TQF:บทที่ 694 ยัดเยียดความผิด (2)
บนใบหน้าของผู้อาวุโสทุกคนมีรอยยิ้มอ่อนๆ แต่ไม่สามารถปิดบังแผนในใจของพวกเขาได้จากแววตา
หลังจากนั้นหยูเฮงน้อยก็ยุ่งจนจับตัวไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่านางยุ่งอะไรอยู่
คนตระกูลฟางจะไม่เป็นฝ่ายถามก่อน แม้แต่ฟางซูหยุนก็ไม่คิดจะก้าวก่ายการกระทำของนาง กลับกัน มีหวงฝู่มั่วเฉินคอยตามนางอยู่ นางจึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับหลานสาว
“น้องสาว…”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเห็นพี่สาวเดินมาหาตัวเองด้วยรอยยิ้มตามเสียง เห็นท่าทางแจ่มใสของนางแล้วเหมือนจะมีเรื่องดีๆ จึงอดหยอกล้อไม่ได้ “พี่สาวมาแจ้งเรื่องมงคลกับข้ารึเปล่า”
“เรื่องมงคล? เรื่องมงคลอะไรเหรอ” ฟางถงยวี่ยังไม่เข้าใจความหมายของนางจึงถามกลับ
จนกระทั่งเห็นแววหยอกล้อจากสีหน้าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนางถึงรู้ตัว หน้าสะสวยแดงก่ำด้วยสีหน้าเขินอาย “น้องสาวหัวเราะเยาะข้าเหรอ”
“เปล่าซะหน่อย ข้ากำลังคิดว่าใครกันที่ได้ใจพี่สาวข้าไปเร็วขนาดนี้”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวลากนางนั่งลงข้างบ่อบัว นางอยู่ในอายุที่ควรแต่งงานแล้ว ได้เจอคนที่ถูกใจ แม้จะไม่ใช่การดองกับตระกูลอื่นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ดีใจกับพี่สาว
“ที่ไหนกันล่ะ เขาจะมาสนใจข้าได้ยังไง” ฟางถงยวี่ทำปากบู้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเลิกคิ้วพลางถามยิ้มๆ “อีกฝ่ายเป็นใครกัน ถ้าเขากล้าทำตัวไม่ดีกับพี่สาวข้าจะจัดการเอง เป็นไง”
“อีกฝ่ายเป็นพระโอรสแห่งตำหนักองค์ชาย 13 เขาเป็นแค่คนเงียบๆไม่พูดไม่จา” ฟางถงยวี่กัดปาก บอกฐานะอีกฝ่ายออกมาเสียงค่อยอย่างเขินอาย
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวชะงักไป รู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายเป็นราชวงศ์ และยังเป็นพระโอรสด้วย
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเคยเจอพระโอรสแห่งตำหนักองค์ชาย 13 ที่งานเลี้ยงน้ำชาของตำหนักองค์ชาย 3 เขาเป็นคนที่เงียบๆไม่พูดไม่จาจริงๆนั่นแหละ แต่หน้าตาไม่แย่ ถือว่าเป็นผู้ชายที่มีมาดอยู่
“หืม ทำไมพวกเขาตำหนักองค์ชายถึงได้มาสู่ขอล่ะ”
ตามหลักแล้ว ตำหนักองค์ชายสูงศักดิ์กว่าตระกูลฟางก็จริง แต่อิทธิพลสู้ตระกูลฟางไม่ได้ ที่พวกเขาเลือกคุณหนูบ้านใหญ่ตระกูลฟางก็คงเพราะแบบนี้ด้วย
“น้องสาว เจ้ายังไม่รู้สถานการณ์ของเขา”
