ตอนที่ 120-2 ผู้ชายให้ท้ายไม่ได้

จำนนรักชายาตัวร้าย

เกียรติภูมิของความเป็นชายถูกท้าทาย ซย่าโหวฉิงเทียนไหนเลยจะยอมปล่อยให้อวี้เฟยเยียน ‘อวดดี’ ได้นาน เขาก้มหน้าลงไปประกบจูบที่ริมฝีปากของนางทันที

 

 

“แมวน้อย เจ้าเป็นของพี่!”

 

 

“ท่านก็เป็นของข้าเช่นกัน! เป็นของข้าเพียงคนเดียว!”

 

 

มังกรและหงส์ภายในห้องคำรามเสียดสีกัน เกิดเป็นแสงสีทองราวกับดาวอังคารทะลุผ่านออกมา

 

 

ผ้าม่านภายในห้องถูกปลดลง ภายในนั้น วัยหนุ่มสาวแรกแย้มผ่านมาแล้วก็ผ่านไปอย่างไร้ร่องรอย ห้องหอแสนหวานร้อนระอุไปด้วยไฟรักดั่งแสงทองของดวงตะวันบรรจบกับผืนน้ำ

 

 

อวี้เฟยเยียนโอบกอดซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้แน่น ดวงตาทั้งสองข้างของนางพร่าเลือนลุ่มหลง นางเหลือบสายตามองไปที่แท่งอาวุธนั้นของมังกร ที่ข้างหูของนางแว่วเสียงประโยคหนึ่งในบางช่วงบางตอนของบทเพลงความว่า

 

 

ชีวิตของคนเราในโลกนี้นั้นแสนสั้นและทุกข์เข็ญ จึงจักต้องรู้จักใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและถนอมวันเวลาที่ได้อยู่กับผู้เป็นที่รักเอาไว้ให้มากดี อย่าได้สนใจให้มากเลยว่านั่นคือเคราะห์หรือบุญ

 

 

หากเป็นเคราะห์ นางก็ขอจมดิ่งลงไปพร้อมๆ กันกับความรักของนาง ให้ลึกลงไปลึกลงไปที่สุด!

 

 

สำหรับซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว นี่นับเป็นครั้งแรกกับการเดินทางที่แสนมหัศจรรย์หฤหรรษ์!

 

 

เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ในโลกนี้ยังมีเรื่องที่สวยงามเช่นนี้อยู่ และก็เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่า พลังในการควบคุมตนเองของเขาจะย่ำแย่ถึงเพียงนี้

 

 

ถึงแม้อวี้เฟยเยียนจะหมดแรงอ่อนปวกเปียกในอ้อมอกของเขาแล้ว ทั้งยังเอ่ยปากขอร้องอ้อนวอน จนกระทั่งเสียงแหบเสียงแห้งหลายต่อหลายครั้ง แต่ในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาหมดสิ้นซึ่งสติสัมปชัญญะ ให้ท้ายตนเอง จนลำบากแมวน้อย

 

 

จวบจนกระทั่งอวี้เฟยเยียนหลงเหลือเพียงเสียงสะอึกสะอื้นนั่นแหละ ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้ยอมปล่อยนาง

 

 

ร่างกายกำยำบึกบึน มีเหงื่อผุดออกมาเป็นสาย

 

 

แต่ใบหน้าของฝ่ายชาย กลับบังเกิดความสุขสมอย่างที่ไม่เคยได้พบพานมาก่อน

 

 

“คนร้ายกาจ——”

 

 

อวี้เฟยเยียนไม่มีแม้เรี่ยวแรงกระทั่งจะพูดจา ในตอนนี้นางราวกับสัตว์ตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกก็ไม่ปาน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก

 

 

“รังแกกันเกินไปแล้ว!”

 

 

นางไม่รู้เลยว่าเขาคนนี้อดกลั้นมายี่สิบกว่าปี เพราะเรี่ยวแรงมหาศาลของเขาราวกับภูเขาไฟที่ปะทุออกมาในคราวเดียว ร่างกายอรชรอ้อนแอ้นบอบบางของนางจะรับไหวได้อย่างไรกัน

 

 

“นางคนขี้โกง!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกัดริมฝีปากแน่น นางรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่ยังหลงเหลืออยู่ บิดเนื้อที่เอวของซย่าโหวฉิงเทียนอย่างแรง

 

 

นางหารู้ไม่ว่าการกระทำนี้ของนาง เป็นการไปกระตุ้นแตรรบแห่งศึกรักให้ดังขึ้น

 

 

ห้องหอของจวนอ๋อง อบอวลไปด้วยเพลิงรักอันคุกรุ่น

 

 

