ตอนที่ 11-12 / ตอนที่ 12-1

วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์

ตอนที่ 11-12 

 

 

 

 

 

“พระชายา ได้เวลาเสด็จแล้วเพคะ” 

 

 

รยูฮาจ้องมองคันฉ่องตรงหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง แม้ลมหนาวจะรุนแรงราวกับจะบาดผิว แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นใดๆ เกี้ยวที่นางนั่งอยู่แกว่งไกวอย่างช้าๆ ตรงไปยังหน้าท้องพระโรงที่เหล่าข้าราชบริพารเดินกันขวักไขว่ 

 

 

“เสด็จมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

เจ้ากรมราชพิธีพบเห็นรยูฮาจากที่ไกลๆ จึงรีบวิ่งมาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ดูเหมือนว่าจะวุ่นอยู่กับการเตรียมพิธีราชาภิเษกตลอดเวลา ใต้ตาจึงลึกโบ๋ 

 

 

“ท่านคงเหนื่อยมากเลยสินะ” 

 

 

รยูฮากล่าวทักทายเป็นพิธีการแล้วไปยืนตรงสุดทางตามที่เขาแนะนำ ชานรอรยูฮาอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว ด้วยความสง่าผ่าเผยทั้งที่ที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของตัวเอง 

 

 

“ในขณะที่พระพันปีทรงอ่านคำแถลงการณ์ ให้ท่านทั้งสองทรงก้าวเท้าพร้อมกันมาจนถึงข้างล่างบันไดพ่ะย่ะค่ะ หยุดอยู่ตรงนี้สักครู่แล้วโค้งคำนับแด่พระพันปี จากนั้นจึงทรงกลับไปที่เดิมได้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

เท้าของชานและรยูฮาก้าวไปข้างหน้ายังจุดเดียวกันพร้อมๆ กัน จู่ๆ รยูฮาก็นึกถึงวันเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับฮอน ณ ที่แห่งนี้ขึ้นมา ฮอนซึ่งเคยเป็นเด็กขี้แยตัวเล็กๆ เติบโตขึ้นจนสูงกว่าตนเองเกินหนึ่งคืบมองมาที่นางผ่านมงกุฎเคยยืนอยู่ตรงนี้ รยูฮาที่สบเข้ากับแววตานั้นสะดุ้งตกใจพร้อมกับก้มหน้างุดโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา นางไม่เคยตกใจกับสิ่งใดมาก่อนเลย 

 

 

“เอ่อ คือ…พระชายา ยังเสด็จกลับขึ้นไปบนบันไดไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“อ้า พอดีข้าเผลอไปคิดเรื่องอื่นน่ะ” 

 

 

จู่ๆ รยูฮาก็ขึ้นไปบนบันไดเหมือนกับวันที่เข้าพิธีอภิเษกสมรส ก่อนจะหันหลังกลับมาอีกครั้ง ชานเพ่งมองนางด้วยใบหน้าตึงเครียดจากข้างล่างบันได สถานการณ์นี้ดูคุ้นเคย บันไดสูงที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้าและรยูฮาที่ยืนมองชานลงมาจากข้างบนนั้นในชุดสีขาว 

 

 

นั่นคือฉากที่เขาเห็นในฝันในวันนั้นที่สูญเสียพ่อและแม่ไปในคราวเดียว เขารู้สึกเหมือนรยูฮาจะหายตัวไปเดี๋ยวนั้นเหมือนกับในความฝัน ชานที่ถูกครอบงำด้วยความกังวลจึงยื่นมือไปหารยูฮาซึ่งกำลังลงมาจากบันได 

 

 

“อย่าแตะต้องตัวหม่อมฉันเพคะ” 

 

 

แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงอันเย็นชาราวกับมีดปักลงที่อก รอยมีดอันใหม่กรีดยาวลงบนหัวใจของชานซึ่งไม่เหลือแม้แต่ที่ให้ฉีกขาดเพิ่ม 

 

 

“ต่อไปให้เสด็จขึ้นไปบนเกี้ยวที่อยู่ตรงหน้าและเสด็จไปยังพระราชสุสานของกษัตริย์องค์ก่อนเพื่อขอพระราชทานอนุญาตในการสืบต่อราชบัลลังก์พ่ะย่ะค่ะ จากนั้นจึงหันหลังกลับมาเพื่อรับตราพระมหากษัตริย์จากพระพันปีพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

พิธีราชาภิเษกใช้เวลายาวนานเป็นอย่างมาก รยูฮารู้สึกหนักใจว่าจะซักซ้อมสิ่งนี้ไปเพื่ออะไรพร้อมกับขยับตัวด้วยความไม่เต็มใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิบัติตามพิธีจนถึงขั้นตอนสุดท้ายด้วยการไปรับตราพระมหากษัตริย์จากพระพันปี ร่างอันเย็นชาหันลุกออกไปจากที่นั่งข้างชาน ซึ่งตรงนั้นไม่ใช่ที่ที่รยูฮาควรจะอยู่ 

