายังรู้เรื่องนี้ด้วย ดังนั้นแล้ว โรงงานที่เป็นธุรกิจของรัฐจึงมีส่วนร่วมในการผลิตเครื่องสวมศีรษะ การผลิตเครื่องสวมศีรษะและชิพพวกนี้ช่างง่ายดายและไม่มีความยากลำบากมากมายอะไร หากไม่มีโปรแกรมของ “โลกใหม่” แล้ว ของทั้งหมดพวกนี้ก็ไร้ประโยชน์

โปรแกรมท้ายสุดได้เพิ่มเข้าไปโดยคอมพิวเตอร์ของเฉินหลงในตึกเว่ยหลง

หลังจากคอมพิวเตอร์ของเฉินหลงแปรเปลี่ยนเป็นระบบอัจฉริยะแล้วจึงไม่มีใครในโลกที่จะบุกรุกเข้ามาในระบบได้ ท้ายที่สุดแล้วคงเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดหากคนล้าหลังจะเอาขนะคนที่ทันสมัยได้ คนที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างที่สุด

 

ตอนนี้เมื่อมีเจิ้งอี้ที่มีพลังระดับลมปราณแล้ว เขาเชื่อว่าจะแทบไม่มีใครเลยที่จะบุกรุกเข้ามาได้

หลังจากนั้นหวังหูก็พัฒนาสำเร็จ

“หัวหน้า ผมทำได้แล้ว พลังของผมไปถึงขั้นกำเนิดแล้ว” เมื่อหวังหูพัฒนาสำเร็จ เขารู้สึกได้ถึงพลังกายของเขาที่ต่างไปจากตอนแรก ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาจึงเจอหน้าเฉินหลงอย่างตื่นเต้น

ระดับกำเนิดเป็นระดับที่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกคนต้องการจะก้าวไปให้ถึง นั่นหมายความว่าพวกเขาได้เดินในทางเดินแห่งศิลปะการต่อสู้เสร็จสิ้นไปทางหนึ่งแล้ว และเขาเดินในทางที่แกร่งกว่าเดิม หวังหูไม่ได้ต่างไปจากพวกนั้น ด้วยคุณสมบัติของหวังหู เขามีพลังระดับกำเนิดได้แต่คงทำไม่ได้ในเวลาสั้นๆ ตอนนี้เฉินหลงเป็นผู้เดียวที่มีเครื่องมือวิเศษที่ทำให้เขามีพลังระดับที่เขาใฝ่ฝันได้ จึงเป็นเรื่องปกติที่หวังหูจะตื่นเต้นมากขนาดนี้

 

“แน่นอน ฉันคงผิดหวังถ้านายไม่ได้มีพลังถึงระดับที่นายควรมีแต่เกิด” เฉินหลงมองหวังหูอย่างพึงพอใจ

เมื่อเขาขอให้ถึงหวังหูกิน “หินแห่งแสง” เข้าไป เขาไม่คิดอะไรมากมายเลย นี่ทำให้เฉินหลงพึงพอใจในตัวหวังหูมากและเขาตั้งใจจะลงทุนกับเขาต่อ

หวังหูรีบกล่าวขอบคุณกับเฉินหลง “ขอบคุณสำหรับความสำเร็จนี้”

เขาสามารถมีพลังระดับกำเนิดได้ ทว่าการพัฒนาไม่ได้ขึ้นอยู่กับเฉินหลงไปเสียหมด และการคิดว่าเฉินหลงพัฒนาระดับพลังทางศิลปะการต่อสู้ไปได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นเรื่องธรรมดาๆแล้ว หวังหูได้แต่นับถือเฉินหลง

 

จากนั้น หวังหูเห็นว่าในห้องทำงานมีกลุ่มแสงอีกสองกลุ่มที่เป็นของเทียซินและลู่หง

“อย่าตกใจไป นายเพิ่งได้ออกมา นี่ยังมีทียซินกับลู่หงด้วย” เฉินหลงว่าด้วยรอยยิ้ม

เขาได้ฟังคำของเฉินหลงแล้วหวังหูแสดงสีหน้าประหลาดใจ ใครจะทัดเทียมกับเทียซินและลู่หงแน่นอนว่าเขารู้ว่าสองคนนี้เป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของเขา และพวกเขายังเคยดื่มด้วยกันอีกด้วย ดังนั้นแล้วเขาจึงแน่ใจเรื่องกำลังที่เขามีได้ เมื่อเขาออกมาจากกลุ่มแสง เขามีพลังระดับกำเนิด แล้วสองคนนี้เล่าจะเป็นอย่างไร

