TB:บทที่ 194 คำมั่นของหนึ่งดาบ
“ดูเหมือนว่าคุณอยากจะฆ่าผมจริงๆ” เมื่อเห็นว่ากู่เหวินยิ่งเพิ่มตัวตนให้กับภาพเงาทั้งสองแล้ว แทนที่เฉินหลงจะยอมแพ้ เขากลับใช้งานรังสีของระฆังทองต่อ
เฉินหลงไม่อาจทานทนแรงของภาพเงาหมีจากกู่เหวินได้ รวมถึงเงารูปหมาป่าด้วย ระฆังทองระดับสิบเอ็ดไม่อาจจะป้องกันไว้ได้ ดังนั้นเฉินหลงจึงไม่ฝืน และเขารู้ดีว่ามีคนอีกคนกำลังมา
แม้ม่านกำบังตัวของกู่เหวินจะทำให้ทั้งคน สิ่งของหรือเสียงไม่อาจผ่านออกจากม่านกำบังไปได้ ทว่าเฉินหลงและผู้ติดตามของเขามี “ผลซื่อสัตย์” ควบคุมอยู่ พวกเขาจึงติดต่อซึ่งกันและกันได้ รวดเร็วเท่ากับที่กู่เหวินจะใช้ได้ เฉินหลงได้บอกเจิ้งอี้ให้เขามาและเพราะเขามีเครื่องมือของเขาอีกชิ้นที่มีเพียงเจิ้งอี้ที่มีพลังระดับพลังลมปราณที่แท้จริงเท่านั้นที่ใช้ป้องกันกู่เหวินได้
“ฉันบอกไปแล้วนี่ ว่าฉันจะเอาชีวิตนาย”
จุดประสงค์ของการฆ่าเฉินหลงของกู่เหวินสามารถเห็นได้ชัดจากเงาภาพสัตว์ร้ายสองตัวข้างหลังเธอ
จากนั้นเฉินหลงพลันเผยยิ้ม “ผมก็อยากจะเอาชีวิตผมให้คุณอยู่หรอก แต่ว่าบางคนคงไม่เห็นด้วยเท่าไหร่”
ในตอนนั้นเองที่มีดปาเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าตัวกู่เหวินในทันใด
ม่านกำบังของกู่เหวินมีพลังการป้องกันภายในที่แข็งแกร่งทว่าภายนอกยังไม่แข็งแกร่งพอ
มีดขว้างของเจิ้งอี้เจาะทะลุม่านกำบังเข้ามาและพุ่งลงไปที่ตาของกู่เหวิน
ใบหน้าที่เห็นการปรากฏตัวอย่างฉับพลังของเส้นมีดขว้าง กู่เหวินนั้นแสดงความตื่นตกใจ
แต่อย่างไรก็ตามแต่ ปรมาจารย์ก็ยังคงเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์อยู่ดี เงาหมีเบื้องหลังเธอรีบเขามาขวางไว้ อุ้มเท้าหมีขวางส่วนใบหน้าของกู่เหวิน
อย่างไรเสีย อุ้งเท้าหมีมีส่วนที่โดนเฉือนไปเมื่อสัมผัสกับมีดขว้างตรงๆ และมีดปาที่โจมตีต่อมาได้แทงตาของกู่เหวิน
ด้วยเวลาการป้องกันสั้นๆ ภาพเงาหมาป่าข้างหลังเธอได้หายไป และภาพเงารูปเต่าได้ปรากฏตัวขึ้นมาขวางหน้ามีดที่ขว้างเข้ามา
กระดองเต่าช่างมีการป้องกันที่แข็งแกร่งและได้เพิ่มระดับพลังของกู่เหวินเป็นระดับพลังลมปราณ สุดท้ายมีดขว้างจึงถูกขวางไว้ได้
อย่างไรก็แล้วแต่ แม้จะขวางมีดขว้างไว้ได้ ทว่ากู่เหวินยังรู้สึกตื่นกลัวกับความทรงพลังของมีดขว้างอยู่ เธอพ่นเลือดที่เต็มปากออกมา
ในตอนนั้นเองร่างของเจิ้งอี้ได้มาโผล่อยู่ข้างเฉินหลง
ใบหน้าของเฉินหลงเผยยิ้มพึงพอใจ “ดูเหมือนว่าคุณจะเอาชีวิตผมไปไม่ได้นะวันนี้”
มีดของเจิ้งอี้ทำร้ายกู่เหวินได้จริงๆ และนั่นทำให้เฉินหลงพึงพอใจอย่างมาก เนื่องจากมีเจิ้งอี้อยู่ทำให้กู่เหวินฆ่าเฉินหลงไม่ได้