ภายใต้การอธิบายของฟางถงยวี่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถึงได้รับรู้สถานการณ์ของพระโอรสแห่งตำหนักองค์ชาย 13
พระโอรสท่านนี้ชื่อว่าหวงฝู่จงเทียน แต่เดิมเป็นลูกสายรอง ไม่สามารถรับนามพระโอรสได้ เหนือเขายังมีพระโอรสอีกผู้นึงอยู่ แต่เมื่อปีที่แล้วพระโอรสผู้นี้จะออกไปล่าสัตว์วิญญาณกับคนอื่นให้ได้ ที่จริงล่าสัตว์วิญญาณก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แต่พระโอรสผู้นี้ดันดวงซวยไปเจอกับสัตว์วิญญาณชั้นสูงสุดเข้า
พระโอรสที่เป็นแค่ราชันย์เทพยุทธ์แม้จะอยู่ภายใต้การคุ้มครองจากก้าวสู่เทพเทวาหลายท่านก็ไม่สามารถหนีรอดออกมาได้ กลายเป็นอาหารของสัตว์วิญญาณไป สิ้นชีวีอยู่ในขุนเขาแห่งนั้น
แต่ละวันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นที่ผืนดินฉางไห่นับครั้งไม่ถ้วน ต่อให้เป็นพระโอรสผู้สูงศักดิ์หากไม่มีพลังก็หนีจุดจบที่ต้องตายไม่พ้น
ไฟอายุของพระโอรสสายตรงดับไป ทุกคนจึงรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว เนื่องจากคุณชายสายรองคนนี้ได้ขึ้นเป็นพระโอรสแทน และหวงฝู่จงเทียนเคยหมั้นหมายก่อน แต่ว่าที่มเหสีเสียชีวิตไปด้วยอาการป่วย หลังจากนั้นไม่นานพระโอรสสายตรงก็เกิดอุบัติเหตุ เรื่องแต่งงานของหวงฝู่จงเทียนจึงชะงักลงด้วยเหตุนั้น
ด้วยเหตุที่บ้านใหญ่ตระกูลฟางยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างมากมาย คุณหนูสายตรงจึงกลายเป็นดอกไม้หอมที่คนจากอิทธิพลต่างๆรุมกันเข้ามาสู่ขอ เพียงแต่บัดนี้บ้านใหญ่ตระกูลฟางไม่ได้อยู่ในสถานะเหมือนก่อนแล้ว ฟางถงยวี่ย่อมมีสิทธิ์เลือกคู่ครอง
ทั้งบ้านใหญ่มีเพียงนางที่อยู่ในเกณฑ์อายุที่เหมาะสำหรับการแต่งงาน ทั้งตระกูลฟางจึงไม่มีใครบังคับให้นางเลือกคนที่ไม่ชอบ
ท่ามกลางตัวเลือกมากมาย นางชอบหวงฝู่จงเทียน เหตุผลเพราะเมื่อก่อนตอนที่บ้านใหญ่ยังไม่ได้ยิ่งใหญ่ ฟางถงยวี่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลใหญ่หนึ่ง และถูกคุณหนูตระกูลอื่นรังแก นางที่ร้องไห้อยู่เงียบๆได้มีคนๆนึงยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้
คนๆนี้ก็คือพระโอรสแห่งตำหนักองค์ชาย 13 หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกันอีก แค่การใจอ่อนของพระโอรสเพียงครั้งเดียวก็เอาหัวใจของหญิงสาวไปได้
ครั้งนี้ตำหนักองค์ชาย 13 ก็ส่งคนมาขอช่วงเวลาตกฟากในวันเกิดของนางไป ซึ่งเข้าคู่กับของพระโอรสหวงฝู่จงเทียน หญิงสาวจะปฏิเสธได้อย่างไร