เรือนอั้นเหลียน จวนสกุลเหลียน เหลียนจิ่นไม่ได้นอนมาทั้งคืน เขาเอาแต่มองดูดวงดาวบนฝากฟ้า

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนแต่งงานกับปู้เฟยเยียน เขาเพียงแต่ส่งของขวัญไปโดยที่ตัวเขาไม่ได้ไปร่วมงานแต่อย่างใด

 

 

เขากลัวตัวเอง กลัวว่าเมื่อตนเองได้เห็นอวี้เฟยเยียนในชุดแต่งงานสีแดงสด ก็จะหักห้ามใจไม่ไหว แย่งชิงนางมา

 

 

“เสี่ยวมั่ว เจ้าดูสิ แท้ที่จริงแล้วข้าก็ไม่ได้ใจกว้างอย่างที่เคยพูดเอาไว้เลย!”

 

 

เหลียนจิ้นยิ้มบางๆ แล้วลูบไล้ลวดลายดอกไม้บนจอกสุราอย่างเหม่อลอย

 

 

เข้าช่างเป็นคนที่ขัดแย้งในตัวเองและซับซ้อนจริงๆ !

 

 

หากพูดในมุมของหน้าที่ความรับผิดชอบ ข้าก็หวังให้นางมีความสุข หวังให้พวกเขารักกันยืนนาน ครองคู่เป็นสามีภรรยาเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ก้าวหน้าถดถอยลงไปพร้อมๆ กัน

 

 

แต่ทว่า ลึกๆ ในใจของข้าก็ยังคาดคงไว้ซึ่งเศษเสี้ยวแห่งความหวัง หวังให้ชายผู้นั้นทำผิดต่อนาง ให้นางเจ็บปวดเสียใจ เช่นนี้เขาจะได้มีข้ออ้างได้อยู่เคียงข้างนาง ปลอบโยนนาง ให้ความอบอุ่นแก่นาง จนกระทั่งสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของนางได้

 

 

กล่าวจบเหลียนจิ่นก็วางจอกสุราลง แล้วทอดมองไปที่ยังมั่วซางที่อยู่เบื้องหลัง

 

 

“เจ้าว่า ข้าเป็นเช่นนี้ น่ากลัวใช่หรือไม่”

 

 

มั่วซางสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เขาห่มผ้าคลุมไหล่ให้กับเหลียนจิ่นอย่างเงียบๆ

 

 

“เจ็บ “

 

 

มั่วซ่างใช้นิ้วจิ้มที่อกของเหลียนจิ่น

 

 

“ใช่! ข้าเจ็บตรงนี้! รู้ทั้งรู้ว่าเป็นการคาดหวังที่เกินไป แต่ข้ากลับหยุดยั้งตัวเองไม่ได้”

 

 

“ข้าเองที่เลือกมอบนางให้กับซย่าโหวฉิงเทียน แต่เมื่อถึงคราวที่ข้างมอบนางให้เขาไปแล้วจริงๆ ด้านมืดในใจของข้ากลับเปิดเผยออกมา ข้าเสียใจภายหลัง…”

 

 

เหลียนจิ่นเหลือบมองที่อกของตนเองที่มีหัวใจอยู่ข้างใน หน้าหยกของเขากำลังฉายแววทุกข์ระทมเจ็บปวด

 

 

เสียใจภายหลังแล้วอย่างไรเล่า!

 

 

แม้แต่กำลังจะปกป้องนางยังไม่มีเลย! แล้วจะมีสิทธิ์อะไรไปขอความรักจากนาง! หรือว่าจะต้องเห็นนางต้องตายไปต่อหน้าต่อตาอีกครั้งหรืออย่างไร

 

 

ความเจ็บปวดเช่นนั้น! ครั้งเดียวก็เกินพอ!

 

 

ขอเพียงนางมีชีวิตอยู่ต่อไป ต่อให้อยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น ก็ยังดี!

 

 

นับตั้งแต่นี้ไป ข้าทำได้เพียงแค่ปกป้องคุ้มครองเจ้าจากที่ไกลๆ !

 

 

ไม่มีใครรับรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครเข้าใจ…และก็ไม่มีใครมาสงสารผู้พิทักษ์หรอก

 

 

ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าให้หยุดอยู่เพียงขั้นนี้

 

 

ที่ขอบฟ้า ดาวดวงหนึ่งเคลื่อนที่ไป คงเหลือเพียงแสงสว่างพราวระยับเป็นทางเอาไว้ที่ขอบฟ้า แลคล้ายคลึงกับร่องรอยแห่งหยาดน้ำตาของเหลียนจิ่นเป็นที่สุด

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นมา มันทำให้อวี้เฟยเยียนเสียใจภายหลังจนได้

 

 

ผิดแล้วผิดเล่า ยั่วยวนชายชายหนุ่มรูปงามผลก็คือนางรับไม่ไหวนะสิ!

