TB:บทที่ 192 หมีที่น่าเกรงขาม
เฉินหลงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว นี่คือ“โลกใหม่” เธอเข้าไปแล้วลองดูสิ เธอจะได้เจอกับผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงเลย”
เฉินหยิงคือคนที่สนใจ“โลกใหม่”มาอย่างยาวนาน เธอรีบสวมเครื่องสวมหัวและรีบลองเข้าไปเล่นทันที
เช่นเดียวกับ เฉินเล่ยและพวกญาติๆที่เข้าเกมกันไป
แม้เฉินหลงจะขอให้เฉินหยิงช่วยเขาเรื่องบริษัทแล้ว จริงๆแล้วเขาอยากจะชวนมาใช้ชีวิตที่ดีร่วมกันด้วย แน่นอนว่าหากพวกเขามีความสามารถจะเป็นผู้จัดการได้ เฉินหลงคงจะมีความสุขมาก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดือนหนึ่งได้ผ่านไป
เดือนนี้เขาไม่รู้ว่าสมาชิกทั้งแปดของหนทางปิศาจได้เข้า“โลกใหม่”มาเพื่อเล่นเกม แต่ไม่มีพวกนั้นมาก่อกวนเฉินหลงเลย
อย่างไรก็ตามคนในหนทางปิศาจไม่ได้มาหาเฉินหลงเพื่อก่อปัญหา ทว่าชายคนหนึ่งต้องการจะมาหาเรื่องกับเฉินหลง
ในเดือนนี้เมืองหลวงช่างไม่สงบสุขเอาเสียเลย เนื่องจาก ประการแรกสุดคือซ่งเทียนฮาว หัวหน้าของสกุลซ่งได้ข้ามไปสู่ระดับกำเนิดแล้ว สกุลซ่งยังได้เผยหลักการเรื่องนี้อย่างมากด้วย
อีกประการหนึ่งคือหวังซือเหวินคนที่เป็น “สี่ความน่าเสียดายของศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองหลวง” จู่ๆก็ได้ฟื้นตัว ยิ่งไปกว่านั้นพลังของเขาได้ก้าวข้ามไปยังขั้นกำเนิด ในขณะเดียวกันเขายังได้รับชื่อเดิมของเขาคืนด้วย หวังหว่านจิน ในตอนนั้นเองมีปรมาจารย์หนุ่มที่ทรงพลังสามคนในสกุลหวัง คนหนึ่งคือหวังเจียนคนที่เอาชนะคนเก้าคนได้ในทีเดียว อีกคนคือหวังเฉียนจินคนที่สร้างกระบวนท่า “เฉียนจิน เฉินฉวน” ขึ้นมาเองด้วยพลังที่สรวงสวรรค์ให้เขามา และหวังหว่านจินคนที่พิการมาสิบเจ็ดปีแต่ตอนนี้เขาได้ฟื้นฟูสู่สภาพตามเดิมแล้ว
เหตุผลอีกประการคือสกุลหวัง สกุลที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ครอบครัวเก่าแก่ทั้งสี่ ได้แข็งแกร่งนำหน้าสกุลซ่งไปในฉับพลัน
ในขณะเดียวกัน สกุลหวังยังได้จัดงานเลี้ยงที่หวังหว่านจินได้ก้าวข้ามระดับตามกำเนิดเขาไปได้แล้ว แน่นอนว่าเฉินหลงเป็นหนึ่งในแขกที่ขาดไปไม่ได้
สำหรับการขาย “โลกใหม่” ในต่างประเทศ เฉินหลงขอให้ประเทศเขาช่วยจัดการกับการขาย เพื่อให้ราคาต่อชิ้นอยู่ที่สองพันดอลลาร์
เมื่อคนดีๆมายังจีนที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาจะแลกเงินได้มากกว่าหกพันหยวนต่อสามหรือสี่ร้อยดอลลาร์ ตอนนี้สินค้าของพวกเขาได้ขายหมดไปแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะทำเช่นเดิม อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนเดียวที่มีสินค้า หากทำเงินได้มากแล้วคุณจะซื้อก็ทำไม่ได้ เฉินหลงทำเช่นนี้เพราะเขาไม่อาจซื้อสินค้าต่างชาติแพงๆได้ หลังจากเฉินหลงไปหาสกุลหวัง สกุลหวังรีบรับเขาเข้าไปทันที เฉินหลงได้ทำบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้กับความสำเร็จของสกุลหวัง