เมื่อรับรู้เรื่องราวของพี่สาวและหวงฝู่จงเทียนแล้ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่รู้ว่าจะอุทานว่าน้ำเน่าดี หรือจะอุทานว่าทั้ง 2 ช่างมีวาสนาต่อกันดี
ไม่ว่ายังไงพี่สาวพอใจกับการแต่งงานครั้งนี้ก็พอ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่งยิ้มให้นางพลางเอ่ย “พี่สาว ไม่ว่ายังไงยินดีด้วยที่ได้เจอผู้ชายที่สมดังปรารถนา”
“ขอบคุณนะ ข้า ข้ายังไม่รู้เลยว่าเขาชอบข้าจริงรึเปล่า” แม้จะมีสีหน้าเขินอายและมีความสุข แต่ฟางถงยวี่ก็ยังกังวลอยู่นิดหน่อย นางกลัวเป็นอย่างมากว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบตัวเอง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะและลูบมือของนาง “พี่สาววางใจเถอะ ถ้าเขาไม่เห็นด้วยองค์ชาย 13 ก็คงไม่ส่งคนมาขอเวลาตกฟากในวันเกิดของเจ้า วางใจเถอะ รอเป็นเจ้าสาวของเขาก็พอ”
“ขอบคุณนะเสี่ยวเสี่ยว” ฟางถงยวี่ยิ้มออกด้วยความเบิกบาน รู้สึกมีความสุขจากใจจริง
“จริงสิ เรื่องแต่งงานของพี่ชายทั้ง 2 ก็หมั้นหมายไว้หมดแล้วใช่มั้ย”
จู่ๆก็นึกได้ว่าพี่ชายทั้ง 2 ยังไม่มีคู่ครอง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจึงถามด้วยความอยากรู้
ฟางถงยวี่พยักหน้า “คู่ครองของพี่ใหญ่เป็นคุณหนูตระกูลซั่งกวน ส่วนคู่ครองของพี่รองน่าจะเป็นคุณหนูตระกูลเซวียนหยวน แต่พี่รองไม่เห็นด้วย”
“ทำไมล่ะ เขามีคนที่ชอบหรอ” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างไม่เข้าใจ
ฟางถงยวี่มองน้องสาวตรงหน้าที่งดงามราวเทพยดาด้วยสายตาแปลกๆและพยักหน้าเบาๆ “ถือว่ามีมั้ง”
นั่งใกล้นางขนาดนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ต้องตั้งใจทำก็รับรู้ได้ถึงความคิดของนาง จึงขมวดคิ้วและถาม “เกิดอะไรขึ้น พี่ชายคนรองเขา….”
“น้องสาว เจ้ามีคนที่ชอบรึเปล่า ท่านย่าใหญ่บอกว่าเจ้ามีคนที่ชอบแล้ว ใช่เรื่องจริงรึเปล่า เสี่ยวเสี่ยว เจ้าอย่าโกหกพี่ได้มั้ย เจ้ามีคนที่ชอบแล้วจริงๆเหรอ”
ฟางถงยวี่กุมมือนางแน่นด้วยสีหน้าร้อนรนและคาดหวัง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกระพริบตาด้วยความงุนงงและถามอย่างไม่เข้าใจ “แล้วนี่เกี่ยวอะไรกับข้า พี่สาว เจ้า…”
“เกี่ยวสิ ต้องเกี่ยวอยู่แล้ว เสี่ยวเสี่ยว เจ้าบอกข้ามาสิว่าเจ้ามีคนที่ชอบแล้วจริงเหรอ”
“นี่ นี่เจ้า….”
ต่อให้โง่แค่ไหนเฉิงเสี่ยวเสี่ยวก็เข้าใจความหมายของนางแล้ว ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ “นี่มันเรื่องอะไรกัน จริงๆเลย…..”
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าบอกข้าหน่อย หรือว่าบอกไม่ได้ หรือว่าเจ้า….”
