ขณะที่เรนนี่กระแทกกับมุมแหลมทางด้านขวา สองมือเธอกอดท้องทันที ความเจ็บปวดกระจายตัว ลำไส้เหมือนจะบิดตัวเข้าหากัน ระหว่างสองขาเธอเปียก เธอรู้อย่างชัดเจนว่าเด็กไม่สามารถรักษาชีวิตได้แล้ว…
“เจ็บ…เจ็บ…แม่…เจ็บ…”
ซาฮาร่าล้มโดยเอาท้องลง ท้องจึงชนกับขั้นบันไดมาตลอดทาง ใบหน้าเธอก็ซีดมาก ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างดังครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับเสียงหอบหายใจ ซึ่งฟังดูทรมานอย่างยิ่ง
เรนนี่กุมท้องที่แทบจะไร้ความรู้สึก ใช้หายใจเฮือกสุดท้ายมองไปที่ซาฮาร่าที่ขดตัวด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ประหลาดใจที่พบว่าก็มีเลือดไหลออกจากระหว่างขาของเธอเช่นกัน…
ดวงตาของเรนนี่เบิกกว้าง
หรือว่า…หรือว่าซาฮาร่าก็กำลังท้องอยู่?
แต่ว่าเธอไม่สามารถคิดมากไปกว่านั้นได้ เมื่อเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังเข้ามาอีกครั้ง เธอไม่สามารถทนได้ไหวแล้ว ภาพด้านหน้ามืดลงหมดสติไป
ซาฮาร่ายังคงนอนดิ้นรนไม่หยุดอยู่บนพื้น ความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าทำให้เธอทนไม่ไหว ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ บนหน้าผากมีเหงื่อหยดเล็กๆผุดออกมา เธอเจ็บปวดอย่างมาก
พอชฎารัตน์ที่ถูกคนใช้เรียกมาเห็นฉากตรงหน้า มีเลือดอยู่ใต้ตัวเรนนี่ ระหว่างขาของซาฮาร่าก็มีเลือด…
เธอเวียนหัวเล็กน้อย จึงรีบโทรหาเบอร์ฉุกเฉินของโรงพยาบาล ให้รถพยาบาลและคุณหมอมาพร้อมกัน
จากนั้นเธอก็โทรหาหัสดิน ให้เขารีบกลับมา ที่บ้านเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
ขณะที่หัสดินมาถึง ทั้งคู่ต่างถูกส่งไปที่ห้องผ่าตัดแล้ว
สีหน้าเขาเคร่งเครียด โทรหาผู้อำนวยการ ให้พยาบาลในห้องฉุกเฉินออกมาหนึ่งคน เขามีอะไรจะพูด
ผู้อำนวยการตอบตกลง ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก พยาบาลถอดหน้ากากเดินออกมา
หัสดินพาเธอไปที่มุมหนึ่งด้วยใบหน้าที่สงบ กระซิบพูดอะไรบางอย่างไม่หยุด
พยาบาลฟังแล้วก็พยักหน้าติดต่อกัน แสดงว่าตัวเองเข้าใจ
ชฎารัตน์เข้ามา เห็นดังนั้นเธอถามหัสดินว่าคุยอะไรกับพยาบาล
หัสดินไม่ตอบ เพียงแค่ถามอาการของซาฮาร่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉิน สถานการณ์เหมือนกับทางด้านนี้ ชฎารัตน์ขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดว่า “เกรงว่าเด็กจะไม่รอด”
หัสดินไม่รู้ข่าวการตั้งครรภ์ของซาฮาร่า เพราะซาฮาร่าปกปิดไว้
หัสดินไม่ชอบรัดเกล้าเอามากๆ ซาฮาร่าท้องลูกของเขา เขาย่อมไม่เต็มใจนัก
ดังนั้นซาฮาร่าจึงปิดบังไว้มาตลอด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หัสดินถาม
ชฎารัตน์ส่ายหน้าเพื่อบ่งบอกว่าเธอเองก็ไม่ทราบสาเหตุ พอเธอรีบกลับจากสวนมาที่ห้องนั่งเล่น ทั้งสองคนก็หมดสติไปแล้ว
หัสดินและชฎารัตน์เดินกลับไปที่ห้องฉุกเฉินของซาฮาร่า โดยไม่พูดอะไรอีก และรอคอย
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ไฟในห้องฉุกเฉินก็ดับลง เตียงซาฮาร่าถูกผลักออกมา
ทั้งสองรีบถามสถานการณ์อย่างกังวล คุณหมอกล่าวว่า “ลูกของคุณซาฮาร่าไม่สามารถรักษาไว้ได้ นอกจากที่จะต้องรักษาร่างกายแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหา”
“ส่วนคุณเรนนี่ ครั้งนี้เป็นการแท้งครั้งที่สองของเธอแล้ว เกรงว่าในอนาคตจะมีแนวโน้มภาวะแท้งจนเป็นนิสัย หากอยากจะรักษาทารกในครรภ์ไว้ก็ยากมาก”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ชฎารัตน์กลับไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย เธอไม่แยแสนัก
ไม่ว่าเธอจะมีแนวโน้มภาวะแท้งจนเป็นนิสัยในอนาคตหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลภูษาธร!
