ตอนที่ 40 สุภาพบุรุษผู้รักในเงินทองและการแต่งงานที่ถูกประเพณี โดย Ink Stone_Fantasy
“นี่ ทำไมเจ้าถึงทำหน้าเหมือนท้องผูกแบบนี้เล่า กินดินขาวมากไปเรอะ”
ที่โรงเตี๊ยมตระกูลหรูในเมืองธาราวิญญาณใต้เขากระบี่วิญญาณ เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยทักทายอย่างอบอุ่น
ลูกค้าผู้มีใบหน้าถมึงทึงตอบกลับอย่างมีมารยาท “งี่เง่า หลีกทางข้า”
เถ้าแก่เนนี้ยรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเหลือล้น “นายท่านเจ้าคะ เมื่อกี้ได้พูดภาษาคนหรือเปล่า ทำไมข้าฟังไม่เข้าใจสักนิด”
ผู้เป็นแขกขี้เกียจเกินจะตอบโต้ถ้อยคำไร้สาระของอีกฝ่าย เขาจึงรี่เข้าไปที่โต๊ะยาวพลางวางเหรียญลงบนโต๊ะเก้าเหรียญ “เหล้าสองชาม โป๊ยกั๊กชามนึง… หมูย่างชามนึง ซุปเผ็ดชามนึง เกี๊ยวนึ่งถาดนึง แล้วก็…”
“เฮ้ เจ้าให้มาแค่เก้าหยวนเองนะ!”
——
หลังจากตะโกนต่อล้อต่อเถียงกันเสียงแหบแห้ง ไม่นานนักบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด แม้จะเป็นอาหารธรรมดา แต่ด้วยฝีมือของเถ้าแก่เนี้ยทุกชามล้วนรสชาติดีทั้งสิ้น
“เร็วเข้า บอกข้ามาว่าทำไมหน้าเจ้าถึงได้บึ้งตึงแบบนี้ อย่างกับว่าเจ้าไปถูกใครข่มขืนมา”
“แค่ก” หวังลู่กระดกสุราเข้าไปอึกหนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยปากพูด “การแข่งขันรอบรองชนะเลิศจบลงแล้ว”
“โอ้ ชนะหรือแพ้เล่า”
หวังลู่เหยียดยิ้ม “ถามอะไรโง่ๆ ด้วยสมองและวิชาของข้า มีหรือที่ข้าจะแพ้”
“…แม้ข้าจะคิดมาตลอดว่าการตัดสินผลแพ้ชนะของเจ้าน่าจะมีปัญหา แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนก็ได้ ในเมื่อเจ้าชนะแล้วมีอะไรให้ต้องกังวลกัน”
“รอบชิงชนะเลิศน่าจะยุ่งยากนิดหน่อย” หวังลู่กล่าวอย่างใจเย็น “แม้ตั้งแต่แรกข้าจะเดาได้ถูกว่าหลิวหลีจะต้องชนะ แต่ข้าไม่คิดเลยว่านางจะทรงพลังขนาดนี้”
เถ้าแก่เนี้ยกล่าวพร้อมยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “แน่ละว่านางน่ะไร้เทียมทาน ไม่เพียงนางบำเพ็ญตบะมาก่อนเจ้า นางยังไม่ได้มีรากวิญญาณเฮงซวยแบบที่เจ้ามีด้วย หนำซ้ำยังได้รับการฝึกสอนที่เหมาะควรกับการเป็นศิษย์ผู้สืบทอด หากนางไม่แข็งแกร่งกว่าเจ้าสิถึงจะแปลก ยังไงซะเจ้าก็ตุปัดตุเป๋มาได้จนถึงรอบชิงชนะเลิศนี่ ดังนั้นต่อให้เจ้าแพ้ คนอื่นเขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
