TQF:บทที่ 695 ฆ่ากันเอง (1)

 

 

 

เสียงไชโยของหยูเฮงน้อยทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มออกมาอย่างมีความสุข อารมณ์ผ่อนคลายลงตามรอยยิ้มของนาง

 

สำนักมารเป็นเป้าหมายแรกที่พวกนางต้องการกำจัด นอกจากจะแก้แค้นให้กับตระกูลฟางในตอนนั้นแล้ว และก็เพราะพวกเขาเกิดความคิดที่ไม่ควรมี

 

“คุณหนู คนจากทุกฝ่ายกำลังจับตาดูท่านอยู่ เกรงว่าแค่ท่านออกจากเมืองไปก็มีสายตานับไม่ถ้วนคอยจ้องมองทุกการกระทำของท่านอยู่”

 

“อืม ต้องหารือกันโดยละเอียด”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวจูงมือนางไว้พลางเอ่ยเสียงเบา “ไป เราไปหาท่านปู่ทวดกัน ดูสิว่าเขามีแผนอะไร”

 

“พวกเจ้าจะทำอะไรกันเหรอ”

 

จู่ๆก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังมา ทั้ง 2 ที่กำลังจะออกเดินทางมองไปยังที่ๆนึงอัตโนมัติ

 

หน้าประตูมีร่างหนึ่งปรากฏออกมาจากอากาศ คนผู้นี้ใส่ชุดคลุมยาวสีอ่อน อายุราวๆ 50-60 มองเผินๆเหมือนคนแปลกหน้า แต่ 2 สาวคุ้นเคยกับลมปราณในตัวเขาดี

 

“ตาแก่ เป็นเจ้าเหรอ” หยูเฮงน้อนตกใจเป็นอย่างมาก

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็เบิกตาคู่สวย ไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าคนวัยกลางคนผู้นี้จะเป็นขันทีชราที่อาจจะล้มลงและหมดลมหายใจไปได้ทุกขณะ

 

เขาก็คือขันทีชราที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้นั่นเอง แม้เสียงจะไม่แก่งั่กขนาดนั้น หน้าตาก็เปลี่ยนไป แต่ถึงยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลมปราณในตัวได้ ดังนั้น 2 สาวจึงรู้ตัวตนเขาแน่ชัดตั้งแต่แว้บแรกที่เห็น

 

ขันทีชราพยักหน้ากับเด็กสาวทั้ง 2 ที่ประหลาดใจอย่างมาก “ข้าน้อยเอง ข้าน้อยมาขอบคุณแม่นางทั้ง 2 ถ้าไม่ได้แม่นาง 2 มาช่วย ข้าน้อยก็เป็นแค่คนรับใช้ที่ยื้อชีวิตไปได้พักหนึ่งและรอตาย ตอนนี้ได้ชีวิตใหม่ที่แม่นางทั้ง 2 ประทานให้ ข้าน้อยไม่มีอะไรจะตอบแทน ยอมติดตามแม่นางทั้ง 2”

 

“หา…”

 

หยูเฮงน้อยอุทานอย่างตกใจ ตาคู่สวยเบิกกว้างเป็นวงกลม ถามด้วยความไม่เข้าใจ “เจ้าจะติดตามพวกเราเหรอ เจ้านายของเจ้าล่ะ ตาเฒ่าฮ่องเต้ล่ะ เขายอมเหรอ ไม่โกรธเหรอ”

 

“ไม่” ขันทีชราอมยิ้มและส่ายหัว สายตาที่มองไปยังเด็กสาวตรงหน้าเปล่งประกายด้วยความเอ็นดู “ข้าน้อยอยู่ในพระราชวังมาหลายร้อยปีแล้ว ตอบแทนพระคุณให้กับตระกูลหวงฝู่หมดตั้งนานแล้ว ข้าน้อยเป็นอิสระมานาน แต่แค่ไม่มีที่ไปและชินกับการอยู่ในวัง จึงไม่ได้จากไปไหน”

 

“ตอนนี้ข้าบอกจะไปฮ่องเต้จึงไม่ห้าม แม้เขาจะคิดถึงและไม่อยากให้ไปอยู่บ้าง แต่ก็เคารพการตัดสินในของข้าน้อย แม้นางทั้ง 2 คงไม่ปฏิเสธร่างพิการนี้ของข้าน้อยใช่มั้ย”

 

“ตาเฒ่า เจ้าพูดเป็นเล่นไป พวกเรารู้สึกเหมือนฝันอยู่เลย”

 

หยูเฮงน้อยยิ้มหวานและเอ่ยต่อ “แต่เจ้าฟื้นฟูกลับมาได้ก็ดีแล้ว ตอนแรกข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะฟื้นฟูกลับมาได้”

 

“ขอบคุณแม่นางที่เมตตาข้าน้อย” ขันทีชราคงความนิ่งเรียบไว้โดยไม่ปรวนแปรแม้แต่น้อย สายตาและน้ำเสียงจริงใจเป็นอย่างมากทำให้รู้ว่าเขาพูดออกจากใจจริงๆ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวทั้งตกใจและดีใจ จู่ๆก็ได้ยอดฝีมือเทพเซียนมา นี่มันเหมือนมีซาลาเปาตกลงมาจากฟ้าเลย

 

นางมองไปยังคนตรงหน้าอีกครั้ง เขาที่ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดของเทพเซียนแล้ว หรือก็คือเมื่อโอกาสวาสนามาถึง สามารถบรรลุจักพรรดิเทพเซียนได้ทุกเมื่อ และนั่นเป็นการมีอยู่ในระดับสุดยอดของผืนดินฉางไห่อย่างแน่นอน”

 

“ท่านอาวุโส ท่านเป็นยอดฝีมือชั้นเยี่ยม มาติดตามพวกเราพี่น้องจะเป็นที่น่าอดสูสำหรับท่านเกินไป” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอมยิ้ม

 

“เหอะๆ อดสู?”

