“หือ?” ป๋ออิ่นเลิกคิ้ว ไม่พูดอะไรมาก

ทว่าแวมไพร์อย่างคุณป๋อยังทำท่าเหมือนผมก็หิวเหมือนกันขึ้นมาได้

ทักษะการแสดงยอดเยี่ยมมากจริงๆ

โหลวลั่วมองเขา แล้วยกตะเกียบให้สูงขึ้น

ป๋ออิ่นยิ้มแล้วก้มหน้ากินทันที

บะหมี่ถ้วยเดียว กินกันสองคน

แม้แต่ค่ำคืนที่หิมะตกยังดูสวยงามเหลือเกิน

ข้อความของเพื่อนๆ ยังค้างอยู่ในมือถือของโหลวลั่ว พูดประมาณว่าทำไมผู้ชายคนนี้ไม่เคยแนะนำให้เพื่อนรู้จักบ้าง

โหลวลั่วหันไปมองบรรยากาศนอกหน้าต่างบานยาวระพื้น

เธอยากหาเวลาคุยกับเขาสักหน่อย เพียงแต่เธองานยุ่งมาก น้อยครั้งจะมีเวลาคิดตริตรองตอนกลางคืน

ตัวการก็คือคนข้างตัวเธอนั่นเอง

เขาชอบมองเธอจากด้านหลังเวลาที่เธอทำกับข้าว

โหลวลั่วไม่รู้ว่าคนอื่นที่มีแฟนอายุน้อยกว่าจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ แต่แฟนของเธอคนนี้เกาะติดเธอมาก ทั้งยังบ้าอำนาจอีกด้วย

ขณะที่นึกถึงคุณสมบัติอย่างหลัง ก็มีคนส่งข้อความให้เธอ ไม่ใช่ใครอื่น เป็นแฟนเก่าเธอคนนั้นนั่นเอง

ข้อความดังกล่าวทำให้ป๋ออิ่นนัยน์ตาขรึมลึก

แม้ข้อความนั้นจะเป็นแค่เรื่องงานก็ตาม

โหลวลั่วแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวเป็น เธอออกไปพบผู้ชายคนนั้น

แต่ตอนเจอกันไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว คนอื่นๆ ก็อยู่ด้วย

ตอนเธอออกไปแฟนหนุ่มก็ยังดีๆ อยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อกินเลี้ยงเสร็จเดินออกมาก็เจอป๋ออิ่นเลย

คงเพราะใกล้จะถึงวันฮาโลวีนแล้ว ขนาดการประดับประดาตามท้องถนนก็ยังได้บรรยากาศ โคมไฟฟักทองมีอยู่ทุกที่ ทั้งยังมีคนสวมหูปลอมและหน้ากาก

มีเพียงป๋ออิ่นที่ยืนถือร่มสีดำอยู่ท่ามกลางหิมะ สายลมเย็นเฉียบพัดผ่าน

ชายหนุ่มยืนท่ามกลางผู้คน ดูโดดเด่นจากคนอื่น

เมื่อโหลวลั่วเห็นว่าเขาอยู่ที่นั่นก็ทอดสายตามอง

ผู้ชายที่ยืนข้างเธอขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเราจะไปคุยเรื่องความเสี่ยงด้านการลงทุนกับประธานหลี่”

โหลวลั่วยังไม่ได้เปิดปาก ก็เห็นป๋ออิ่นช้อนสายตาขึ้นมองเธออยู่อย่างนั้น จึงหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น “ไม่ละ วันหลังฉันค่อยไปกับเลขาแล้วกัน”

เมื่อพูดจบ เธอก็ก้าวเดินไปหาแฟนหนุ่ม

ครั้งนี้เขาไม่รอเธอ เมื่อเห็นเธอเดินมาหาก็หมุนตัวเดินออกไป เธอจึงรีบเดินตามหลัง ดูออกว่าเขากำลังงอน

นักธุรกิจหญิงในชุดสูทสีครีม มีเสื้อโค้ทคลุมตัว ทั้งยังสวมรองเท้าส้นสูง

ความสวยของโหลวลั่วมีกลิ่นอายอย่างนักธุรกิจ ต่างจากคนเดินถนนทั่วไปโดยรอบ

เธอเดินตามเขามาช่วงหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณจะเดินอย่างนี้ต่อไปอีกนานไหม ฉันตามไม่ทัน”