“เดิมพันมันสูงเกินไป ข้าถอยไม่ได้หรอก”
เถ้าแก่เนี้ยสงสัย “ที่ว่าเดิมพันมันสูงเกินไปหมายความว่ายังไง”
“ท่านก็รู้นี่ว่าในการแข่งขันครั้งนี้ ภายนอกคือการแข่งขันระหว่างสำนักกระบี่วิญญาณกับสำนักเซียนหมื่นเวท แต่จริงๆ แล้วมันคือการต่อสู้เพื่อตำแหน่งตัวแทนหลักต่างหาก ตามกฎที่ระบุไว้ หากคนใดคนหนึ่งเอาชนะในรอบชิงชนะเลิศได้ คนผู้นั้นจะได้เพลินเพลินกับอำนาจของตำแหน่งตัวแทนหลักได้สิบปี ไม่อย่างนั้นก็ได้เป็นเพียงแค่ตัวแทนหลักกิตติมศักดิ์ ซึ่งแตกต่างจากตำแหน่งจริงมากนัก”
“แล้วยังไง”
“อำนาจของตำแหน่งตัวแทนหลักนั้นสำคัญสำหรับข้ามาก” หวังลู่กล่าว “ตามที่หอกระบี่นภาชี้แจงเกี่ยวกับตำแหน่งตัวแทนหลัก ผู้ที่เป็นตัวแทนหลักจะได้อภิสิทธิ์ยิ่งกว่าศิษย์ผู้สืบทอด สิทธิ์ที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งคือการพ้นจากภาระรับผิดชอบของผู้เป็นอาจารย์ พูดง่ายๆ ก็คือ ตัวแทนหลักนั้นไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของอาจารย์ยังไงเล่า”
สมองของเถ้าแก่เนี้ยนั้นปราดเปรื่อง ดังนั้นนางจึงเข้าใจในทันที “หวังอู่จะได้ควบคุมเจ้าไม่ได้อีกต่อไปงั้นสิ”
“นางยังมีหน้าที่ในฐานะอาจารย์ แต่ไม่ได้มีอำนาจในฐานะอาจารย์ นางยังต้องสอนข้า แต่จะสั่งข้าให้ทำโน่นทำนี่โดยอ้างตำแหน่งอาจารย์ไม่ได้แล้ว ท่านว่าแบบนี้ไม่เจ๋งเหรอ”
เถ้าแก่เนี้ยถามกลับ “ยังไงซะเจ้าก็ไม่เคยยกนางเป็นอาจารย์อยู่แล้ว แล้วจะต่างกันตรงไหนระหว่างมีอาจารย์ควบคุมกับไม่มี”
“แน่นอนว่าต้องต่าง ปกติแล้วข้าไม่นับถือหวังอู่เพราะนางเองก็ไม่ใส่ใจว่าข้าจะนับถือนางรึเปล่า แต่หากข้าไม่ทำตามกฎละก็ ตาเฒ่าฟางเฮ่อผู้ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมต้องลงโทษข้าแน่”
“เอ่อ…” เถ้าแก่เนี้ยงงงวยยิ่งขึ้น “แล้วหวังอู่ทำอะไรเจ้า ข้าก็เห็นว่านางดูแล้วเจ้าค่อนข้างดี”
“นางเองก็ดีแหละ ดังนั้นแม้ข้าจะไม่ได้ทำให้เห็น แต่ความจริงข้าเองก็นับถือนางเป็นอาจารย์นะ แต่ความสัมพันธ์อันกลมเกลียวระหว่างศิษย์กับอาจารย์กลับต้องเผชิญปัญหาขนานใหญ่ หากมีเงินเป็นตัวล่อ หวังอู่ก็สามารถสติแตกได้”
“มีเงินเป็นตัวล่อ?”
หวังลู่กล่าว “ข้าเพิ่งเสี่ยงโชคไป ได้เงินมามากกว่าสี่สิบล้านศิลาวิญญาณ เพราะงั้น…”
“บิดาเจ้าสิ! มากกว่าสี่สิบล้านศิลาวิญญาณ!?” เถ้าแก่เนี้ยตบโต๊ะด้วยความประหลาดใจ “เถ้าแก่ใหญ่! เราเป็นสหายกันใช่ไหม!?”
