บทที่ 511 ปฏิเสธสาวงาม

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เรนนี่ไม่มีทั้งเวลาและอารมณ์สนใจความเจ็บปวดทางกาย เพราะร่างกายเฉื่อยชาที่นอนอยู่บนเตียงมัวแต่ร่ำไห้ ซึ่งน้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย

ความทุ่มเทพยายามตลอดหลายปีที่ผ่าน สุดท้ายก็สูญเปล่า

เธอเกลียดหัสดิน เกลียดชนิดที่ฝังเข้ากระดูก และเธอก็เกลียดซาฮาร่าด้วย

ร่างกายเธอปวดระบมไปหมด โดยเฉพาะบริเวณแขนและใบหน้า เธอไม่กล้าแม้แต่ขยิบปาก คล้ายกับโดนฉีกขาด เจ็บจนไม่อาจทานทน เพราะเหมือนจะบวมช้ำด้วย

เธอไม่เพียงแต่สูญเสียทุกอย่าง ทั้งยังมีบาดแผลเต็มกายด้วย มันไม่คุ้มเลย?

จากนั้นเธอคล้ายกับฉุกคิดอะไรได้ เรนนี่ให้น้องสาวฝ่ายพ่อเข้ามา จากนั้นก็ถ่ายสภาพพังพินาศของตน โดยเฉพาะจุดที่มีแผล ทางที่ดีคือถ่ายให้ชัดให้เจาะจงที่สุด

อย่างไรเสียเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอจะแพร่ข่าวนี้ออกไป โดยกล่าวว่าถูกเขาทารุณ

เขาไร้ความเมตตาก็อย่าโทษที่เธอขาดคุณธรรม

ต้องบอกว่าหัสดินโหดร้ายกับเธอมาก ทำร้ายเธอแบบจะเอาให้ถึงตาย ตอนนี้เธอขยับเขยื้อนไม่ได้เลย

ถ้าไม่ใช่ชฎารัตน์ขวางได้ทันท่วงที เกรงว่าเธอคงตายในเงื้อมมือหัสดินแล้ว

อีกห้องหนึ่ง

ฉันทัชไปที่บาร์เหล้าตามเวลานัดหมาย ซึ่งอาคิรามานั่งรอก่อนแล้ว

ขายาวทรงเสน่ห์ของเขาเดินเข้าไป สายตารอบข้างจับจ้องมายังเขามากมาย เขาขมวดคิ้วถาม “ทำไมไม่เลือกห้องวีไอพี?”

ที่นี่มีเสียงดนตรีดังกึกก้อง ฟังแล้วหนวกหูมาก เขารู้สึกไม่เงียบสบายเลย

“มาบาร์ก็เพื่อสัมผัสความคึกคักแบบนี้ ถ้าเข้าไปในห้องวีไอพี ก็จะขาดบรรยากาศแบบนี้น่ะ?วันดี ๆ แบบนี้ ผมอยากเฮฮาหน่อย”อาคิระเทเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า เติมเต็มทุกแก้ว“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น วันนี้แค่ดื่มเหล้า และไม่ได้ต้องบอกว่านายดื่มไม่ได้ วันนี้ต้องดื่มเพื่อเอวา”

สิ้นเสียง อาคิระยกขึ้นมาหนึ่งแก้ว ก่อนจะเงยหน้าดื่มทีเดียวหมด

จากนั้นเขาก็จ้องมายังฉันทัช ฉันทัชย่นคิ้วเล็กน้อย และหยิบขึ้นมาดื่มหมดเช่นกัน

เมื่อรู้สึกพอใจ เขาก็ดื่มต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าหยุดดื่มเลย ฉันทัชกะพริบตาพลันดื่มเป็นเพื่อน

เห็นผู้หญิงคนหนึ่งบนเวทีเต้นรำ คือลิลลี่ เธอสวมเสื้อผ้าต่างจากปกติ ปกติใส่แต่เสื้อของหน่วยงาน วันนี้กลับใส่ได้เซ็กซี่มาก

และเห็นได้แจ่มชัดว่าวันนี้เธอไม่ได้มาในฐานะนักดื่ม และเป็นพนักงานในร้าน ตอนนี้กำลังเต้นรำไปตามจังหวะดนตรี โยกย้ายส่ายสะโพกเต็มที่

ฉันทัชเห็นแล้วก็แค่มองสองปราด จากนั้นก็ละสายตากลับมาราวกับไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น