ตอนนั้นเขาพบว่าเจิ้งอี้ก็อยู่ที่นั่นด้วย

เมื่อเขาเห็นเจิ้งอี้ หวังหูแปลกใจมาก ในเมื่อเจิ้งอี้ยืนอยู่ที่นี่แต่เขาไม่รู้สึกถึงตัวตนได้อย่างไรกัน และพลังของเขาแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนแล้วและไม่ใช่เพียงแค่ระดับปรมาจารย์ แต่ตอนนี้เขามองพลังของเจิ้งอี้ไม่ออก นี่พละกำลังเขาเหนือไปแล้วหรือ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

 

อย่างไรเสีย เมื่อเขาคิดว่าด้วยความช่วยเหลือจากเฉินหลงเขาได้พัฒนาไประดับกำเนิดอย่างง่ายดายได้แล้ว แล้วเพราะเหตุใดเจิ้งอี้ถึงจึงจะผ่านไประดับที่สูงกว่าเขาไม่ได้ ในบริษัทนี้เจิ้งอี้มักจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเฉินหลงเสมอและเฉินหลงก็ควรพัฒนาพลังให้เขา เมื่อคิดได้เช่นนี้หวังหูตัดสินใจได้ว่าจะซื่อสัตย์ต่อเฉินหลงให้มากกว่าเดิม เฉินหลงกล่าวต่อไปว่า “หวังหู เจิ้งอี้ก็เป็นแบบนาย เขากลืน “หินแห่งแสง” ไปเพียงชิ้นเดียวเขาสามารถมีพลังระดับที่เป็นอยู่ได้ด้วยตัวเอง ตราบใดที่นายยังทำประโยชน์ให้ฉันอยู่ ฉันจะไม่ทำอะไรแย่ๆกับนายหรอก”

 

“เจ้านาย อย่าได้กังวลไป ผม หวังหู จะไม่ทำให้ผิดหวังหรอก” หวังหูรีบตอบไป

จากนั้น อีกไม่นานเทียซินละลู่หงก็พัฒนาได้สำเร็จ

เมื่อได้เห็นว่าพลังของเทียซินและเพื่อนของเขาได้ผ่านพ้นไปสู่ขั้นกำเนิดแล้ว หวังหูก็ยังชื่นชมในตัวเฉินหลงอยู่ดี พลังของคนคนหนึ่งมีสภาพจากที่กำเนิด ร่วมกับฝีมือการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว จากการรวมกันของสองสิ่งนี้จะทำให้การผ่านพ้นของสภาพที่มีง่ายดายราวกับดื่มน้ำ แล้วคนเราจะไม่ชื่นชมเขาได้อย่างไร

และการทำเช่นนี้ทำให้ลูกน้องของเฉินหลงแทบทั้งหมดมีพลังในระดับกำเนิดเหมือนกัน ช่างเป็นพลังที่ไม่ได้อ่อนแอเลย

เมื่อพลังของเทียซินและลู่หงได้ไปถึงขั้นกำเนิด เฉินหลงยังให้พวกเขาได้เข้า “โลกใหม่” ที่สมบูรณ์ไปด้วย เพื่อให้พยายามพัฒนาพลังต่อไป

หลังจากจัดการเรื่องเจิ้งอี้และหวังหูแล้ว เฉินหลงพร้อมให้เฉินหยิงและพวกได้เข้าสู่ “โลกใหม่” ที่สมบูรณ์

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อเป็นเวลาที่ถูกที่ควร “โลกใหม่” ของชาติจีนที่ยิ่งใหญ่จะอัพเกรดไปสู่เวอร์ชั่นเต็ม และเพราะว่าพวกเขาต้องการจะเข้า“โลกใหม่”นี่ ทำไมเขาจะไม่ให้ญาติของเขาได้สนุกกับประสบการณ์ที่ดีกว่าก่อนใครเล่า

 

“พี่หลง นี่หรือคือโลกใหม่” เฉินหยิงมองเครื่องสวมหัวของเฉินหลงด้วยความแปลกใจ เมื่อไม่กี่วันก่อนในปักกิ่งแทบทุกอย่างที่เฉินหยิงได้ยินเกี่ยวข้องกับเกม“โลกใหม่” อะไรที่ทำให้เฉินหยิงประหลาดใจไปได้มากกว่าเก่าคือบริษัทที่พัฒนาเกมนั้น คือบริษัทที่เธอเข้าทำงาน เธอตัดสินใจได้ในขณะเดียวกันว่าเธอสงสัยเกี่ยว“โลกใหม่”นี่เป็นที่สุด