“อะไรที่เรียกว่ารู้จักใครคนหนึ่ง? บางคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหลายสิบปี คิดว่ารู้จักคนร่วมหมอนดีแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่เลย ผมรับรองนะ ถ้าคุณเลือกผม ผมไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ และไม่ให้คุณต้องทนความขมขื่นด้วย
ยู่ยี่เข้าใจ ความรักที่แสนจะจริงใจและความรู้สึกตื่นเต้นในการรอลุ้นคำตอบจากเธอ มันแสดงออกมาทางสีหน้าเขาหมด เธอก็จ้องเขากลับเอ่ยปากพูดอย่างควบคุมไม่ได้ “ฉันยินดีพนันอีกครั้งค่ะ”
ตอนมนุษย์เรามีชีวิตอยู่ ล้วนอยู่ในโหวตพนันทั้งสิ้น ครั้งนี้ เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้มองคนผิด และยินดีพนันอีกครั้ง
หากผลสุดท้ายแล้ว ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อน งั้นเธอก็จะคิดซะว่าเป็นโชคชะตาของตัวเอง ตัวเองโชคไม่ดี
ปกติฉันทัชไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมา ทว่าตอนนี้ความตื่นเต้นและดีใจกลับเต็มใบหน้า เขารีบเข้ากอดเธอแล้วจูบอย่างชื่นใจ
อาคิระยังคงยืนอยู่ที่เดิมและลิลลี่ด้วย
ยู่ยี่กำลังคิดในใจ พึ่งจะเคยเจอวิธีการขอแต่งงานในรูปแบบนี้ครั้งแรก มันพิเศษและซาบซึ้งกินใจมาก
เมื่อเทียบกับการขอแต่งงานสไตล์โรแมนติกแล้ว ครั้งนี้มันฝังลึกเข้าไปในหัวใจ ให้เธอตราตรึงตราบนานเท่านาน
คนอื่นขอแต่งงานในสถานที่โอ่อ่า แต่เธอกลับถูกขอแต่งงานในร้านบาร์ คนอื่นขอแต่งงานมีเพื่อนมิตรญาติสหายเข้าร่วม แต่เธอกลับมีคู่อริเป็นพยาน
แต่ห้องเพรสซิเดนสูทนี้เป็นคู่อริจัดหาให้ มันจึงเป็นอะไรน่าจารึกไว้ในความทรงจำได้ดีเยี่ยมยอดมาก
ยู่ยี่เห็นสีหน้าอคิระซีดเผือด เธอรู้สึกเบิกบานใจมาก เขาคงไม่คิดว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นนี้มั้ง?
อาคิระเกือบเป็นบ้า มันเกิดอะไรขึ้น?เขาขุดหลุมพรางไว้ แต่กลับกลายเป็นสถานที่ขอแต่งงานของพวกเขา
“ได้ อย่างที่นายบอก พวกเราเจอกันอีกทีก็คือคนแปลกหน้า” เขาพูดลอดไรฟันออกมา แล้วก้าวเท้ายาวจากไปด้วยอารมณ์เดือดดาล
ลิลลี่ตามหลังแบบทำตัวไม่ถูก
“เหมือนเขาโกรธจนจะเป็นบ้าแล้ว” ยู่ยี่ชะเง้อหน้ามองด้วยความรื่นรมย์ใจ
“ตอนนี้ผมไม่มีเวลาสนใจเขา มีแต่เวลากอดคุณเท่านั้น” ฉันทัชแยแสอาคิระ
ยู่ยี่ครุ่นคิดดีแล้วจึงกล่าวว่า“ที่จริงเมื่อกี้ฉันไม่อยากรับปากเลย แต่มองหน้าอาคิระที่เหมือนกำลังดูละครอยู่ และฉันก็ไม่ชอบหน้าเขามากด้วย เห็นหน้าเขาแล้วก็อารมณ์เสียทุกที บวกกับไม่อยากให้เขาเห็นคุณขายหน้า ฉันเลยวู่วามตอบตกลงไป ความวู่วามคือมารร้าย”
เขาประทับรอยจูบที่คอเธอ“ดังนั้นผมต้องขอบคุณเขาหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าคุณวางแผนไว้แล้วนะ? ถ้าเป็นแบบนี้ คุณก็เลวมากที่ทำให้เขาสะเทือนใจ”
ฉันทัชกล่าวเสียงเรียบที่เจือความกระหยิ่มยิ้มย่อง“ไม่ได้หรือ? ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แล้วก็เมื่อคุณตอบตกลงผมแล้ว คุณจะกลับคำไม่ได้”
“ฟังเหมือนอารมณ์กำลังยิงนกอยู่ นอกจากแหวนแล้ว คุณไม่คิดว่าการขอแต่งงานนี้เรียบง่ายเกินไปหรือ ถึงแม้จะเร้าใจและเบิกบานใจก็ตาม” ยู่ยี่เริ่มคิดบัญชี
“ผมจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้คุณ” เขาตั้งคำมั่นสัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ที่จริงฉันก็ไม่ชอบโรแมนติกหรอกค่ะ ฉันชอบความสะใจแบบนี้แหละค่ะ การขอแต่งงานของคุณถูกใจฉันมาก แต่ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องจัดพิธีแต่งงาน พวกเราอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เขาจับแก้มเธอขึ้นแล้วกล่าวด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง“แต่ผมรู้สึกไม่มั่นคง ยังไม่จัดงานแต่งตามที่คุณบอกได้ แต่พวกเราไปจดทะเบียนสมรสกันก่อน ผมถอยหนึ่งก้าว คุณก็ถอยหนึ่งก้าว ได้ไหม?”