สำหรับเขา เธอเป็นเพียงพนักงานในบริษัท และพนักงานทำหน้าที่ของตนให้ดีก็พอ เขาไม่ก้าวก่ายเวลาส่วนตัวเด็ดขาด

หางตาอาคิระสังเกตเห็นการกระทำของเขา ทว่าแค่ยกมุมปากขึ้น ยังคงดื่มอย่างไม่สะทกสะท้านใด ๆ

เขาเป็นคนคอแข็งใช่ย่อย เพราะมาเพลิดเพลินในสถานที่แบบนี้ประจำ ส่วนฉันทัชไม่ชอบเรื่องพวกนี้ จึงดื่มไม่เก่ง

เหล้าวางบนโต๊ะเท่าไหร่อาคิระก็เทใส่แก้วหมด และแน่นอนเขาก็เทให้ฉันทัชทุกครั้งด้วย

“สังคมสมัยนี้ถ้าไม่ขาดเงินก็คงไม่มาแสดงที่นี่หรอก” ทันใดนั้นอาคิระพูดหนึ่งประโยค

ดวงตาลุ่มลึกของฉันทัชหรี่ขึ้นพร้อมกับพยักหน้าให้ สื่อให้รู้ว่าเห็นด้วยกับคำพูดนี้ เขามองเหล้าบนโต๊ะปราดหนึ่ง จากนั้นก็หรี่ตาฟุบลงที่โต๊ะ

เขาดื่มเข้าไปไม่น้อย ด้วยอาการเมาจึงละทิ้งความสง่างามที่ไม่ใช่จะมีบ่อยครั้ง

อาคิระพอใจในสิ่งนี้ ให้บริกรพาเขาเข้าห้อง

จากนั้นเขาก็หรี่ตาส่งสัญญาณมือให้ลิลลี่ที่อยู่บนเวที จากนั้นก็ดีดตัวลุกขึ้น

ลิลลี่พยักหน้ารับทราบพลันเดินลงจากเวที แล้วไปด้านหลัง ซึ่งอาคิระรออยู่ก่อนแล้ว “เตรียมตัวเสร็จหรือยัง?”

“……”ลิลลี่ไม่ได้ตอบ เธอไม่มีสิทธิ์พูด เขาบอกให้ทำอะไร เธอก็ได้แต่ทำตาม นี่คือกฎตายตัวของพวกเขาสองคน

“ตอนนี้ไปที่ห้องวีไอพี จะมีคนนำทางคุณไป คุณอย่าลืมเรื่องที่ผมสั่งล่ะ” อาคิระกล่าวต่อ

มีคนยืนรอหน้าเวทีจริง ๆ เธอเดินเข้าไป จากนั้นก็ถูกพาขึ้นไปยังชั้นบนสุด ซึ่งเป็นห้องเพรสซิเดนสูท

ฉันทัชนอนบนเตียงแบบสบาย ๆ เสี้ยววินาทีที่ลิลลี่มีคนนำทางมา หัวใจเธอก็เต้นไม่เป็นส่ำเลย

ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงคือหัวหน้าของตน คือประธานในบริษัท ให้เธอทำเช่นนี้มันไม่ง่ายเลย

เธอยืนอยู่ข้างเตียง แม้ผู้ชายตรงหน้าจะเมาไม่ได้สติ แต่ยังคงให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ สง่างาม ชนิดที่ไม่กล้าสบประมาท

ทว่าเธอขัดคำสั่งอาคิระไม่ได้

ดังนั้นลิลลี่ยืนถอดเสื้อทีละชิ้นด้านข้างเตียง

ทว่าพึ่งจะถอดเสื้อตัวนอกออก ฉันทัชที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นกะทันหัน มือใหญ่จัดแจงเนคไทแล้วลุกขึ้นนั่ง

ลิลลี่สะดุ้งตกใจและร้องเสียงหลง ใบหน้าซีดขาว

มือใหญ่ที่เห็นกระดูกชัดเจนนวดระหว่างคิ้ว ดวงตาของฉันทัชอยู่ที่ตัวของลิลลี่ พลางเม้มริมฝีปากบาง กล่าวเสียงเรียบเฉย“ใส่เสื้อเถอะ”

เธอตกใจสุดแสน ไม่แม้แต่จะกล้าหายใจเสียงดัง การกระทำชะงักค้าง ไม่รู้ว่าควรถอดหรือควรใส่ดี