 

ขันทีชราส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ “ข้าน้อยไม่รู้สึกอดสูอะไร ข้าน้อยกลับรู้สึกว่าการได้ติดตามแม่นางทั้ง 2 เป็นความโชคดีของข้าน้อย หวังว่าแม่นางทั้ง 2 จะรับข้าน้อยไว้ด้วย”

 

“ตาเฒ่า เจ้าจะติดตามพวกเราจริงเหรอ” หยูเฮงน้อยกระพริบตา แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นแต่ก็อดถามไม่ได้

 

ขันทีชรามองหยูเฮงน้อยอย่างใจดีและพยักหน้า “จริงแน่นอนอยู่แล้ว”

 

“เยี่ยมไปเลย พวกเรากำลังต้องการยอดฝีมือมาช่วย ในเมื่อเจ้าตกลงแล้วห้ามเปลี่ยนใจทีหลังนะ”

 

“แม่นางหยูเฮงวางใจได้ ข้าน้อยไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด ขอแค่แม่นางทั้ง 2 ไม่รังเกียจที่ข้าน้อยเป็นภาระก็พอ”

 

“อิอิ จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้ายอมติดตามพวกเรา พวกเราดีใจยังไม่ทันเลย” หยูเฮงน้อยปรบมือและยิ้มอย่างมีความสุข เบือนสายตาไปยังคนข้างๆ “คุณหนูท่านว่าจริงมั้ย”

 

“ใช่แล้ว มีท่านอาวุโสมาอยู่กับพวกเราเป็นความโชคดีของพวกเรา” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยินดีอย่างมาก

 

“ฮ่าๆ ตาเฒ่า อีกหน่อยพวกเรากินดีอยู่ดี ไม่ให้เจ้าลำบากแน่”

 

ขันทีชราหัวเราะเงียบๆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยวอดเคาะหัวนางไม่ได้ “อย่าทำตัวเหมือนโจรตัวน้อยสิ”

 

“ไม่ใช่สักหน่อย มีโจรที่สวยและน่ารักแบบข้าเหรอ”

 

“มีสิ ก็เจ้านี่ไง”

 

เห็นเด็กสาวทั้ง 2 หยอกล้อกันบนใบหน้าของขันทีชราก็มีรอยยิ้มอ่อนๆ จนกระทั่งพวกนางหยุดลงถึงได้ถามขึ้น “เมื่อกี้ได้ยินแม่นางทั้ง 2 บอกว่ากำลังจะไปสักที่ที่ไม่สะดวกนี่เรื่องอะไรกันเหรอ”

 

“ว้าว ตาเฒ่า เจ้ามาพอดีเลย พวกเรากำลังจะไปล้างบางสำนักมาร แต่พวกเราไปไหนลำบากมาก มีแต่สายตาที่จับจ้องพวกเราอยู่เต็มไปหมด ถึงได้คิดหาวิธีอยู่ว่าจะไปยังไงดี”

 

หยูเฮงน้อยรีบเล่าปัญหาเมื่อกี้

 

ที่จริงถ้าพวกนางจะไปจริงๆไม่มีใครรู้หรอก แค่เข้ามิติแล้วหายตัวออกไปนอกเมืองก็พอ ต่อให้เป็นวิขาสะกดด้านนอกนั่นก็ขวางการหายตัวทะลุมิติของพวกนางไม่ได้ และจะไม่มีใครรู้ตัวเด็ดขาด

 

ถ้าพวกนางหายตัวไปจากบ้านตระกูลฟางจริงๆและไม่มีใครช่วยปกปิดให้ไม่นานก็จะมีคนรู้สึกถึงความผิดปกติ อย่างไรซะพวกนางก็รับประกันไม่ได้ว่าจะกลับมาตอนไหน จึงต้องการความช่วยเหลือจากบ้านใหญ่ตระกูลฟาง

 

“เรื่องนี้ง่าย ประกาศต่อภายนอกว่าแม่นางจะเก็บตัวฝึกฝน คนอื่นย่อมไม่มารบกวนง่ายๆ จากนั้นค่อยอำพรางตัวแล้วออกจากบ้านตระกูลฟาง”

 

ขันทีชราเสนอ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า “เก็บตัวฝึกฝนเป็นข้ออ้างที่ดี ข้าน่ะใช้ได้ หยูเฮงน้อยเป็นคนซุกซน ถ้านางออกไปหลายวันไม่ปรากฏตัวละก็คนอื่นต้องสงสัยแน่”

 

“ข้าไม่อยู่ที่นี่หรอกนะ ข้าจะไปด้วย” หยูเฮงน้อยที่ชอบความครึกครื้นจะยอมไม่ไปได้ยังไง

 

“รู้แล้ว เข้าใจ”

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวคิดไปคิดมาจึงบอกกับคนตรงหน้า “ท่านอาวุโส ท่านจะไปกับพวกเราด้วยรึเปล่า”

 

บอกตามตรงลำพังพวกนางและเหล่าสัตว์อมตะก็สามารถล้างบางสำนักมารได้ แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด นางคิดว่าการมียอดฝีมือมาช่วยด้วยน่าจะดีกว่า

 

“ไม่มีปัญหา แม่นางทั้ง 2 เตรียมจะออกเดินทางเมื่อไหร่” ขันทีชราตอบยิ้มๆ

 

เฉิงเสี่ยวเสี่ยวยิ้มบางๆ แววตาเป็นประกาย “ไม่นาน 1 ชั่วยามหลังจากนี้ออกเดินทางเลย ท่านอาวุโสไปรอที่หน้าสำนักมารเลยก็ได้”

—————————————–