 

 

“พระชายา” 

 

 

ชานเรียกนางพร้อมกับตามหลังไป แต่ไม่มีคำตอบกลับมา เขาลูบประตูประหนึ่งลูบรยูฮาอยู่ด้านหน้าตำหนักด้านในของวังซึงกอนที่ปิดสนิทอย่างเย็นชา 

 

 

ข้าขอโทษ ในตอนนี้เขาอยากจะพูดคำนั้นออกไป คำพูดสุดท้ายที่พระสนมเอกมุนทิ้งไว้ก่อนจะจากไปนั้นถูกต้อง ชานปฏิบัติต่อรยูฮาเหมือนกับสิ่งของที่ใช้ซื้อขาย แต่เพราะว่านางไม่ใช่สิ่งของจึงไม่สามารถครอบครองไว้ได้ 

 

 

ผลตอบแทนของความโลภช่างโหดร้ายนัก เขาสูญเสียทั้งน้องชาย พ่อ แม่ที่รักไปทีละคน และสูญเสียแม้กระทั่งรอยยิ้มของรยูฮาที่เคยยิ้มให้เป็นครั้งคราวไปด้วย ที่สำคัญอีชานได้สูญเสียตัวเขาเองไปด้วยเช่นกัน ชานยืนอยู่ตรงนั้นสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะผละไปจากหน้าห้องรยูฮาและหันหลังกลับไปยังที่พำนักของตนเองเมื่อแสงตะวันตกดินสีแดงลอดผ่านไปตามโถงทางเดิน  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 12-1 

 

 

 

 

 

“แคว้ก! แคว้ก!” 

 

 

คยอกรังบินทะลุผ่านอากาศยามค่ำคืนอันหนาวเย็นลงมาพร้อมกับจดหมายฉบับสุดท้าย โฮจินแกะมันออกแล้วเข้าไปในห้องที่ฮอนกับฮาแบคกำลังรออยู่ บนโต๊ะมีกระดาษหลายใบ พู่กันและเม็ดหมากล้อมกระจัดกระจายเต็มไปหมด 

 

 

“แผนสุดท้ายพ่ะย่ะค่ะ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนี้ ห้ามคลาดเคลื่อนแม้แต่นิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นท่าทางจริงจังของโฮจิน ฮอนรับจดหมายมาอ่านอย่างละเอียด ก่อนจะจุ่มพู่กันลงในหมึก เริ่มจากวาดเส้นหนึ่งลงไปบนกระดาษ แล้วลากอีกหลายเส้นเชื่อมต่อกัน จนปรากฏเป็นอาคารและเส้นทางอันซับซ้อนภายในพระราชวัง 

 

 

“ช่างน่าทึ่งจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ฮาแบคอุทานออกมาในขณะที่พินิจมองแผนที่โดยละเอียด โฮจินเองก็เห็นว่าแผนที่นั้นเผยให้เห็นแม้กระทั่งตรอกซอกซอยและทางแยกที่ไม่ค่อยมีผู้คนโดยไม่ผิดเพี้ยนเช่นกัน แต่เขาไม่ได้คิดที่จะเอ่ยชื่นชมออกไปอยู่แล้ว จึงทำแค่เพียงผิวปากอย่างอวดดีหนึ่งทีและยิ้มออกมาเล็กน้อย 

 

 

“ท่านมหาเสนาบดีก็มีแผนที่นี้ด้วยเช่นกัน การปรึกษาหารือกันต่อหน้าก็เป็นเรื่องที่ควรทำ แต่ตอนนี้เราควรที่จะระวังตัวให้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน” 

 

 

เมื่อฮอนพูดพลางชี้เส้นทางลับในแผนที่ โฮจินจึงพูดเสริมเข้าไปอีก 

 

 

“ก็แค่ฆ่าให้หมดสิ มัวแต่ทำอะไรน่าเบื่อ…”  

 

 

“แต่เหล่าทหารเป็นผู้บริสุทธิ์” 

 

 

ฮอนปฏิเสธคำบ่นของโฮจิน แล้ววางเม็ดหมากล้อมจำนวนหนึ่งบนแผนที่ เขาจ้องมองเม็ดหมากล้อมสีขาวตรงกลางขวาแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นโฮจินจึงหัวเราะออกมาพร้อมกับดีดมันออกไปข้างนอกแผนที่ เม็ดหมากล้อมที่ลอยออกไปราวกับลูกศรปักลงไปบนผนังที่ทำจากดินและเป็นประกายระยิบระยับด้วยแสงไฟตะเกียง 

