ครั้นเมื่อได้เห็นเส้นผมสีเงินกับดวงตาสีม่วงของซย่าโหวฉิงเทียนนั้น อวี้เฟยเยียนถึงกับตกตะลึง
แต่ก็ต้องบอกว่า เขาในแบบนี้ยิ่งทำให้ดูน่าหลงใหลมากขึ้นไปอีกมากนัก
ดูราวกับเทพบุตรรูปงามในอะนิเมะอย่างไรอย่างนั้น เหมือนเสียจนนางตั้งรับแทบไม่ไหว ว่าไหมเล่า!
จิตใจของอวี้เฟยเยียนที่เดิมทีสงบลงไปแล้ว กลับถูกจุดให้เร่าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ฉับพลันแก้มทั้งสองข้างของนางก็เริ่มแดงระเรื่อ
“หล่อไหม”
ซย่าโหวฉิงเทียนสวมใส่เพียงแค่กางเกงขายาวสีขาวเพียงตัวเดียว ท่อนบนเผยให้เห็นรูปร่างกำยำกับกล้ามเนื้อลายสวยงามอย่างชัดเจน
เขาอาจจะผ่ายผอมไปบ้าง แต่ทว่ากล้ามเนื้อบนหน้าอกและกล้ามท้องกลับเรียงตัวเป็นแนวสวยงาม แข็งแรงกำยำ
ตอนที่เส้นผมและดวงตาของเขาเป็นสีดำทำให้เขาแลดูสูงส่งเย่อหยิ่ง ทว่าเมื่อเส้นผมของเขาเป็นสีเงินนั้น มันให้ความรู้สึกดุเดือดบ้าคลั่ง ทั้งสงบนิ่งและเคลื่อนไหวในคราวเดียว ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
“หล่อ!”
จนอวี้เฟยเหยียนเผลอเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
รูปร่างหน้าตาของซย่าโหวฉิงเทียนตรงตามหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกชายหนุ่มรูปงามของนางทุกประการ
ทำไมนางถึงได้ดวงดีปานนี้นะ!
เริ่มต้นได้พบกับเขาที่บ่อน้ำพุร้อน สามารถขโมยหัวใจของเขา ทำให้เขากลายเป็นคนของนางได้ในที่สุด
นางนี่โชคดีสุดๆ ไปเลย!
อวี้เฟยเยียนไม่รู้เลยว่าอากัปกิริยาของนางในสายตาของซย่าโหวฉิงเทียนนั้นราวปีศาจน้อยชั้นดีที่กำลังล่อหลอกวิญญาณของมนุษย์เช่นเขาให้ลุ่มหลง
“เจ้าแมวป่าตัวน้อย!”
เสียงของซย่าโหวฉิงเทียนแหบพร่า เขารุกเขาหานาง กัดเข้าที่ริมฝีปากของนางเพื่อง้างมันให้เปิดออก
“ฉิงเทียน…”
มือน้อยของอวี้เฟยเยียนวางพาดเอาไว้ที่อกกำยำของซย่าโหวฉิงเทียน นางจึงรู้สึกได้ถึงความร้อนระอุในร่างของเขา มันทำให้ใบหน้าของนางยิ่งแดงก่ำมากขึ้นอย่างหนัก
เมื่อครู่ ที่ความเป็นชายมีความเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วง นี่เขากำลังปลดปล่อยมันออกมาแล้ว
คืนเข้าหอชั่วชีวิตมีเพียงครั้งเดียว ทว่าซย่าโหวฉิงเทียนกลับเลือกที่จะช่วยตัวเองเสียนี่
หรือเขาไม่เกรงกลัวเลยว่าเมียเอกตัวเป็นๆ ที่อยู่ตรงนี้จะหึงหวงบ้าง
ไม่ค่อยดีกระมัง
ในขณะที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่มนั้น ทว่าอวี้เฟยเยียนกลับเหม่อลอย ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เขาจึงกัดริมฝีปากของนางเบาๆ เป็นการลงโทษ ซึ่งมันเจ็บเสียจนอวี้เฟยเยียนต้องร้อย ‘โอ๊ย’ ออกมาเลยทีเดียว
“ท่านกัดข้าทำไมกัน!”
“เจ้าไม่ตั้งใจ!”