หลังจากหนึ่งเดือนแห่งการพักฟื้น หวังหว่านจินได้ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว และเนื่องจากเขาใช้เวลาอ่านหนังสือกว่าสิบปี เขาจะไม่ได้มีบุคลิกที่อยู่ไม่นิ่งอย่างคนหนุ่ม ทว่าเขามีความสงบนิ่งที่หาได้ยากในวัยนี้
“อาจารย์เฉิน ผมซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากที่คุณมาหาหว่านจิน อาจารย์เฉินได้ให้ชีวิตกับหว่านจิน หากคุณต้องการอะไรจากหวังหว่านจินในอนาคต ขอเพียงแค่เอ่ยมา แล้วหวังหว่านจินจะไม่ทำหน้าบึ้งตึงเลย” หวังหว่านจินมองสีหน้าเฉินหลงและกล่าวไปอย่างจริงใจ
สำหรับการตอบแทนเฉินหลงแล้วหวังหว่านจินคิดได้เพียงวิธีนี้ที่จะทดแทน
เฉินหลงยิ้มให้และตบบ่าเขา เขาไม่ตอบอะไร เขาเห็นว่าหวังหว่านจินนั่นจริงใจและเขาดีใจที่เขาเลือกช่วยคนถูก
ในตอนนั้นเอง ในห้องสวีทของโรงแรมหนึ่งห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตร หญิงคนหนึ่งสวมผ้าคลุมหน้ากำลังมองเฉินหลงในบ้านของสกุลหวังด้วยกล้องส่องทางไกล
เมื่อจำหน้าตาของเฉินหลงได้แล้ว สายตาหญิงคนนั้นฉายสีแห่งความขมขื่น ในเวลาเดียวกันเธอยังปล่อยพลังให้ไหลออกมาอีกด้วย พลังที่ไปถึงระดับพลังลมปราณ
หากว่าไม่ใช่เพื่อการทำลายเฉินหลงแล้ว ตราบเท่าที่หวังหว่านจินอายุยี่สิบปีและมีความหมกหมุ่นกับพลังระดับกำเนิดของเขา เขาคงก้าวข้ามไปสู้ระดับพลังลมปราณได้ ทว่าในครั้งนี้เขาจะโดนเฉินหลงทำลาย
หญิงคนนี้เป็นนายแม่ของกลุ่มคนที่อาศัยในภูเขาลึก และเนื่องจาก “มนต์หยินฟู่” ที่สาปร่างหวังหว่านจินได้ถูกทำลายไป “ทักษะการเคลื่อนกง” ของเธอจึงไม่อาจทำได้สำเร็จด้วย และเธอได้เสียความสามารถที่จะพัฒนาไปสู่ขั้นที่สูงกว่าไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องหารหาคนที่ทำลาย “มนต์หยินฟู่” ของเธอให้เจอ
และเธอก็รู้ด้วยว่า “หยินฟู่” ที่สาปหวังหว่านจินไว้ได้สลายไปแล้ว สกุลหวังอาจจะสงสัยเธอได้ หลังจากไปยังเมืองหลวง เธอซ่อนร่องรอยอย่างระมัดระวังและในเวลาเดียวกันนั้นเธอก็หาตัวคนที่รักษาหวังหว่านจินไปด้วยอย่างรอบคอบ
เนื่องจากเฉินหลงโด่งดังเกินไปในเมืองหลวง และด้วยความสามารถของเธอ เธอจึงรู้ว่าเป็นเฉินหลงได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน เธอยังรู้ด้วยว่าเฉินหลงจะเข้าร่วมงานเลี้ยงของสกุลหวังในวันนี้ และเธอได้เฝ้ามองเป็นเวลานานแล้ว เธอพร้อมที่จะหาโอกาสเพื่อจะฆ่าเฉินหลงเพื่อดับความโกรธแค้นของเธอ
