TB:บทที่ 196 พลังลมปราณ

 

เนื่องจากชื่อที่มีคำว่าบ้าคลั่ง จึงเป็นปกติที่ “ลิงอสูรคลั่ง” จะอารมณ์ร้ายเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นเองเฉินลงท้าทายมันและมันรีบพุ่งเข้ามาหาเฉินหลงทันที

“เข้ามาสิ มาฆ่าฉันเลย ถ้าฉันไม่ตาย แกนั่นแหละที่ตาย” ฝ่ามือสองข้างของเฉินหลงมีพลังของระฆังทองระดับที่สิบเอ็ด และฝ่ามือนั้นแผดเสียงใส่ “ลิงอสูรคลั่ง”

หมัดยักษ์ทั้งสองของ“ลิงอสูรคลั่ง”ทุบลงที่สองฝ่ามือของเฉินหลง ในเวลาเดียวกันนั้นมันอ้าปากใหญ่ยักษ์ที่เต็มไปด้วยเขี้ยวคมและคำรามออกมาคล้ายกล่าวว่า “ตาย”

 

“ตู้ม”

 

กำปั้นของ“ลิงอสูรคลั่ง”ทุบเข้าที่ฝ่ามือของเฉินหลง แรงระเบิดเกิดขึ้นโดยตรงจากระฆังทองของเฉินหลง แล้วพลังก็แผ่ซานเข้าไปในร่างของเขาและนั่นทำให้เขากระเด็นไปเหมือนลูกปืนใหญ่

พลังที่ทรงพลังดั่งทุ่งหุบเขาโจมตีเฉินหลงไปตรงๆ เลือดพวยพุ่งออกจากปากของเฉินหลง

พลังโจมตีโดยตรงนี้ทำให้กระดูกจำนวนมากในตัวเฉินหลงหักไป หากแต่ร่างกายของเฉินหลงไม่มียาแพทย์และฉีคอยปกป้องแล้ว เขาคงตายไปจากแรงโจมตีนี้

 

“นี่หรือคือพลังลมปราณที่แท้จริง พลังลมปราณในร่างกายนั่นกลายเป็นรูปลักษณ์ และช่างทรงพลัง”

เฉินหลงรู้สึกได้ถึงพลังที่พุ่งเข้ามาในร่างกายและมุ่งทำลายเขา

และเนื่องจากยาแพทย์ฉี เฉินหลงจึงยังไม่ตาย เขาจึงรู้สึกได้ถึงฉีอันทรงพลังของพลังลมปราณ

พลังในร่างของเฉินหลงค่อยๆแปรเปลี่ยนไป

 

หลังจากที่เฉินหลงโดน“ลิงอสูรคลั่ง” ทุบครั้งแรก มันรีบตบอกด้วยกำปั้นและทำเสียงคล้ายกลองออกมา

แมลงที่น่ารังเกียจนี่ได้ก่อกวนมันมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และทุกครั้งที่มันฆ่าเขาได้ เขาก็จะวิ่งออกไปและมาก่อกวนมันอีกในวันถัดมา มันรู้สึกว่ามิอาจทนได้แล้ว ในวันนี้มันจะฆ่าแมลงตัวจ้อยที่น่ารำคาญนี่ด้วยหมัดหมัดเดียว

 

ในความคิดก่อนหน้า เฉินหลงได้ตายไปแล้ว

ห้านาทีต่อมา พลังฉีที่โจมตีร่างของเฉินหลงไป กลับพวยพุ่งออกมาจากร่างเฉินหลง

แล้วอาการบาดเจ็บของเฉินหลงก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเองพลังฉีในร่างเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นระดับที่เข้มข้นขึ้น นั่นคือฉีอันทรงพลัง

หากจะกล่าวว่าฉีแห่งสรวงสวรรค์และพสุธาในระดับกำเนิดเป็นหนทางสำหรับนักต่อสู้ศิลปะป้องกันตัวเข้าสู่ระดับกำเนิดแล้วนั้น การเปลี่ยนแปลงของพลังฉีในร่างเพื่อเข้าสู่ระดับพลังลมปราณคือความสำเร็จอันเล็กน้อย

 