อวี้เฟยเยียนน้ำตาปริ่ม นางจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนด้วยสายกล่าวโทษ
“เจ้าเกิดปีหมาหรืออย่างไร”
“เจ้าไม่ตั้งใจ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนแววตาลึกซึ้ง
ริมฝีปากบวมเจ่อสีแดงระเรื่อของสาวน้อยตรงหน้าราวกับมีเวทมนตร์ก็ไม่ปาน มันดึงดูดให้เข้าลุ่มหลงอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็พยายามอดทนสกัดกั้นความต้องการในใจนั้นเอาไว้ เขายื่นมือออกมาใช้นิ้วโป้งเช็ดละเลียดที่ริมฝีปากของนางแผ่วเบา
รสสัมผัสนุ่มนวลที่ปลายนิ้ว มันช่างทรมานคนได้ดีจริงๆ
“คราวหน้าถ้าไม่ตั้งใจอีกละก็ พี่จะ…”
ซย่าโหวฉิงเทียนไล้สายตาจากปลายคางแสนงามของอวี้เฟยเยียนลงมาด้านล่าง
“ก็จะอะไร”
อวี้เฟยเยียนเลิกคิ้วขึ้น
“เฮอะ!”
“ร้ายกาจ!”
พอได้ตีตราเป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการก็เริ่มแสดงอาการกร่างเชียวนะ!
ผู้ชายเนี่ยให้ท้ายหน่อยไม่ได้เลย ยิ่งให้ท้ายก็ยิ่งเหลิง!
“พี่ก็จะกัดตรงนี้!”
ซย่าโหวฉิงเทียนใช้นิ้ววาดลงที่หน้าอกของอวี้เฟยเยียน
เนื่องจากจะเข้านอนแล้ว อวี้เฟยเยียนจึงสวมใส่เพียงชุดนอน ส่วนเครื่องเคราด้านในนางหาได้สวมใส่ไม่ ซย่าโหวฉิงเทียนวาดนิ้วลงไปเช่นนี้จึงทำให้นางทั้งอายทั้งโกรธ
“คนขี้โกง!”
อวี้เฟยเยียนมุมตัวเข้าไปในผ้าห่ม แล้วใช้ผ้าห่มห่อตัวเองไว้อย่างมิดชิดราวกับหนอนไหมก็ไม่ปาน
“ไม่สนใจท่านแล้ว! ข้านอนดีกว่า!”
ภายใต้ผ้าห่มที่ผืนหนานุ่มสีสันสดใส ดวงตาสีดำขลับคู่หนึ่งกำลังสุกสกาวราวกับดวงไฟอันโชติช่วงที่กำลังลุกโชน
แม่เจ้า หัวใจของนางเต้นเร็วยิ่งนัก!
ทุกการกระทำของชายรูปงามช่างเปี่ยมด้วยเสน่ห์อันเหลือล้น จนนางแทบจะต้านไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว
อวี้เฟยเยียนราวกับเป็นสัตว์ตัวน้อยที่แสนชาญฉลาด กำลังหลบหลีกอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนนุ่ม
ซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกว่าอวี้เฟยเยียนคงจะเป็นมหันตภัยของเขาอย่างแน่นอน ทั้งๆ ที่นางเป็นฝ่ายยั่วยวนเขาก่อนแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับทำตัวเป็นเต่าหดหัว ยัยเด็กขี้ขลาด!
“เด็กดี มาสู่อ้อมอกพี่เสียดีๆ…”
ซย่าโหวฉิงเทียนอดกลั้นความทรมานภายในนั้นเอาไว้ นอนลงที่ข้างกายอวี้เฟยเยียนดึงรั้งนางเข้ามาในอ้อมอก
เนื้อตัวนุ่มนิ่ม หอมกรุ่น งดงามเสียยิ่งกว่าดอกไม้แรกแย้ม ในที่สุดนางก็เป็นภรรยาของเขา!
ดีจริงๆ เลย!
“แมวน้อย พี่มีความสุขยิ่งนัก!”
ซย่าโหวฉิงเทียนเล่นนิ้วมือของอวี้เฟยเยียนไปพลางๆ
มือของเขาใหญ่ มือของนางเล็กเพียงนิดเดียว เมื่อมือทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน จึงเห็นชัดเจนว่ามือของเขาใหญ่กว่ามือของนางมากนัก
ถึงแม้ส่วนสูงของอวี้เฟยเยียนจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ส่วนสูงของซย่าโหวฉิงเทียนนั้นสูงกว่าผู้ชายทั่วไปมากนัก ดังนั้นเมื่อคนทั้งสองอยู่ด้วยกัน อวี้เฟยเยียนจึงแลดูตัวเล็กบอบบางมากเป็นพิเศษ
“ข้าก็เช่นกัน!”