สูญเสียลูกแล้ว ความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลภูษาธรได้สิ้นสุดลงแล้ว
ก่อนหน้านี้หัสดินเคยต้องการหย่าแต่ทำไม่ได้ก็เพราะเด็กคนนี้ ตอนนี้เขาสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้แล้ว
พอตื่นขึ้นท้องฟ้าก็มืดแล้ว เรนนี่เหลือบมองที่ท้อง รู้สึกสบายใจ
เด็กหลุดไปแล้วจริงๆ!
แต่ทว่าเมื่อคิดถึงฉากก่อนที่จะหมดสติ เธอกำลังคิดว่าซาฮาร่ากำลังท้องจริงไหม?
ขณะกำลังใจลอยคิดถึงเรื่องนี้ ประตูห้องก็เปิดออก หัสดินเดินเข้ามา
เรนนี่อ่อนแอลงทันที สีหน้าเธอเจ็บปวดอย่างมาก “หัสดิน ลูกของเรา…ลูก…หายไปแล้ว…”
ขณะที่พูดมือของเธอก็ห้อยลงด้านข้าง เธอแอบบีบต้นขาตัวเองใต้ผ้าห่ม ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเกิดขึ้น น้ำตาก็เริ่มไหลออกจากขอบตา ดูเจ็บปวดอย่างมาก
หัสดินไม่แยแส รู้สึกถึงขั้นว่าหลังจากที่เห็นสีหน้าแบบนี้ของเธอ สายตาก็ปรากฏความรังเกียจขึ้น
เรนนี่ไม่ได้คิดมาก เธอแค่นึกว่าเขาโศกเศร้าเกินไปแต่ไม่อยากแสดงออก หลังจากน้ำตาไหลครู่หนึ่ง ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างออก เธอแสร้งพูดอย่างกังวลและห่วงใยว่า “พี่ล่ะ? เธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ร่างกายไม่เป็นไร แต่เด็กไม่รอด” ตอนที่พูดประโยคนี้สายตาของหัสดินจับจ้องมาที่เธอ
“พี่สาวท้องเหรอคะ?” เรนนี่ตกตะลึงจริงๆ สุดท้ายเธอพูดช้าๆว่า “ถึงแม้จะเป็นครั้งที่สองที่เจอกับเหตุการณ์นี้ ฉันก็ยังคงเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก คิดว่าเธอก็คงเศร้ามากเช่นกัน ฉันอยากไปเยี่ยมเธอ”
หัสดินถามโดยไม่สนใจคำพูดของเธอ “เมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้น?”