 

 

“ประตูมีทั้งหมดสีประตูหลักๆ แต่การเข้าไปทางนั้นมันเสี่ยงเกินไป เมื่อองค์ชายสองเสด็จออกจากพระราชวัง ทหารองครักษ์ก็จะลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง เพราะฉะนั้นในตอนนั้นเราจะต้องเข้าไปทางประตูนี้แล้วจัดการพวกเขาซะ” 

 

 

ฮาแบคและโฮจินขยับตาบนแผนที่ไปตามการอธิบายของฮอนและจินตนาการภาพในหัวไปด้วย ถึงแม้ว่าจะตั้งใจให้มีการสูญเสียชีวิตให้น้อยที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็คงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการนองเลือดได้ ทั้งสามคนรวมหัวกันจนดึกดื่นและเปรียบเทียบจดหมายกับแผนที่หลายต่อหลายรอบพร้อมกับพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบ ต่อมาฮอนจึงปิดแผนที่และยืดเอวบิดขี้เกียจ 

 

 

“ตอนที่ไปตรวจตราที่เขตชายแดน เจ้ากับแชยอนฆ่าเสี่ยวเอ้อคนหนึ่งแล้วหนีไปใช่หรือไม่” 

 

 

ความกระหายเลือดปะทุขึ้นมาในตัวของโฮจินเพราะคำพูดของฮอนที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมา 

 

 

“ไอ้เลวที่เคี้ยวอย่างไรก็ไม่สะใจ ถ้ามีเวลาอีกสักหน่อย ข้าจะแล่มันออกทีละส่วนแล้วค่อยฆ่าพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“นั่นแหละ ถ้าเจออีกครั้งก็ทำเช่นนั้นซะ” 

 

 

โฮจินเล่าให้ฟังว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น คำพูดของฮอนที่บอกว่า ‘ทำได้ดีมาก ถ้าเป็นข้าก็คงจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน’ กลายเป็นโอกาสดีที่โฮจินจะได้ทำลายกำแพงลง ซึ่งเขาไม่ได้พูดเพียงเพื่อจุดประสงค์นั้นโดยตรง ฮอนคิดอย่างนั้นจริงๆ 

 

 

“ดังนั้นพวกเราจึงไปค้นหาในหัวเมืองทุกแห่งที่ลากยาวไปตามด้านล่างภูเขาเพื่อที่จะตามหาพวกเจ้าทั้งสองคนที่หายตัวไป ตอนนั้นข้าก็วาดแผนที่ ส่วนรยูฮาก็วางแผนเช่นนี้แหละ ส่วนท่านพี่กับมินอาเองก็อยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน ถ้าหากตอนนั้นข้าเข้าไปเตือนท่านพี่โดยตรงล่ะก็…” 

 

 

ก็คงจะไม่พินาศย่อยยับจนถึงขนาดนี้ ฮอนกลืนคำพูดสุดท้ายลงไปและกุมหน้าผาก ใช่แล้ว เขาได้ยินเสียงของชานที่พูดถึงรยูฮาจากอีกด้านของกำแพงอย่างชัดเจน แต่เขากลัวว่าจะเหินห่างกับท่านพี่ที่รักจึงทำเป็นไม่รู้เสมอมา ในขณะที่ตนเองสองจิตสองใจอยู่นั้น สุดท้ายหัวใจของชานที่ไม่สามารถตัดขาดได้จึงทำให้เขาเลือกตัวเลือกที่ผิดพลาด 

 

 

“แต่ถึงอย่างไรผลลัพธ์ก็จะออกมาเหมือนเดิมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” 

 

 

วิธีการพูดของฮาแบคที่ตัดความกังวลทิ้งไปอย่างเฉยชาคล้ายกับรยูฮาอย่างมากอีกแล้ว ฮอนอมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวและเอียงคอเพื่อมองหาภาพของรยูฮาจากเขา 

 

 

“…กระหม่อมไม่ใช่น้องสาวนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่อยากได้รับสายตาอันร้อนแรงจากผู้ชายพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

พอฮาแบครู้สึกขนลุก โฮจินที่อยู่ข้างๆ ก็ระเบิดหัวเราะคิกคักออกมา ฮอนก็หัวเราะตามไปด้วย แล้วจึงเลิกมองฮาแบคพลางพับจดหมายที่เรียบเรียงแผนการเอาไว้ ก่อนจะส่งต่อให้กับโฮจิน 

 

 

“ถึงท่านมหาเสนาบดี เช้ามืดมะรืนนี้ จะลงจากภูเขา” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมขอตัวไปนอนก่อน” 

 

 

“ทรงพักผ่อนให้สบายพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”