“นี่คือการตัดผ่าน ฉันทำการตัดผ่านได้แล้ว ช่างอันตรายจริงๆ เกือบตายไปแหน่ะ” เฉินหลงรู้สึกได้ถึงฉีอันทรงพลังในร่างเขา เขาเดินออกจากหลุมที่เขากระเด็นมาอย่างช้าๆ

จากนั้น พลังของเฉินหลงได้พัฒนามาสู่ระดับของพลังลมปราณแล้ว ระดับพลังของระฆังทองได้ยกระดับสู่ระดับสิบสอง

 

เหมือนได้เดินออกจากหน้าผาของภูเขา ระฆังทองระดับสิบสองมีพลังเต็มที่ ในขณะนั้นระฆังทองกลายเป็นระฆังทองที่สร้างขึ้นจากลวดลายของอักษรรูน ในแต่ละลวดช่างสมบูรณ์แบบดั่งสรวงสวรรค์ ไม่ต้องแปลกใจไปว่าทำไมคนบางคนจึงกล่าวว่าระฆังทองระดับสิบสองนั้นเข้าสู่ระดับที่ไร้พ่ายในโลกนี้

ตามปกติแล้ว มันตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ไอ้แมลงตัวน้อยนั้นน่าจะตายไปแล้ว ทว่าในกลับฟื้นคืนชีวิตมา

ยิ่งไปกว่านั้นพลังของมันยังผ่านพ้นไปอีกขั้นด้วย ความตื่นเต้นจึงหายไปจากสีหน้าของมัน

เหลือไว้เพียงสีหน้าแห่งความระแวดระวัง  นั่นเพราะมันรู้สึกได้ว่าแมลงตัวจ้อยเบื้องหน้ามันนั้นให้ความรู้สึกอันตราย

 

เฉินหลงเดินอย่างเชื่องช้าผ่านอากาศตรงไปหา “ลิงอสูรคลั่ง”

ระดับพลังลมปราณนั้นสามารถทำให้นักสู้ที่ใช้เดินบนอากาศได้

หลังได้เห็นเฉินหลงเช่นนั้นแล้ว “ลิงอสูรคลั่ง” เกิดความกลัวขึ้นมาและไม่กล้าที่จะสู้ด้วย

แม้“ลิงคลั่ง”จะมีอารามณ์อันร้ายกาจ ทว่ามันไม่ได้โง่งม มันรู้สึกได้ว่าไอ้แมลงเล็กจิ๋วข้างหน้ามันมีความอันตรายถึงชีวิตของมัน

 

เฉินหลงมอง“ลิงอสูรคลั่ง”ด้วยรอยยิ้มและกล่าวไปว่า “ขอบคุณมากนะ หากไม่ใช่เพราะนายแล้ว พลังของฉันคงไม่ผ่านพ้นระดับสู่พลังลมปราณที่แท้จริงได้ เอาละ เพราะเรื่องที่นายช่วยไว้ ฉันจะให้รางวัลกับนาย หากนากยอมมาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน ฉันจะไว้ชีวิตนาย” พลังของ “ลิงอสูรคลั่ง”นี่ ไม่เลวเลย หากมันมาเป็นสัตว์เลี้ยงเขาแล้วคงถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดี

 

อย่างไรเสีย สัตว์อสูรร้ายที่ทรงพลังแบบนี้คงมาติดตามเฉินหลงแบบติดๆอย่างซื่อสัตย์เหมือนสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งได้กระมัง แต่คำตอบคือ แน่นอนอยู่แล้ว ว่าเป็นไปไม่ได้

แม้มันจะไม่เข้าใจที่เฉินหลงพูดอยู่ แต่การดูถูกตัวมันจากน้ำเสียงของเฉินหลงทำให้“ลิงอสูรคลั่ง”โกรธ มันโจมตีเฉินหลงอีกครั้ง แล้วความรู้สึกถึงอันตรายทั้งหมดพลันหายไปในความนึกคิดของมัน

“ลิงอสูรคลั่ง”เหวี่ยงหมัดมาใส่เขา ใบหน้าเฉินหลงเผยยิ้มออกมา เขายืนนิ่งอย่างไม่หลบเลี่ยงหมัดเลย

 

ถึงระฆังทองจะมีพลังสูงขึ้นกว่าระดับสิบเอ็ด ทว่าเฉินหลงมีความรู้สึกว่าพลังของระดับกำเนิดและระดับพลังลมปราณที่แท้จริงช่างแตกต่างยิ่งนัก