“ก็ได้ หลังจากจดทะเบียนเสร็จแล้วพวกเราก็ใช้ชีวิตแต่งงานกันเงียบ ๆ ก่อน รอให้ฉันยินดีแต่งงานกับคุณด้วยใจจริงแล้วค่อยจัดงานกัน แต่ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงดูใจ ซึ่งครั้งนี้คุณทำได้ดีมาก สมควรแก่การมอบรางวัล”
เธอยิ้มน้อยๆแล้วจูบที่ริมฝีปากบางของเขา และเขาก็เปลี่ยนจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายรุก เริ่มจูบเธออย่างร้อนแรงขึ้นมา
ระหว่างนั้นยู่ยี่เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ค่าห้องก็จ่ายแล้ว งั้นคืนนี้พวกเราก็นอนที่นี่เลย? ฉันเชื่อว่าเขารู้แล้วต้องนอนไม่หลับทั้งคืนแน่”
“ซนมาก” เขาตอบตกลง
“แต่ฉันก็เชื่อว่านับจากตอนนี้ เขาต้องโกรธมากถึงขั้นแยกทางกับคุณเลย” เธอนอนอยู่บนเตียงพลันรู้สึกสบายตัวที่สุด
เขาเลือกซื้อแหวนวงนี้ที่เมกาซึ่งเลือกไว้นานแล้ว เป็นแหวนที่สวยและมีจำนวนจำกัด และยังได้สลักตัวอักษรเป็น YC
Yคือยู่ยี่ Cคือฉันทัช
เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าทำแบบนี้มันน้ำเน่ามาก แต่เมื่อเจอกับตัวเอง กลับรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาจมดิ่งอยู่กับสิ่งนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เขาจูบที่แก้มและหน้าผากเธอ แล้วพูดว่า“ขอบคุณ ขอบคุณที่คุณตอบตกลงแต่งงานกับผม ผมกังวลใจมานาน ตอนนี้รู้สึกวางใจแล้ว”
“คุณรู้ไหมที่ตอบตกลงคุณเมื่อกี้ เพราะต้องมนตร์สะกดคุณ ไม่ใช่เป็นเพราะคุณมีความรักที่จริงใจและไม่ใช่เป็นเพราะคำหวานของคุณ แต่เป็นเพราะแววตาคุณมีความกังวลหลายส่วน ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงทำให้คุณไม่วางใจ แต่เมื่อฉันเห็นความกังวลใจของคุณแล้ว ฉันก็หวั่นไหว ซาบซึ้ง…….”