“ห้องน้ำอยู่ด้านใน ไปใส่ที่นั่นสิ” ฉันทัชส่งสายตาไปยังห้องน้ำ

ลิลลี่ที่ยังไม่หายตกใจลอบสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วใส่กระดุมด้วยมือสั่นระริก

เธอคิดว่าท่านประธานเมาจนหลับไปแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่า……

เธอออกไปตอนนี้แล้วจะเผชิญหน้ากับท่านประธานเช่นไร แล้วจะเผชิญหน้ากับอาคิระเช่นไร เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ดังนั้นจึงอยู่แต่ในห้องน้ำ

เวลาล่วงเลยไปในความเงียบสงัด ด้านนอกไร้เสียงตลอด ลิลลี่คิดว่าท่านประธานจากไปแล้ว?

ในเวลาเดียวกันก็ได้ยินเสียงไพเราะที่เจือความขี้เกียจของผู้หญิงส่งมา“ดึกขนาดนี้แล้วทำไมคุณถึงให้ผู้ช่วยโก๋พาฉันมาล่ะคะ?”

เธออึ้ง ไม่เข้าใจเสียเลย ทำไมจึงมีเสียงผู้หญิงในห้องนอน?

“นอนแล้วเหรอ?” ฉันทัชให้ยู่ยี่นั่งบนเตียงแล้วสวมกอด ร่างกายเธออุ่นมาก

“ยังไม่ได้นอนค่ะ กำลังดูไซอิ๋ว ฉันรู้สึกว่านางเอกในเรื่องสวยมาก เมื่อก่อนดูละครรักไม่เป็น รู้สึกว่าเว่อร์เกินไป แต่วันนี้ดูแล้วรู้สึกเศร้ามาก” เธออินกับซีรีส์มาก อาจเป็นเพราะอายุเปลี่ยนไป ความรู้สึกนึกคิดจึงแปรเปลี่ยนตาม

เขากล่าว“ทำไมไม่รอผมกลับไปแล้วดูด้วยกัน?”

“ดูคนเดียวก็ได้อรรถรสดี แต่ดึกขนาดนี้แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่?หรือว่าจะเซอร์ไพรส์อะไรฉันคะ?”

ฉันทัชยื่นมือเสยผมเธอเล่น จากนั้นสายตาก็เพ่งมองไปยังห้องน้ำ พลางเอ่ยปากพูดว่า“ออกมาเถอะ”

ยู่ยี่มองไปด้วยความประหลาดใจ

และเห็นประตูห้องน้ำค่อย ๆ เปิดออก แล้วเห็นลิลลี่เดินออกมาด้วยอาการกระวนกระวาย

ยู่ยี่หรี่ตาขึ้น“ด้านในมีหญิงงามซ่อนอยู่?”

เขายิ้มเจือจาง พลางโอบกอดเธอแล้วมองไปยังลิลลี่“โทรหาเขาสิ”

ลิลลี่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง

“เขาที่ผมว่าคุณน่าจะรู้ดี” ฉันทัชกล่าว“บอกว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย ให้เขารีบมา”

เธอพยักหน้าเสร็จก็โทรออกไป จากนั้นก็พูดอย่างที่ฉันทัชสอนสั่ง

ไม่นานอาคิระก็มาถึง เมื่ออีกฝ่ายผลักประตูเข้ามาก็ต้องอึ้งอยู่กับที่

“เห็นภาพนี้แล้วประหลาดใจมากเลยหรือ?” เขายิ้มน้อย ๆ “เหนือการคาดหมายนายใช่ไหม หรือกำลังคิดว่าไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด”

อาคิระกำหมัดแน่นพลันพูดอย่างฉุนเฉียว “เมื่อกี้นายเสแสร้ง”

“ผมเมาแล้วจริง แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แค่ใช้แผนซ้อนแผน ผมอยากรู้ว่าใครจะทำอะไรกับผม”

“แต่ดูจากรูปการณ์ตอนนี้แล้ว นายไม่มีหัวใจจริง ๆ ลืมดาหวันสนิทเลย” อาคิระกล่าวเสียงเย็นเยียบ

ลิลลี่ที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับดาหวัน แต่หัวใจเขาก็ไม่หวั่นไหว ต้องบอกว่าเขาเลือดเย็นมาก

“ทำไมตอนนี้นายถึงโกรธ? เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่นายวางแผนไว้หรือ? ผมไม่ได้เมาและไม่ได้นอนกับผู้หญิงคนนี้? แล้วถ้าเกิดผมเมาจริงและนอนกับผู้หญิงคนนี้จริง ต่อจากนี้ล่ะ?” ฉันทัชถามเสียงราบเรียบ “ต่อจากนั้นต้องเป็นยังไงถึงจะสาแก่ใจนาย ให้ผมอยู่กับเธอคนนี้เหรอ?”