เฉินหลงไม่รู้ว่าเขาโดนเฝ้ามองอยู่ หลังจากเขาอยู่ที่งานเลี้ยงไปครู่หนึ่ง เขาก็ออกไป
เพราะสุดท้ายเฉินหลงไม่คุ้นชินกับงานเลี้ยงเช่นนี้
หลังจากที่เธอเห็นเฉินหลงจากไป หญิงคนนั้นได้อ่านบันทึกจำนวนหนึ่งที่คล้ายกับเป็นการร่ายเวทย์มนต์ด้วยปากไปด้วย ร่างของเธอทั้งร่างเริ่มเลือนไป และร่างเธอได้ค่อยๆหายไปจากห้องนั้น
จากนั้น หน้าต่างในห้องก็เปิดออก
ในขณะนั้น หากมีใครเห็นหญิงคนนั้น คนคนนั้นจะเห็นเธอยืนอยู่ในอากาศแล้วอากาศนั้นก็ตามเฉินหลงไปอย่างใกล้ชิดตรงสู่รถของเขา
เฉินหลงไม่รับรู้ถึงอะไรทั้งนั้น เขากลับไปวิลล่าของเขา
สำหรับเฉินเซิน เฉินหยิง เฉินหลงได้จัดให้พวกเขาพักที่คฤหาสน์ในช่วงหนึ่ง แต่ตัวเขาเองอาศัยอยู่ที่วิลล่าของเขา เพราะสุดท้ายการคุกคามของหนทางปิศาจก็ยังอยู่ที่นั้นและเฉินหลงไม่อยากให้พวกเขาได้ผลกระทบไปด้วย
ตอนที่เขาขับรถอยู่ เฉินหลงคิดว่าจะกลับเข้าเกมเพื่อฝึกทักษะ
ในช่วงเดือนนี้ เฉินหลงไม่มีเวลาว่างเลย เขาพยายามจะพัฒนาพละกำลังในเกม เพราะไม่มีทางที่ตอนนี้จะมีคนจำนวนมากตามรอยเท้าเขามาได้ หากว่าเขาไม่พัฒนาเขาก็จะโดนเหยียบข้ามไปได้
อย่างไรเสียเมื่อเป็นเรื่องของ “โลกใหม่” ที่มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากมายอยู่ ขณะที่ท้าทายพวกมัน พลังของเฉินหลงจะเพิ่มขึ้นอย่างคงที่ หนึ่งเดือนต่อมา เฉินหลงได้แตะเข้าสู่ระดับพลังลมปราณ
เมื่อเขาขับรถมาถึงวิลล่า เฉินหลงจอดรถและกลับไปห้องของเขา และพร้อมจะเล่นเกมที่อัพเกรดแล้ว อย่างไรก็ตามแต่ครั้งนี้เสี่ยวเฮยหมายเลขสองและหมายเลขสามได้เห่าเขาทันที เฉินหลงรับรู้ได้ถึงสัญญาณที่เลวร้ายอีกด้วย
เมื่อเสี่ยวเฮยหมายเลขสองและหมายเลขสามเห่า เฉินหลงพลันรู้สึกได้ว่าในวิลล่าของเขาห่อหุ้มไปด้วยพลังปริศนา
จากนั้น หญิงคนหนึ่งที่สวมผ้าคลุมหน้าปรากฏขึ้นมาในห้องเฉินหลง
ในทันทีที่หญิงคนนั้นปรากฏกายขึ้นมา เฉินหลงรู้สึกได้ถึงความอันตรายอย่างที่สุด
“คุณเป็นใคร” ขณะที่พูดอยู่เฉินหลงได้ใช้วงแหวนมิติของเขาด้วยจิตแล้ว และเขาก็พร้อมที่จะหยิบเครื่องมือออกมาทุกเมื่อ
หญิงคนนี้มีความรู้สึกที่น่าอันตราย และเฉินหลงไม่ต้องการที่จะล่าช้า
“ฉันจะไม่บอกว่าฉันเป็นใคร ฉันจะทำให้นายตายด้วยความเกลียดชังในใจ” หญิงคนนั้นว่าข้างหลังเธอปรากฏเงาหมียักษ์ เงาของหมีตัวยักษ์นี้กวาดอุ้งมือยังตรงมายังเฉินหลงอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเฉินหลงพลันเปลี่ยนไปเมื่อเขาเห็นภาพของอุ้งมือที่ตรงมา แม้อุ้งมือยักษ์นี้จะไม่มีสสาร แต่พลังที่กดลงมาเป็นของจริง และนี่ไม่ทำให้เฉินหลงรู้สึกดีขึ้นเลย