เขายิ้ม ยกมือเรียวเล็กของเธอขึ้น จากนั้นก็สวมแหวนบนนิ้วเธออย่างช้า ๆ จากนั้นก็จูบลงที่มือเธอ
“คุณยอมรับปากผมเพราะเห็นผมกังวลใจ ผมรู้สึกดีใจมากเลย”
“อย่าลืมนะว่ายังอยู่ใช่ช่วงดูใจกัน อย่าทำตัวเหลวไหลกับฉันล่ะ ไม่งั้นฉันจะกลับคำได้ทุกเมื่อ”
“ไม่แน่นอน ผมจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยทุกวินาที ผมสัญญาและรับรอง และผมยังสาบานได้ด้วย……”
“……”
ไม่ว่าอย่างไรอาคิระก็ไม่นึกเลยว่าแผนการของตนจะเป็นการยกก้อนหินปาใส่เท้าตัเวอง ปาใส่ได้แรงจนบวมไปหมด
เขาโกรธจนดื่มน้ำไม่ลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการนอนเลย ย่อมข่มตาหลับไม่ได้อยู่แล้ว
ลิลลี่ยืนอยู่หน้าห้อง ทว่าก็ยังได้ยินเสียงที่ดังขึ้นอย่างแจ่มชัด เขาเขวี้ยงของและตะโกนร้องด้วยความเกรี้ยวกราดอยู่ในนั้น
เหมือนเขาจะโมโหถึงขีดสุด
ลิลลี่รู้สึกหวาดหวั่น เธอรู้ว่าอาคิระใช้ตัวเองเพื่อยั่วเย้าท่านประธาน
ตอนนี้ท่านประธานปฏิเสธกันซึ่ง ๆ หน้าแล้ว และไม่ใช่คนถูกยั่วได้ง่าย ๆ ดังนั้นเธอก็หมดประโยชน์โดยสิ้นเชิง?
แล้วหลังจากนี้อาคิระจะปฏิบัติต่อเธอเช่นไร?
สุดท้ายรูปที่เรนนี่ถ่ายเก็บไว้ไม่ได้แพร่ออกไป เพราะหัสดินเข้าขัดขวางกลางคัน
ตอนนั้นเขาสั่งให้ลบรูปถ่ายที่เผยแพร่ออกไปแล้วให้หมด
ช่วงนี้บริษัทภูษาธรกรุ๊ปไม่มั่นคงเสียเลย เกิดปัญหาภายในเล็กน้อย หุ้นก็เปลี่ยนแปลงตลอด
ช่วงนี้จะเกิดข่าวฉาวหรือข่าวที่ไม่เป็นผลดีต่อเขาไม่ได้ ทุกเล่ห์เหลี่ยมที่เรนนี่งัดออกมาใช้ เขาบีบขยี้ทิ้งทีละอย่าง
เรนนี่ไม่พอใจและไม่สบายใจที่แพร่ข่าวไม่ได้ เธอเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายจนใกล้จะเป็นบ้าแล้ว
ช่วงนี้ชฎารัตน์ไม่ได้อยู่ที่ห้องคนไข้ ให้คนรับใช้มาดูแลแทน และร่างกายเรนนี่ก็ค่อย ๆ ฟื้นฟูดีขึ้น
เวลานี้ซาฮาร่าเดินเข้ามา เธอยังไม่หายแค้น พอเข้ามาถึงก็ทั้งก่นด่าและปาสิ่งของ
เมื่อก่อนตอนซาฮาร่าระเบิดอารมณ์ เรนนี่จะอดทนเสมอ เพราะตอนนั้นซาฮาร่ายังมีประโยชน์ต่อเธออยู่ ทำให้อีกฝ่ายเคืองใจไม่ได้ และยิ่งไม่อาจหักหน้ากันได้
ทว่าตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เพราะทั้งสองแตกหักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรนนี่ไม่ทน ลุกพรวดขึ้นมา“จะบ้าก็ไปบ้าที่อื่น อย่ามาขวางหูขวางตาฉันแถวนี้”
ซาฮาร่าถูกยั่วโมโห กระโจนเข้าไปพลันใช้สองมือดึงเส้นผมเรนนี่แรง ๆ โดยรวบรวมกำลังทั้งหมดเพื่อกระทำสิ่งนี้
เรนนี่รู้สึกหนังศีรษะตึงและชา และด้วยความเจ็บใบหน้าจึงบูดเบี้ยว จากนั้นก็สวนกลับโดยการกระชากเช่นกัน
ทั้งสองไม่มีใครยอมใคร ซึ่งซาฮาร่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรนนี่
“แกรอไว้เลย ฉันจะไปฟ้องแกโทษฐานเจตนาฆ่า” ซาฮาร่าหายใจหอบเหนื่อย พลางจ้องเรนนี่ตาเขม็ง
“คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ? จะไปก็ไปเลย ฉันจะรอที่นี่” เรนนี่ก็พูดแข็งกร้าวว่า “เจตนาฆ่าหรือ?แกเจตนาฆ่าลูกของฉันหรือฉันเจตนาฆ่าลูกแก พวกเราเจอกันในชั้นศาล แล้วมาคุยกันให้รู้เรื่อง”
มีกล้องวงจรปิดแล้วอย่างไร คงที่ลงมือทำร้ายก็ยังคงเป็นซาฮาร่าอยู่ดี และคำพูดของหัสดินมันจะเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักได้อย่างไร?