อาคิระไม่ได้ตอบ ไม่ว่าอย่างไร เขาจะไม่ยอมเห็นฉันทัชมีความสุขแน่ เขาจะช่วยดาหวันทวงความยุติธรรมเอง

“ผมปฏิเสธเธอได้ แสดงว่าหัวใจผมวางดาหวันลงแล้ว ถึงจะเหมือนกันขนาดไหน แต่ก็กระตุ้นให้ผมสนใจไม่ได้ ผมอยากจะบอกว่า ไม่ต้องคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ผมเห็นนายเป็นเพื่อน ดังนั้นคุณเรียกร้องผมก็ทำตาม แต่ไม่ใช่เพราะผมรู้สึกผิดหรือติดค้างอะไร มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย

อีกอย่างเรื่องของผมกับดาหวัน คนนอกอย่างนายไม่มีสิทธิ์มายุ่ง นับจากตอนนี้เป็นต้นไป หากจริงใจอยากเป็นเพื่อนต่อกัน งั้นก็ทำตัวให้ปกติหน่อย แต่ถ้าไม่ใช่ พวกเราก็ต้องเป็นคนแปลกหน้ากันแล้ว”ฉันทัชพูดทีละถ้อยคำอย่างกระจ่างแจ้งแจ่มชัดมาก

หัวใจยู่ยี่กระเพื่อม จ้องมองเขาด้วยความเหลือเชื่อ“เมื่อกี้คุณปฏิเสธหญิงงามเหรอ?”

เขายิ้มเบา ๆ“ใช่……”

“เธอสวยขนาดนี้ คุณทำใจปฏิเสธได้จริงหรือ?” ยู่ยี่มองลิลลี่ปราดหนึ่งพลันรู้สึกงดงามจริง มีออร่าแบบพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล ทิวทัศน์สวยๆ สาวสวยๆก็มีมากมายก่ายกอง แต่ต้องรักอีกฝ่าย อีกฝ่ายจึงจะเป็นทุกอย่างในชีวิต และจะกลายเป็นงามล่มเมืองโดยปริยาย ความสวยไม่ใช่รู้สึกสวยเพราะความสวยภายนอก แต่เป็นเพราะรักจึงรู้สึกสวย ถึงจะมีคนสวยมากมาย แต่ก็เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก สิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดถึงจะเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด ถ้าเกิดไม่อาจห้ามใจจากการยั่วยุของสาวงาม งั้นก็แสดงว่ารักไม่เพียงพอ”

ฉันทัชกล่าวเสียงเบา“ที่ผ่านมา ผมเจอประสบการณ์ต่าง ๆ และเคยเห็นผู้หญิงมากมายทุกรูปแบบ แต่มีเพียงคุณเท่านั้นจะทำให้หัวใจผมสั่น แต่งงานกับผมเถอะนะครับ?”

พูดพร้อมกับคุกเข่าลงหนึ่งข้าง มือใหญ่ล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงสูทจากนั้นก็ล้วงกล่องแหวนออกมา

ยู่ยี่อึ้งอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะพลิกผันมาในรูปแบบนี้

“ลูกพวกเราอยู่ในท้องห้าเดือนแล้ว เขาใกล้จะคลอดแล้วนะ คุณคงไม่อยากให้เขาเป็นเด็กกำพร้าใช่ไหม?” เขาพูดต่อ

ดวงตาเขาลุ่มลึก จับจ้องแต่เธอ แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักและจดจ่อ คล้ายกับเป็นแห่งรวบรวมดวงดาวที่ระยิบระยับที่สุดบนโลกไว้

เธอต้องมนตร์สะกดแล้วหรือ?

ไม่ เธอยังมีสติดี แต่วิธีขอแต่งงานแบบนี้มันอยู่เหนือการคาดหมายและรู้สึกทึ่งเกินไป