เรนนี่สะดุ้งเล็กน้อยแล้วพูดอย่างเงียบเหงาว่า
“เมื่อเช้าฉันกับพี่สาวเดินลงบันไดมาด้วยกัน เธออยู่ข้างหน้าฉัน ฉันอยู่ข้างหลัง จู่ๆเท้าของฉันก็ลื่นไปเหยียบเท้าเธอ อย่างที่คุณรู้ ตั้งแต่ฉันกับพี่สะใภ้พาดหัวข่าวเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวกับฉันไม่ค่อยดีนัก อาจเป็นเพราะเธอยังเกลียดฉันจึงผลักฉันอย่างแรง ฉันก็กลิ้งตกบันได ใครจะรู้ว่าเธอก็ยังยืนไม่มั่นคงจึงล้มตกลงไปด้วยกัน น่าสงสารเด็กสองคนที่ไม่ได้คลอดออกมา”
ขณะที่พูดน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาไม่หยุดราวกับสายน้ำ
ความจริงเธอต้องขอบคุณความเจ็บปวดที่กระจายออกจากร่างกาย เพราะความเจ็บปวดนี้เองที่ทำให้เธอสามารถร้องไห้ออกมาได้อย่างสมจริง
ขณะนั้นเองประตูห้องพักผู้ป่วยถูกผลักเปิดออก ซาฮาร่าเดินเข้ามา ร่างกายของเธออยู่ในสภาพที่อ่อนแออย่างยิ่ง ฝีเท้ายิ่งล่องลอย
แม้ว่าชฎารัตน์จะคอยพยุงเธออยู่ข้างๆ เธอก็ยังดูเดินได้อย่างลำบากมาก
ไม่ง่ายที่จะเดินไปถึงข้างเตียง ซาฮาร่าที่หน้าซีดตบเรนนี่อย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงกรีดร้องลั่น “คืนลูกฉันมา คืนลูกฉันมา…”
เรนนี่หลบและตะโกนด้วยความเจ็บปวด “ลูกของฉันก็ตายแล้ว ก็ตายแล้วเหมือนกัน! ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอผลักฉัน เรื่องนี้ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้น!”
“แกกล้าเล่นลิ้นเหรอ! แกกล้าที่จะเล่นลิ้น! ลูกของฉันถูกแกฆ่า! ทั้งหมดเป็นเพราะแก!” ซาฮาร่าตะโกนเสียงดัง ข่วนเรนนี่ไม่หยุด
“เพราะเธอผลักฉันอย่างแรง ดังนั้นลูกของฉันถึงตาย!” เพื่อที่จะทำให้ตัวเองแสดงได้เหมือนจริงมากขึ้น เรนนี่ก็ข่วนซาฮาร่ากลับ
หลังจากเพิ่งแท้งลูก ร่างกายทั้งคู่ต่างก็อ่อนแออย่างยิ่ง หลังจากโต้เถียงกันครู่หนึ่ง ทั้งคู่ก็ค่อยๆหมดสติไป
หัสดินโน้มตัวไปอุ้มซาฮาร่ากลับไปที่ห้องวางเธอลงบนเตียง หลังจากเรียกคุณหมอมา เขาก็เดินออกไปทันที ตั้งใจจะกลับไปที่คฤหาสน์ภูษาธร
เช้านี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาต้องกลับไปดูให้ชัดและเข้าใจ
ไม่นานเขาก็กลับมาถึงคฤหาสน์ภูษาธร เขาตรงไปที่ชั้นสอง เอากล้องวงจรปิดที่มุมห้องออกมา
จากในกล้องเห็นได้ชัดว่าเรนนี่ไม่ทันระวังลื่นไปเหยียบเท้าซาฮาร่าจนเธอร้อง จากนั้นซาฮาร่าก็ผลักเธออย่างแรง แล้วทั้งสองก็กลิ้งลงบันไดตามกันลงไป…
ร่างสูงของหัสดินเอนกายพิงโซฟาราวกับว่างมาก ปลดกระดุมเสื้อสูทอย่างลวกๆแล้วโยนมันลงบนเตียง ใช้นิ้วคลิกดูวิดีโอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เล่นซ้ำ เล่นซ้ำ เล่นซ้ำอีกครั้ง
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาจะไม่สงสัยในคำพูดของเรนนี่แม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าเธอพูดอะไร เขาก็เชื่อ
แต่ตอนนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น เขาไม่เชื่อในตัวเธออีกต่อไป!