“เห็นไหมล่ะ อำนาจของเงินย่อมทำให้หญิงสาวเสียสติได้ แม้แต่ท่าน พี่หญิงหลิง ยังไม่อาจต้านทานมันได้ แล้วนับประสาอะไรกับอาจารย์ของข้า” หวังลู่ถอนหายใจเสียงดัง หยิบผักขึ้นมาชิ้นหนึ่งจากนั้นก็จิบสุราเข้าปาก “ท่านเดาไม่ออกหรอกว่านางทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับข้า”
เถ้าแก่เนี้ยนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นางทรมานเจ้าหรือ”
“ท่านว่าข้ากลัวถูกทรมานรึไง”
“งั้น…นางก็ขู่ว่าจะไม่สอนวิชาจิตเซียนไร้ลักษณ์ขั้นต่อไปให้เจ้า”
“นั่นก็เรื่องใหญ่อยู่ แต่แย่หน่อยที่ข้าหาวิธีเองได้ ในเมื่อนางคิดวิชาไร้ลักษณ์มาด้วยสติปัญญาของนางเอง ข้าเองก็ย่อมทำได้เช่นกัน เรื่องนี้นางทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
“เอ่อ งั้นข้าก็คิดอย่างอื่นไม่ออกแล้ว ข้าประเมินไม่ถูกหรอกว่าพวกเจ้าสองคนจากยอดเขาไร้ลักษณ์จะทำตัวต่ำช้าได้ขนาดไหน”
หวังลู่ยิ้มหยัน “ข้าเองก็ประเมินไม่ได้เช่นกัน… นางขอข้าแต่งงาน!”
แค่ก!
เถ้าแก่เนี้ยพ่นสุราที่เพิ่งจะเข้าปากออกมา
“นางขอเจ้าแต่งงาน!?”
“ใช่ เพื่อที่จะแบ่งสมบัติ…” หวังลู่กล่าวต่ออย่างสิ้นหวัง “แม้ข้าจะปฏิเสธเสียงเรียบไปแล้ว แต่นางก็วางแผนที่จะใช้สิทธิ์ของการเป็นอาจารย์จัดเตรียมงานแต่งงานขึ้น และด้วยนิสัยของนาง ข้าเกรงว่านางจะฉวยโอกาสตอนที่ข้าหลับขืนใจให้ข้าต้องแปดเปื้อนน่ะสิ”
“เวรเถอะ ขืนใจให้แปดเปื้อน…” เถ้าแก่เนี้ยรู้สึกว่าเป็นอีกครั้งแล้วที่นางได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของโลกนี้ นางยกแว่นขึ้นและแสดงสีหน้าชื่นชม “พวกเจ้าศิษย์และอาจารย์แห่งยอดเขาไร้ลักษณ์… สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกจริงๆ”
“พูดง่ายๆ ว่าข้าตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้”
“เอ่อ เจ้าคิดจะตอนงั้นหรือ”
“แค่ก!” ครั้งนี้เป็นหวังลู่ที่พ่นสุราออกมา “พี่หญิงหลิง ท่านเองก็ต่ำไม่ต่างกันเลยนี่”
“ก็เพราะข้ามาสนิทกับเจ้านั่นแหละ แล้วนี่เจ้าทำยังไง”
หวังลู่กล่าว “ข้าเอาเงินต้นกับกำไรมารวมกัน แล้วลงพนันทั้งหมดไปกับรอบชิงชนะเลิศ แน่นอนว่าตามกฎ ข้าสามารถพนันได้เพียงฝั่งตัวเอง ทำแบบนี้นางก็เงียบไปได้พักหนึ่ง”
“…เป็นเงินพนันที่มหาศาลมากนะน่ะ แล้วตอนที่เจ้าวางเดิมพันน่ะปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเงินจำนวนมากขนาดนี้หรอก ดังนั้นหอนภาเร้นลับจึงรับวางเดิมพัน” หวังลู่กล่าว “ในรอบชิงชนะเลิศ อัตราเดิมพันของหอนภาเร้นลับนั้นสูงมาก หลังจากที่ได้เห็นกระบี่กระจ่างใจของหลิวหลี หลายคนจึงคิดว่านางมีโอกาสชนะมากกว่า”
“พูดง่ายๆ ก็คือเจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะชนะ”
“ถูกต้อง หากข้าแพ้ ไม่เพียงข้าจะขายหน้าต่อสำนักกระบี่วิญญาณ ผู้คนจะพากันชี้หน้าข้าเรียกข้าว่าจุดด่างพร้อยของศิษย์ผู้สืบทอด แถมสถานะข้ายังต้องเปลี่ยนจากเถ้าแก่ใหญ่กลายเป็นผียากจน ชีวิตข้าจะต้องเลวร้ายเสียยิ่งกว่าตาย”
เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ “ข้าเข้าใจดี ก็ตั้งแต่ที่ข้าได้สิบล้านตำลึงเงินในวันเดียวตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน… โธ่เอ๊ย ทุกวันนี้ทำมาหากินฝืดเคืองจริงๆ”
หวังลู่กล่าว “ยิ่งกว่านั้นก็คือ ข้ารับปากกับหวังอู่ว่าหากชนะ ข้าจะแบ่งกำไรให้นางครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ข้ากับนางมีผลประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นข้าจึงต้องทุ่มสุดแรงเพื่อชัยชนะ จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปู้ยี่ปู้ยำในตอนกลางคืนด้วย”
“เป็นความสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์อาจารย์ที่ยุ่งเหยิงอะไรแบบนี้”
“เฮอะ หลังจากกินมื้อนี้แล้ว ข้าจะเริ่มการฝึกพิเศษนรกแตก ยังมีเวลาอีกสองวันก่อนจะถึงรอบชิงชนะเลิศที่ผลแพ้ชนะของข้าจะถูกตัดสินเพียงแค่กระบวนท่าเดียว ครั้งนี้ที่ข้าลงมาที่นี่ส่วนหนึ่งเพราะอยากจะแจ้งข่าวเรื่องนี้ แล้วข้าก็อยากถามพี่หญิงหลิงเผื่อว่าท่านจะมีไพ่เด็ดเจ๋งๆ อะไรบ้างเพราะนี่ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว”
“ระยำเถอะ ข้าจะไปมีไพ่อะไรได้ยังไง”
“ตัวอย่างเช่น สมบัติลับที่ซ่อนไว้มานานหลายปี หรือความสามารถเจ๋งๆ ที่ท่านเพียรฝึกมาหลายปีและพร้อมที่จะถ่ายทอดให้คนอื่น… แนวๆ นี้น่ะท่านมีบ้างไหม”
“รีบๆ กินเข้าไป!”
——
หวังลู่ออกจากโรงเตี๊ยมตระกูลหรูและกลับไปยังยอดเขาไร้ลักษณ์ด้วยความผิดหวัง
เขาไม่อาจชักช้าได้อีก เมื่อได้เห็นกระบี่กระจ่างใจของหลิวหลี หวังลู่ก็กระจ่างในทันทีว่าด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ของเขา เขาไม่มีโอกาสชนะอีกฝ่ายเลย
แม้เขาจะมีกลยุทธ์มากมายที่เคยเอาชนะเจ้าเจียงยวันและเย่เฟยเฟยมาได้ แต่หลิวหลีนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่อยู่คนละชั้นกันอย่างสิ้นเชิง… นางไม่เพียงมีพลังจู่โจมที่หาใครเทียบ มีกายกับกระบี่รวมเป็นหนึ่ง แต่ยังมีจิตกระบี่กระจ่างใจที่ไม่แปดเปื้อนแม้เพียงฝุ่นสักเม็ดอีกด้วย
ในสายตาของใครหลายๆ คน หลิวหลีเป็นเพียงคนทึ่มที่คิดอะไรไม่ซับซ้อน ไม่คุ้นเคยกับเรื่องทางโลก ไม่รู้จักเฉลียว มักทำอะไรทึ่มๆ ให้ต้องประหลาดใจ ทั้งเรื่องพวกนี้ยังแก้ไม่หายอีกด้วย
หวังลู่เคยทดสอบเรื่องนี้ระหว่างการเตรียมตัวก่อนที่จะมีการแข่งขันกันของทั้งสองสำนักมาแล้ว
ในตอนนั้น เขาโยนหนังสือ ‘กระบวนท่ากระบี่ไร้เทียมทาน’ ไปบนถนนที่หลิวหลีเดินผ่าน ในหนังสือมีกลไกที่พอเปิดออกมันจะปล่อยยาหลับลึกออกมา ความแรงของยานี้ถูกคำนวณมาอย่างดีให้สามารถซึมเข้าร่างที่ไม่แปดเปื้อนแม้เพียงฝุ่นสักเม็ดของหลิวหลีได้
สำหรับคนที่มีสมองปกติ พวกเขาย่อมไม่แตะกับดักที่เห็นเด่นชัดราวกับมีธงสูงสิบฉื่อปักอยู่ ทว่าพอหลิวหลีเห็นหนังสือนั่น นางกลับดีใจจนเนื้อเต้น “กระบวนท่ากระบี่ไร้เทียมทาน! ข้าอยากอ่านจัง ข้าอยากอ่านจัง!”