“เอาล่ะพี่สาว เจ้าเลิกคาดเดาก่อนได้มั้ย”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหยุดความคิดฟุ้งซ่านของนางอย่างช่วยไม่ได้และพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ ข้าหมั้นหมายแล้ว ข้ามีคู่หมั้น เขาเป็นคนที่ข้ารักที่สุด และเราจะได้พบกันในเร็วๆนี้ เข้าใจมั้ย”
“จริงเหรอ”
ฟางถงยวี่รู้ว่านางไม่โกหกตัวเอง เหมือนตัวเองจะได้ยินเสียงหัวใจแตกสลายของพี่รอง ฟางซีเสียนซ่อนความในใจไว้ได้ดี แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของน้องสาวที่สนิทที่สุดได้
ในใจของฟางถงยวี่หวังให้พี่รองได้ครองคู่กับน้องสาว ถึงยังไงน้องสาวนอกจากจะสวยแล้ววิทยายุทธก็สูงด้วย ที่สำคัญที่สุดคือไม่หยิ่งจองหองและดูถูกคนอื่น ดังนั้นทุกคนจึงชอบนิสัยของนางมาก
ได้ยินคำตอบแน่ชัดจากนางแล้วฟางถงยวี่ยังรู้สึกเสียใจและไม่ค่อยอยากเชื่อ ไม่ใช่แค่พี่รองที่ใจสลาย ตัวนางเองก็รู้สึกเหมือนความฝันอันสวยงามได้พังทลายลง รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
“ใช่ ข้ามีคนที่รัก เขาเป็นคนที่ข้ายอมรับ จะไม่เปลี่ยนเพราะใคร”
เสียงเรียบๆเปี่ยมไปด้วยความเด็ดขาด ฟางถงยวี่อ้าปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นพี่สาวจากไปด้วยสีหน้าผิดหวัง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หรือว่าช่วงนี้นางมีเคราะห์เรื่องคู่ มีแต่เรื่องบ้าๆบอๆเกิดขึ้นทั้งนั้น
ผ่านไปอีก 1 วัน
หยูเฮงน้อยที่ยุ่งอยู่หลายวันกลับมาและมอบแหวนมิติหลายวงให้กับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว “คุณหนู ข้าไปเมืองใกล้ๆนี้มา 7-8 เมือง ทรัพยากรพวกนี้แม้จะไม่เยอะแต่น่าจะเลื่อนได้หลายขั้นอยู่”
“ไม่กี่ขั้น?” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวส่ายหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ มิติเลื่อนไปได้ 500 กว่าขั้นแล้ว เลื่อนอีกไม่กี่ขั้นเกรงว่าคงไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ อย่างน้อยๆก็ต้องร้อยขั้นขึ้นถึงจะเป็นประโยชน์กับพวกนาง
หยูเฮงน้อยเข้าใจความคิดของนาง เบ้ปากนิดหน่อย “คุณหนู หรืออีกสักพักเราให้เมืองอื่นๆส่งทรัพยากรมาให้ด้วย หลังจากรวมทรัพยากรเข้าด้วยกันน่าจะเลื่อนได้ร้อยขั้นขึ้นไป”
“ก็ดี เจ้าก็อย่าเที่ยวเพล่นพล่านตามอำเภอใจล่ะ เดี๋ยวจะโดนจับได้” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกผิดอยู่ในใจที่หยูเฮงน้อยต้องยุ่งจนแทบไม่ได้พัก
หยูเฮงน้อยคลี่ยิ้ม “ไม่เป็นไร พอดีเลยข้าจะได้ไปเล่นกับพวกสัตว์อมตะด้วย กลับกันต้องอยู่ที่นี่ตลอดน่าเบื่อจะตาย”
“ก็ได้ ถือว่าเจ้ามีเหตุผล”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ สายตาเย็นยะเยือกขึ้น “มีข่าวจากเผ่าอสูรในสำนักมาร เหมือนว่าจะมีเรื่องสนุกๆจะเกิดขึ้น พวกเราก็ต้องหาข้ออ้างออกไปดูสักหน่อย”
“จริงเหรอ เยี่ยมไปเลย พวกเราต้องรีบไปคุณหนู ข้าอยากไปดูว่าพวกเขาเล่นอะไรกัน ฮ่าๆๆ….”