“ได้ งั้นแกก็ค่อยดู” ซาฮาร่าใช้สองมือปัดเส้นผมไปด้านหลัง จากนั้นก็พาตัวเองออกไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
ซาฮาร่าไม่ได้ล้อเล่น เมื่อกลับถึงห้องรักษาตัวของเธอ เธอก็โทรหาทนายจริง ๆ
ห้องรักษาตัวของเรนนี่มีแขกไม่ได้รับเชิญมาหนึ่งคน ซึ่งเป็นทนายของหัสดิน โดยเอาหนังสือหย่าให้เธอเซ็นชื่อ
เมื่ออ่านเงื่อนไขที่เขียนว่ายอมสละทรัพย์สมบัติทั้งหมด เธอก็เหมือนแมวที่โดนเหยียบหาง รีบแยกเขี้ยวกล่าวว่า “ฉันไม่มีทางยอมหรอก”
“คุณผู้หญิงครับ ตอนนี้คุณชายมีหลักฐานมัดตัวว่าคุณมีชู้ ถึงคุณจะไม่ยอมหย่า เขาก็สามารถฟ้องร้องได้ สุดท้ายผลลัพธ์ก็จะเหมือนกัน” ทนายกล่าว
“ถ้าไม่ให้เงินฉันไม่หย่าแน่” เธอพูดชัดเจน ไม่อยากพูดอ้อมค้อมอะไรทั้งนั้น “คุณบอกให้หัสดินแบบนี้ได้เลย”
ทนายกล่าว “คุณชายเคยบอกผมแล้ว เขาบอกว่าเงินของเขา คุณนายอย่าคิดจะได้แม้แต่แดงเดียว”
เรนนี่โกรธจนต้องจับเก้าอี้ไว้แน่น“เขาอย่าหวังไปหน่อยเลย ฉันไม่มีทางยอมแน่”
“ผลตรวจดีเอ็นเอของรกอยู่ในมือของคุณชาย ถ้าขึ้นศาลจริง ๆ คุณนายไม่เพียงไม่ได้สักบาทเดียว คุณชายยังมีสิทธิ์เรียกร้องให้คุณนายชดใช้ค่าเสียหายได้ด้วย และอีกอย่างคฤหาสน์ที่ชานเมือง คุณชายจะยึดกลับมา” ทนายกล่าวต่อ
“คฤหาสน์เป็นของฉัน ตอนนั้นเขาให้ฉันแล้ว” ครั้งนี้เรนนี่เดือดดาลจริง ๆ แล้ว ตอนนี้แม้แต่ที่อยู่อาศัยของเธอเขาก็จะเอากลับคืนไปอย่างนั้นหรือ?
“คุณนายพูดก็ถูก แต่ก็เคยยกให้ทางปาก ตอนนี้จึงมีสิทธิ์ยึดคืน ตอนนั้นไม่ได้ทำเรื่องย้ายกรรมสิทธิ์ไม่ใช่หรือ? สิ่งที่คุณชายฝากผมมาพูด ผมก็รายงานหมดแล้ว……”
เมื่อกล่าวจบ ทนายก็ออกไป เหลือเพียงเรนนี่ที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เธอยังพอเข้าใจกฎหมายอยู่บ้าง จึงรู้ว่าคำพูดของทนายสมเหตุสมผล เพราะความผิดทั้งหมดอยู่ที่เธอ
เสียแรงที่ตัวเธอฉลาดมาตลอด ทว่าสุดท้ายกลับล้มไม่เป็นท่า ส่งผลให้ขาดทุนย่อยยับ
ช่วงก่อนเป็นเพราะความหวาดกลัว ความวิตกกังวล จึงเพ่งสมาธิอยู่ที่การเอาเด็กในท้องออก ลืมเรื่องทำลายรกทิ้ง
เมื่อมีหลักฐานไม่เท่ากับตัวเองรนหาที่ตายหรอกหรือ?