พอนางเปิดหนังสือ หมอกสีชมพูก็พุ่งเข้าใส่หน้า หญิงสาวตัวสั่นอยู่สองสามที จากนั้นก็นอนหมดสติลงบนพื้น
พอฟื้นขึ้นมา นางก็ถูกโจวหมิงผู้เป็นอาจารย์บ่นยกใหญ่
“จำเอาไว้ว่า ไอ้สิ่งที่เรียกว่าหนังสือกระบวนท่ากระบี่ไร้เทียมทานที่ตกอยู่บนถนนน่ะมันคือกับดัก ดังนั้นห้ามแตะต้องเด็ดขาด!”
หลิวหลีพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น แสดงให้เห็นว่านางจำได้ขึ้นใจแล้ว
ดังนั้นหวังลู่จึงเปลี่ยนชื่อหนังสือเป็น ‘กระบวนท่ากระบี่ไร้เทียมทานแถมยังไร้กับดัก’ และทิ้งมันไว้ที่กลางถนนดังเดิม พอหลิวหลีมาเจอเข้า นางก็ครุ่นคิดในใจ ‘อาจารย์บอกว่าไม่ให้ข้าแตะหนังสือกระบวนท่ากระบี่ไร้เทียมทานเพราะมันมีกับดัก แต่ในเมื่อหนังสือเล่มนี้ไม่มีกับดัก เช่นนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร’
ดังนั้นหญิงสาวจึงเปิดหนังสือออกอย่างเด็ดเดี่ยว…
จากการทดสอบ หวังลู่ก็เข้าใจระดับสติปัญญาของหลิวหลีอย่างแจ่มแจ้ง หากเขาเอาไปปรับใช้กับวิชาต่างๆ ก็ย่อมมีหนทางมากมายที่จะเอาชนะนางได้ ทว่าเมื่อได้เห็นว่าหลิวหลีเอาชนะจ้านจื่อเย่ได้อย่างไร เขาก็รู้ได้ทันทีว่าในสนามประลอง เล่ห์กลเล็กๆ น้อยๆ นั้นไม่มีความหมาย
วันนั้นนางเรียกกระบี่บินสิบสองเล่มออกมา ในจำนวนนั้น นางใช้กระบี่สิบเอ็ดเล่มต้อนให้จ้านจื่อเย่จนมุมจนต้องใช้เพลงกระบี่อสนีบาตทำลายล้างเพื่อให้ย่อยยับกันไปทั้งสองฝ่าย ทว่านางยังเหลือกระบี่อีกเล่มหนึ่ง เอาไว้ใช้พานางขึ้นไปยังจุดที่ปลอดภัย เมื่อเพลงกระบี่อสนีบาตทำลายล้างระเบิดขึ้น นางที่ใช้วิชารวมร่างกับกระบี่ก็หลบการระเบิดเหาะขึ้นไปในจุดที่ปลอดภัยได้สำเร็จ
แม้กลยุทธ์ที่นางใช้จะเรียบง่าย แต่คนที่สติปัญญาต่ำเตี้ยจะคิดใช้กระบี่บินเหาะหนีขึ้นไปได้หรือ
หลิวหลีไม่ได้โง่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในการประลอง ในการประลองนั้นนางมีไหวพริบมากกว่าคนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ กระบี่กระจ่างใจของนางขจัดความคิดรบกวนด้านอื่นออกไป เมื่อนางมุ่งมั่นอยู่กับชัยชนะ จิตใจของนางก็แทบจะไร้จุดบกพร่อง
ตอนที่อยู่ด้านใต้ลานประลอง หวังลู่สามารถเย้าแย่หลิวหลีราวกับนางเป็นสัตว์เลี้ยงได้ ทว่าทันทีที่หลิวหลีอยู่ในการประลอง การโจมตีทางจิตใจของเขาก็ไม่มีความหมาย
สุดท้ายแล้ว มีเพียงต้องใช้ความสามารถที่แท้จริงเท่านั้นเขาจึงจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ ไม่มีทางลัดอื่นใดให้ได้เลือก
“ว่ายังไง พร้อมสำหรับการฝึกพิเศษนรกแตกหรือยังที่รัก”
บนยอดเขาไร้ลักษณ์ หญิงสาวในชุดขาวฉีกยิ้มกว้าง ส่วนอาวุโสเจ็ดอ้าวกวนไห่ที่ยืนอยู่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าให้หวังลู่