“นี่เรื่องของผู้ใช้เวทย์มนต์ คนที่ไม่เกี่ยว โปรดออกไป” กู่เหวินจ้องเจิ้งอี้อย่างจริงจัง
หากระฆังทองของเฉินหลงไม่อาจรับมือมนต์เงาสัตว์ร้ายทั้งสองได้ คงมีแต่เขาที่โดนทำร้าย แต่เขาคงไม่ตาย ทว่าเนื่องจากพลังของเจิ้งอี้แล้ว แม้จะไม่ได้ดีเท่าพลังของเขา แต่พลังโจมตีของมีดขว้างนั้นพอที่จะขู่ให้เธอกลัวได้ ในตอนนี้มีเจิ้งอี้ทำให้ไม่มีทางจะฆ่าเฉินหลงได้
“ผมต้องขอโทษด้วย เขาคือเจ้านายผม ผมไม่ใช่คนนอกอะไร” เจิ้งอี้กล่าวอย่างสุภาพ
เพราะเขาเป็นลูกน้องแสนซื่อสัตย์ของเฉินหลง แม้เจิ้งอี้จะเสียชีวิตของเขาไป แต่เขาจะไม่ยอมให้เฉินหลงบาดเจ็บแม้แต่เส้นผม
“ฉะนั้นแล้ว คุณคงอยากเป็นศัตรูของฉันใช่ไหม” จากการเข้ามาร่วมของเจิ้งอี้ ภารกิจนี้ของเธอคงได้ล้มเหลวเสียแล้ว ดังนั้น กู่เหวินจึงข่มขู่เจิ้งอี้ด้วยพลังข้างหลังเธอ
“ไม่ใช่ว่าผมอยากจะสู้กับพลังเวทย์คุณหรอกนะ แต่เพราะคุณอยากจะฆ่าเจ้านายผมและจับเจ้านายผมไป เรื่องนั้นแหละที่ผมไม่เห็นด้วย ผมจะบอกอะไรให้นะไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ตราบใดที่คุณยังกล้าจะเข้ามา ผมก็ยินดีจะขว้างมีดของผม” ฉีของเจิ้งอี้ช่างอ่อนโยน ทว่าทุกคนได้ยินคำขู่ฆ่าของเขา
หลังจากฟังคำของเจิ้งอี้แล้ว ในที่สุดกู่เหวินก็เลือกที่จะยอมแพ้ไปหลังมองเจิ้งอี้หนึ่งนาที
“วันนี้นายโชคดีนะที่เขามาช่วยไว้ อย่างไรก็ตามเขาคงติดตามนายไปไม่ได้ตลอด อย่าให้ฉันหาโอกาสได้ ไม่เช่นนั้นฉันจะฆ่านาย”
สิ้นคำ กู่เหวินพร้อมที่จะไปแล้ว
“มาแล้วก็ไปตามใจอยาก นี่คุณคิดว่าบ้านเจ้านายผมเป็นรถเมล์หรือ” เจิ้งอี้หยุดกู่เหวินไว้
“แกต้องการอะไร” กู่เหวินจ้องเจิ้งอี้
ในห้องนี้ มีเพียงมีดขว้างของเจิ้งอี้ที่ทำให้เธอกลัวได้ เมื่อกู่เหวินมองเจิ้งอี้ เธอระวังตัวเงียบๆ
“นี่คงไม่ใช่ของขวัญหากมาแล้วแต่รีบกลับไป คุณได้ให้ของขวัญเจ้านายผมไปแล้ว ตอนนี้ผมจะให้ของขวัญคุณบ้าง ตราบเท่าที่คุณรับมีดขว้างของผมได้ คุณก็ไปได้” เจิ้งอี้ว่า เขาแตะมีดขว้างของเขา พร้อมสายตาที่บอกว่าถึงไม่เห็นด้วยก็ต้องเห็นด้วย
“ดีมาก นายเป็นคนแรกที่บังคับฉันให้ทำอะไรได้ในหลายปีนี้ ฉันจะรับมีดขว้างของนายเอง” กู่เหวินตกลง
กู่เหวินยังคงกลัวมีดของเจิ้งอี้อยู่ เธอรู้ว่าหากเธอไม่รับคำ เจิ้งอี้คงขว้างมีดใส่เธออย่างไม่ปราณี แล้วจะมีมากกว่าหนึ่งเล่มด้วย
หลังจากที่กู่เหวินตอบตกลง เจิ้งอี้ให้เวลาเธอเพื่อเตรียมตัว
กู่เหวินแสดงเงารูปเต่าและสัตว์ร้าย
เมื่อเขาเห็นภาพเงาของเต่าและสัตว์ร้ายในกู่เหวิน เจิ้งอี้สังเกตกู่เหวินอย่างระมัดระวัง มีดขว้างนี้พร้อมจะโยนใส่เธอทุกเมื่อ