 

 

มองดูซย่าโหวฉิงเทียนที่ท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มาลายังคงประดับอยู่บนศีรษะอย่างเรียบร้อย อวี้เฟยเยียนก็กัดฟันประคองเอวน้อยๆ ของตน แล้วออกแรงเพื่อลุกขึ้นจากเตียงให้จงได้

 

 

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!”

 

 

ทั้งๆ ที่เขาออกแรงมากกว่านางหลายเท่านัก เหตุใดเขาถึงยังได้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าถึงเพียงนี้ได้อยู่อีก

 

 

ตรงกันข้ามกลับเป็นนางเสียอีก ที่เอวแทบจะขาดอยู่แล้ว!

 

 

ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!

 

 

“แมวน้อย เจ้าตื่นหรือยัง! เจ้านอนพอหรือยัง”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนนั่งยองๆ อยู่ที่ริมหน้าต่าง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส

 

 

การปฏิบัติจริงสามารถยืนยันความจริงทุกอย่างได้จริงๆ ด้วย!

 

 

จากการปฏิบัติจริงเมื่อคืนวานนี้ ในที่สุดซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้เสียทีว่า สิ่งที่หลิวเซิ่งกล่าวมานั้นเหลวไหลทั้งเพ!

 

 

หลักการบ้าบออะไร!

 

 

โกหกทั้งเพ!

 

 

“นอนหรือ”

 

 

มองไปเห็นใบหน้าหล่อเหลาของซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็ต้องสบถออกมาด้วยขุ่นเคือง

 

 

คืนทั้งคืน เขาเอาแต่สอดใส่ซ้ำไปซ้ำมา นางต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทดลองท่าทางต่างๆ ทั้งคืน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปนอนกันเล่า! ต้องบอกว่านางไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน ดีกว่า!

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่อวี้เฟยเยียนได้รู้ว่า ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นผู้ใฝ่เรียนที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์คนหนึ่ง

 

 

“วันๆ ไม่มีอะไรทำก็หยิบเอาชุนกงถูที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้มาศึกษาหรืออย่างไรไม่รู้”

 

 

ยิ่งเมื่อนึกถึงว่าเมื่อคืนวานถูกบังคับให้ทดลองปฏิบัติท่าทางที่น่าเขินอายเหล่านั้นขึ้นมา อวี้เฟยเยียนก็รีบมุดหน้าลงในผ้าห่มทันที

 

 

น่าขายหน้าชะมัด!

 

 

ในหนังโป๊ะสำเร็จรูปยังไม่มีขนาดใหญ่โตถึงเพียงนี้เลย!

 

 

ที่แท้แล้ว…ของนางก็มีความยืดหยุ่นที่มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ

 

 

“ข้าจะนอนแล้ว อย่ามารบกวน!”

 

 

อวี้เฟยเยียนตอบกลับเสียงอู้อี้ และเมื่อพบว่าในตอนที่พูดนั้นเสียงของนางแหบพร่า ใบหน้าก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นทันที

 

 

คนขี้โกง!

 

 

นางขอร้องอ้อนวอนเขาตั้งหลายครั้ง เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยนาง คนเลวจอมลามก!

 

 

“คนที่นอนหลับทำไมยังพูดได้อีกละ”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วเป่าลมใส่เส้นผมสีดำขลับของอวี้เฟยเยียนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาแผ่วเบา

 

 

“ข้าเป็นโรคขี้ละเมอ!”

 

 

จนแล้วจนเล่าอวี้เฟยเยียนก็ไม่ยอมโผล่หน้าออกมา

 

 

“แมวน้อยเด็กโง่ อึดอัดแย่แล้ว!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนอุ้มอวี้เฟยเยียนขึ้นมาแนบอก เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงระเรื่อของนาง เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข

 

 

“เอาอย่างนี้ไหม พี่นอนเป็นเพื่อนเจ้า”

 

 

“ไม่ๆ !”

 

 

อวี้เฟยเยียนส่ายหน้าเป็นพัลวันราวกับกลองป๋องแป๋งน้อยก็ไม่ปาน นางจะไม่เชื่อคำพูดของผู้ชายคนนี้เด็ดขาด!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนมีแต่คำโกหก! เขามันเป็นจอมลวงโลก!

 

 

ใครกันที่พูดว่า ‘แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว’ สุดท้ายกลับกลายเป็นครั้งแล้วครั้งเล่า

 

 

แกล้งกันนี่สนุกมากไหม