ปลายนิ้วแตะปุ่มเล่นซ้ำเบาๆ เล่นซ้ำ จบ จบ เล่นซ้ำ ทันใดนั้นดวงตาของหัสดินก็ลึกขึ้นและเย็นชาลงเรื่อยๆ
…
หลายวันมานี้เธอไม่ได้เจอฮาคิระ ยู่ยี่รู้สึกว่าอารมณ์ของเธอไม่ได้ดีขึ้นเลย อากาศค่อยๆอบอุ่นขึ้น ดีขึ้น
พอไม่ไปทำงานก็ไม่มีอะไรทำ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมอด โชคดีที่เก็บเงินเดือนจากงานก่อนหน้าไว้ ซึ่งทำให้เธอหมดกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าในช่วงสองสามเดือนนี้
สำหรับเงินที่หัสดินใส่ไว้ให้ที่นี่ เธอตั้งใจจะเก็บไว้ให้ลูกในท้อง
ไม่ว่ายังไงนี่คือสิ่งที่เธอสมควรได้รับ ให้ลูกของเธอก็ย่อมเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ยู่ยี่ลูบท้องเบาๆ
คุณแม่ธันยวีร์กังวล อยากจะบินมาดูแลเธอ ยู่ยี่รีบบอกให้ฉันทัชปฏิเสธ เธอยังไม่อ่อนแอถึงขั้นนั้น
ฉันทัชสวมเพียงเสื้อสเวตเตอร์สีเทาอ่อน ด้านล่างสวมคู่กับกางเกงสแล็ค เขายังคงดูสง่างาม ในมือใหญ่ถือสมุดโน้ต มือใหญ่ที่เห็นข้อต่อชัดเจนเคาะแป้นพิมพ์ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าจริงจัง
ยู่ยี่มองเขาด้วยความสงสัย ถามว่า “คุณกำลังทำอะไร?”
“ตั้งชื่อลูก…” เขาตอบทั้งๆที่สายตายังจ้องคอมพิวเตอร์อยู่ ไม่ละสายตาออกเลย
“คิดออกรึยัง?” เธอเงยหน้าขึ้นหรี่ตา ชายหนุ่มวางแก้วน้ำและคอมพิวเตอร์ลงบนโต๊ะ เหยียดแขนออกหยิบผลไม้ในจานผลไม้ ปอกเปลือกออก แล้วเอาส้มเข้าปากเธอแล้วตอบเธอว่า “ดูมาเยอะแล้ว แต่ยังไม่มีที่เหมาะสมเลย”
ดวงตาลึกของเขาหรี่ลง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉันทัชก็พูดเสียงทุ้มว่า “ฉันยู่ เป็นไง?”
ส้มมีรสอมเปรี้ยวอมหวาน เธอหรี่ตากินอย่างเอร็ดอร่อย แล้วขมวดคิ้ว “ฉันยุ่ง?”
เขาหัวเราะเบาๆอย่างจนใจกับเธอ “อย่าซน…”
“ชื่อทั้งสองก็เสียงคล้ายกันไง ฉันยู่ และฉันยุ่ง ไม่เอาหรอก ในอนาคตลูกของฉันจะเป็นคนยุ่งวุ่นวายไม่ได้” แม้ว่าจะเป็นการเอาชื่อของทั้งสองคนมารวมกัน แต่เธอก็ไม่ชอบเสียงตัวอักษร
เขาหัวเราะออกมาเบาๆอีกครั้ง การได้อยู่กับเธอมักทำให้เขาปลอดโปร่ง มีความสุข และสบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในขณะที่ทั้งสองยังคงกระซิบรักกันเบาๆอย่างหวานซ้ำ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น อาคิระเป็นคนโทรมา
บอกว่าจะไปผับตอนกลางคืน เขาอยากดื่ม
ฉันทัชปฏิเสธทันที ตอนนี้เขาไม่สนใจผับแล้ว เมื่อไปนั่งอยู่ที่นั่นเขารู้สึกเหมือนเสียเวลา
“ทำไมล่ะ? พอมาวันนี้เอวาไม่อยู่แล้ว พอถึงวันเกิดของเธอ นายไม่คิดแม้แต่จะดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉันสักแก้วเลยเหรอ” อาคิระพูดอย่างประชดประชัน
คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย ฉันทัชรู้สึกโทษตัวเองขึ้นมา เขาเกือบลืมไปแล้วว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเอวา
เขาตอบกลับบอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิด วันนี้เป็นไปไม่ได้ พรุ่งนี้เถอะ