“รับไป”
เมื่อเจิ้งอี้ใช้พลังฉีตรวจสอบเขาก็พบจุดอ่อนของกู่เหวิน มีดขว้างจึงเล็งไปที่กู่เหวิน
มีดขว้างที่โยนออกไปว่องไวราวหายไปในอากาศ มีดที่ขว้างจากมือเจิ้งอี้ได้ปรากฏต่อหน้ากู่เหวิน
“ช่างรวดเร็ว”
“ช่างรวดเร็ว”
มีดของเจิ้งอี้ทำให้เฉินหลงและกู่เหวินนึกคำเดียวกันในใจ
แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยู่ในอารมณ์เดียวกัน
เฉินหลงอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น แต่อารมณ์ของกู่เหวินคือความกลัว
“เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วมีดขว้างนี่รวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร “วิญญาณเต่า” ของฉันไม่มีทางจะขวางได้” กู่เหวินพบว่าวิญญาณเต่าของเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว และดูท่าว่าเธอจะหยุดมีดขว้างของเจิ้งอี้ไม่ได้
“หลบหนี”
ในตอนนั้นเองเมื่อมีดขว้างแทงลงไปในการป้องกันของเต่า
จู่ๆ กู่เหวินก็หายไป
มีดขว้างติดในกู่เหวิน หยุดเคลื่อนไหวหลังจากตามเป้าหมายไม่สำเร็จ
ในตอนนั้นเองที่กู่เหวินได้ปรากฏขึ้น สูงห่างจากวิลล่าไปสามสิบเมตร ในขณะเดียวกันร่างของเธอได้หายไปอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามแต่ สายตาของเฉินหลงยังคงมองเห็นร่างกู่เหวินนั่นได้อยู่
และเช่นเดียวกัน ด้วยจิตวิญญาณฉีของเจิ้งอี้ เขาได้พบที่ตั้งของกู่เหวินเพราะการผ่านพ้นสู่ระดับลมปราณ
“ครั้งนี้ฉันล้มเหลว ฉันไม่คาดว่านายจะมีตัวช่วยแบบนี้ แต่ครั้งหน้า นายคงไม่โชคดีแบบนี้” หลังจากนั้นกู่เหวินได้หายไปอีกครั้ง
“ครั้งหน้า คุณอาจจะยังฆ่าผมไม่ได้” เฉินหลงเห็นว่าที่ที่กู่เหวินอยู่นั้นหายไปด้วย เขาเลยว่าไปในใจ
ตลอดการสู้กันนี้ พลังของเฉินหลงมีแววว่าจะผ่านเข้าสู่อีกระดับ ตราบใดที่เขาให้เวลากับตัวเอง เขาคงผ่านพ้นไปสู่ระดับลมปราณได้ เมื่อถึงเวลานั้น ระฆังทองที่ยกระดับไประดับสิบสองแล้วคงบดขยี้กู่เหวินได้อย่างแน่นอนและเขาจะเอาคืนการแก้แค้นในวันนี้ได้
“นายท่านลูกน้องของคุณ จับผู้หญิงคนนั้นล้มเหลว โปรดลงโทษผม” เจิ้งอี้กล่าวกับเฉินหลง
“ไม่เป็นไร พลังของผู้หญิงคนนั้นช่างทรงพลังมากและแปลกประหลาดอย่างมากด้วยเช่นกัน นายจับเธอไว้ไม่ได้ นั่นเป็นเรื่องที่คาดไว้แล้ว เธอจะไม่กลับมาอีกหากนายอยู่ข้างกายฉัน ตอนนี้ต้องคิดว่าจะออกไปให้ได้อย่างไรก่อน”
หากเจิ้งอี้ไม่มาตรงเวลาในครั้งนี้ เฉินหลงเกรงว่าเขาคงต้องใช้เครื่องมือ ตามปกติแล้วเขาจะไม่โทษเจิ้งอี้ ในตอนนี้เขายังต้องทำลายม่านกำบังที่กู่เหวินทิ้งไว้ด้วย แล้วเขาจึงจะออกไปได้