ลิงอสูรคลั่งโจมตีระฆังทองอย่างรุนแรง แต่ระฆังทองไม่ได้มีร่องรอยอะไรเลยแม้แต่น้อย พลังของหมัดไม่มากพอที่จะทำให้อักษรรูนของระฆังทองทำงานด้วยซ้ำ

แต่อย่างไรก็ตาม “ลิงอสูรคลั่ง” ได้กระเด็นกลับไปด้วยแรงสะท้อนกลับ เลือดสีฟ้าพวยพุ่งออกจากปากของ“ลิงอสูรคลั่ง”และลอยไปในอากาศ แล้วร่างอันใหญ่ยักษ์ของมันก็พุ่งไปที่ด้านหนึ่งของทุ่ง เหมือนกับการปะทะของเฉินหลงได้แปรเปลี่ยนเขาเป็น“ลิงอสูรคลั่ง”

 

“ช่างแข็งแกร่ง ระฆังทองระดับสิบสองแข็งแกร่งมากจริงๆ” เฉินหลงรู้สึกประหลาดใจจากพลังของระฆังทองระดับสิบสอง

พลังของ“ลิงอสูรคลั่ง”นั้นทรงพลังมากในการสู้จริงด้วยลมปราณ ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว มันดูเหมือนเป็นเด็ก ช่างอ่อนแอ

จากนั้น เฉินหลงเดินไปอย่างช้าๆตาม “ลิงอสูรคลั่ง” ที่ชนเข้ากับภูเขาไป

“โฮก”

ด้วยเสียงคำรามของ“ลิงอสูรคลั่ง” หินกรวดมากมายหล่นลงมาจากภูเขาปละหล่นไปทางเฉินหลงอีกครั้ง

เมื่อหินจาก“ลิงอสูรคลั่ง”โดนระฆังทอง หินทั้งหมดสะท้อนกลับไป

ในครั้งนี้ มีแผลมากมายบนตัว“ลิงอสูรคลั่ง” มันมองสายตาอันดุร้ายและยื่นสองมือออกมาตบไปทางเฉินหลง สองมือของมันช่างแข็งแกร่งราวกับว่ามันอยากตบเฉินหลงให้ตายเหมือนแมลงเล็กจิ๋วตัวหนึ่ง

แต่อย่างไรเสียเฉินหลงไม่ใช่แมลงตัวเล็กจิ๋ว เขามีระฆังทอง อันไร้พ่าย ระฆังทองที่ไร้คู่ต่อกร

สองมือของลิงอสูรคลั่งตบลงบนระฆังทอง แล้วเกิดเสียงกระดูกที่แตกหักขึ้นทันที

“แกรก แกรก”

มือทั้งสองของลิงคลั่งแตกหักกระจายบนระฆังทอง

จากนั้น ใบหน้าของลิงคลั่งก็แสดงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ปากของมันเปิดกว้างและร้องออกมาอย่างน่าอนาถ

“โฮก โฮก”

“ฉันเคยบอกไปนานแล้วนี่ ว่าไม่ดีกว่าหรือถ้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันน่ะ ทำไมนายต้องดึงดันจะทรมานตังเองด้วย” เขาว่าพร้อมรอยยิ้มเลือนๆ เฉินหลงมอง “ลิงอสูรคลั่ง” ที่ร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้น

หลังจากที่เฉินหลงกล่าวไป “ลิงอสูรคลั่ง”มองเขาด้วยสายตาอันบ้าคลั่ง มันเปิดปากและกำลังจะกินเฉินหลง มันเป็น“ลิงอสูรคลั่ง”  “ลิงอสูรคลั่ง”ที่ภาคภูมิในตัวเอง มันตายได้แต่ต้องไม่โดนดูหมิ่น

“เพราะแกอยากตาย ฉันจะทำให้เป็นเวลาดีๆนะ” เขามอง “ลิงอสูรคลั่ง” ที่จะกัดเขา เฉินหลงต่อยปากของมัน

เสี้ยวหนึ่งของระฆังทองพุ่งออกจากหมัดของเฉินหลงที่ต่อยโดนปากของลิงอสูรคลั่งและด้วยแรงของหมัด หัวของสัตว์ร้ายนั่นระเบิดออก