อวี้เฟยเยียนบดเบียดเข้าหาอ้อมกอดของซย่าโหวฉิงเทียน
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาที่นี่ ได้พบกับเจ้า บางทีอาจจะเป็นโชคชะตาลิขิตเอาไว้! ให้พวกเราได้พบกัน ได้รักกัน!”
อวี้เฟยเยียนนัยน์ตาเปี่ยมด้วยความสุขอันอบอุ่น นางยื่นมือออกไปโอบกอดตอบซย่าโหวฉิงเทียน
“ฉิงเทียน ได้อยู่กับเจ้า ข้ามีความสุขยิ่งนัก!”
“วันนี้เป็นวันที่ข้ามีความสุขมากที่สุดวันหนึ่ง ข้าจะจดจำมันเอาไว้ในใจตลอดไป! ไม่ว่าภายหน้าจะเกิดอะไรขึ้น กายของข้าจะอยู่ที่ไหน ข้าก็จดจำวันนี้เอาไว้!”
คำพูดของอวี้เฟยเยียนแฝงเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดเบาบาง
อนาคตภายภาคหน้าพวกเขามิอาจล่วงรู้ได้ ด้วยเพราะมิอาจล่วงรู้ ดังนั้นฉับพลันนางจึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
หวาดกลัวความจริงที่แสนโหดร้าย หวาดกลัวต้องเผชิญหน้ากับการจากลง หวาดกลัวว่าจะต้องสูญเสียเขา…
มนุษย์ มีเพียงสูญเสียไปแล้วเท่านั้นจึงจะรู้ซึ้งถึงการสูญเสีย
“ไม่มีวัน!”
ซย่าโหวฉิงเทียนโอบกอดอวี้เฟยเยียนเอาไว้แน่น แล้วจุมพิตที่หน้าผากของนาง
“เราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป! ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหนๆ พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน!”
“จริงนะ”
อวี้เฟยเยียนเงยหน้าขึ้น มองดูชายหนุ่มผมสีเงิน
“หากในชาติหน้าเจ้าเบื่อหน่ายข้าแล้วหรือจำข้าไม่ได้ ข้าจะทำอย่างไร”
“แมวน้อยเด็กโง่!”
คำว่า ‘โง่’ ในคำพูดนี้ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนใจอ่อนยวบจนเลอะเลือนไปชั่วขณะ
“พี่จำกลิ่นของเจ้าได้! พี่แยกแยะเจ้าได้!”
ว่าแล้วซย่าโหวฉิงเทียนก็ดอมดมกลิ่นหอมของอวี้เฟยเยียนที่กำจรกระจายออกมาจากกายของนาง
“พี่ตัดสินคนหรือเรื่องราวใดๆ ล้วนแต่ใช้ความรู้สึกแรกที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดเป็นตัวกำหนดทั้งสิ้น ดังนั้น พี่จะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า ยิ่งไม่มีวันที่จะไม่ต้องการเจ้า! เจ้าถูกลิขิตให้เป็นของพี่! เป็นของพี่เพียงคนเดียว!”
ได้ยินเช่นนั้น อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาทันที
‘คนที่โง่ คือท่านต่างหากเล่า!’
‘ระหว่างต้าโจวและประเทศจีนในยุคของนางนั้นหาใช่เพียงแค่ระยะทางที่ไกลแสนไกลที่ไม่มีทางข้ามผ่านเพียงอย่างเดียวไม่’
พวกเราคือมนุษย์ที่อยู่คนละโลก สิ่งที่ขวางกั้นเราสองคนเอาไว้มิใช่ขุนเขาหรือสายน้ำนับพันนับหมื่น และไม่ใช่กาลเวลาที่ยาวนาน แต่คือการที่พวกเรามีลมหายใจไปพร้อมๆ กัน ร่วงโรย แก่เฒ่าไปพร้อมๆ กันในขณะที่เราสองคนต่างมิอาจรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายอยู่ ณ ที่แห่งหนใดต่างหาก
‘หากว่าข้ากลับไปยังประเทศจีนแล้ว ท่านจะตามหาข้าได้อย่างไรกัน’
“ฉิงเทียน!”
ฉับพลันอวี้เฟยเยียนก็ผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องมองเขาท่าทีจริงจัง
“ท่านรักข้าไหม”
“รักสิ”
ซย่าโหวฉิงเทียนยันกายลุกขึ้น จู่ๆ อวี้เฟยเยียนก็ถามเขาเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกจิตใจโหวงเหวงไม่สงบสุข
ซย่าโหวฉิงเทียนคาดหวังให้อวี้เฟยเยียนมีความสุข ไร้ซึ่งความทุกข์กายหรือทุกข์ใจใดๆ เรื่องแย่ที่ทำให้ไม่สบายใจทั้งหลาย ให้เขาเป็นผู้รับเอาไว้เอง ให้เขาไปเผชิญหน้ากับมันเอง!
รอให้สำเร็จเป็นจักรพรรดิเทพเสียก่อนเถอะ เขาและนางก็สามารถอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร ไม่ต้องให้นางเป็นกังวลอีกต่อไป
“ถ้าเจ้ารักข้าก็เป็นของข้าเสียเถอะ!”
อวี้เฟยเยียนผลักซย่าโหวฉิงเทียนให้นอนราบลงไป แล้วตัวนางก็โผลเข้าหาเขา
“แมวน้อย!”
ซย่าโหวฉิงเทียนกุมมือที่ไล้ลงต่ำไปเรื่อยๆ ของอวี้เฟยเยียนเอาไว้ น้ำเสียงของเขาแหบพร่า
“แมวน้อย ตอนนี้ไม่ได้! เจ้ายังไม่สำเร็จจอมปราชญ์อาวุโสนะ!”
“สำเร็จขั้นอะไร จอมปราชญ์อาวุโสอะไร! หากเจ้ารักข้า ก็ให้ข้านะ!”
ถึงแม้อวี้เฟยเยียนจะรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นางคิดได้แล้ว ในเมื่อเรามิอาจล่วงรู้อนาคตได้ เช่นนั้นเราก็ต้องเก็บเกี่ยวความสุข ณ ปัจจุบันให้มากที่สุดรักกันให้มากๆ เป็นภรรยาที่ดีของเขา กอบโกยทุกเวลาทุกวินาทีที่ได้อยู่ร่วมกันกับเขา
“เสี่ยวฉิงฉิง อย่าอดกลั้นเอาไว้อีกเลย ข้ารู้ ว่าเจ้าต้องการข้า…”
น้ำเสียงของอวี้เฟยเยียนนุ่มนวลเว้าวอน ทั้งเจือเอาไว้ด้วยความหวานหยาดเยิ้ม ดังกังวานในหูของซย่าโหวฉิงเทียน กระตุ้นโสตประสาทและความรู้สึกทั้งหลายของเขา
“ใช่ พี่ต้องการเจ้า! คิดคะนึงหาเจ้าทุกเวลา คิดถึงจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!”
‘พรึบ’
ไฟปรารถนาในกายของซย่าโหวฉิงเทียนถูกจุดขึ้น
เขาพลิกกายคร่อมทับอวี้เฟยเยียนเอาไว้ใต้ร่าง เป็นฝ่ายเริ่มต้นและกลายเป็นผู้นำทาง
“พี่ต้องการเจ้า!”
ในดวงตาสีม่วงของเขาหวามไหวสั่นระริก ราวกับต้องการจะกลืนกินอวี้เฟยเยียนเข้าไปทั้งตัว
“เจ้าไม่รู้หรอกว่า พี่ชอบเจ้ามากเพียงใด อยากเป็นเจ้าของเจ้ามากเพียงไหน!”
นิ้วมือยาวเรียวของเขาลูบไล้ที่พวงแก้มของนาง
“เจ้าคือดาวแห่งชัยชนะของพี่!”
“ไม่ต้องพูดมาก!”
อวี้เฟยเยียนยื่นมือออกไปโอบรอบคอของเขาเอาไว้ แล้วรั้งเขาเข้ามาตรงหน้าตนเอง
“หากท่านรักข้าก็ใช้การกระทำบอกกับข้า อย่าพูดมากเสียเวลา!”