ป๋ออิ่นหันมามอง ด้วยสีผิวของเขา ใบหน้านั้นทำให้คนเห็นแล้วนึกถึงคำว่าจอมปีศาจเสมอ

เขายืนจ้องเธออยู่ตรงนั้น ราวกับกำลังอธิบายข้อเท็จจริง “ผมรอคุณมานานแล้ว แต่คุณก็ไม่กลับมา”

โหลวลั่วชะงัก เดินไปกุมมือเขา รู้สึกได้ถึงความเย็นเฉียบ “ฉันส่งข้อความให้คุณแล้วว่ามีงานสังสรรค์ ต้องไปกินข้าวข้างนอก”

“ไปกินกับพวกนั้นจะอร่อยอะไรล่ะ วันนี้เป็นวันฮาโลวีนด้วย แต่คุณไม่ยอมฉลองกับผม” พูดได้ต่อต้านกันไปหน่อย “ผมยังไม่กินอะไรเลย รอคุณมาตั้งแต่ลืมตาตื่น”

โหลวลั่วชะงัก “คุณอยากกินอะไรล่ะ?”

“ไม่หิว” อย่างนี้เรียกว่างอน

โหลวลั่วมองดูเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย เขายังเดินต่อไปเรื่อยๆ แต่ความยาวของช่วงก้าวที่เดินก็สั้นลง เหมือนจะรอคอยเธอ

โหลวลั่วใจอ่อน พูดกล่อมเขาว่า “อย่าโกรธเลยนะ จะชดเชยให้”

เขาจึงหยุดฝีเท้า หลุบตามองเธอ “ชดเชยยังไง?”

…………………………………..

ชดเชยงั้นเหรอ

โหลวลั่วคิดดูแล้วเอ่ยขึ้น “รถที่อยู่ในโรงรถน่ะ คุณชอบคันไหน?”

เธอเคยถามคนอื่นๆ ในเมื่อมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบนี้ หากไม่ให้อะไรบ้างก็จะทำให้คนรู้สึกว่าเราเป็นสายเปย์ที่ไม่ใจกว้าง

ครั้งนี้เธอไม่คิดว่าเขาจะน้อยใจขนาดนี้

เดิมทีเขาสามารถเข้าไปได้เลย แต่เพราะครั้งที่แล้วเธอพูดว่าอย่าไปปรากฏตัวที่ออฟฟิศอีก เขาก็เลยรออยู่ด้านนอกตลอด

เธอสู้คนอายุน้อยไม่ได้ ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับงานเทศกาลต่างชาติ

วันฮาโลวีนเป็นโอกาสทองทางธุรกิจ แผนงานกิจกรรมทั้งหลายเหมาะที่จะจัดในเวลาแบบนี้

และคงเพราะมีช่องว่างด้านอายุ จึงทำให้เขาเป็นแบบนั้น

หลังจากที่เธอพูดจบ เขาก็หัวเราะขึ้นมาทันที “ชอบคันไหนงั้นเหรอ?”

“อื้อ เลือกมาสักคัน ต่อไปคุณก็ขับออกไปข้างนอกไง” โหลวลั่วมองเขา

ป๋ออิ่นยื่นมือไปทัดผมยาวของเธอไว้หลังหู มุมปากฉายแววร้ายกาจ แววตาไร้ความอบอุ่น ทั้งยังแดงเรื่อเล็กน้อย

มีน้อยครั้งที่เขาจะมีอารมณ์เป็นจริงเป็นจังแบบนี้

ถึงอย่างก็อยู่มานานมากแล้ว มากจนทำให้เขาไม่คิดใส่ใจอะไรมากมาย

เว้นแต่ตอนที่หาเธอไม่เจอ

คราวนี้เขาโกรธอยู่นิดๆ จริงๆ

ตอนก้มตัวลงมา มุมปากกดยิ้มลึก “ได้ งั้นผมจะเลือกสักคัน เอาคันที่ใหญ่หน่อย”

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง

เธอก็ถูกเขากดไว้ใต้ร่างอยู่ในตัวรถ ไม่มีโอกาสผลักชายหนุ่มให้ถอยห่างเลย

ยิ่งไปกว่านั้นลมหายใจของเขาที่โชยลงมา ทำให้เธออ่อนยวบจนรู้สึกเพียงว่าแผ่นหลังชาวาบ

ตอนมือเย็นเฉียบสอดเข้ามา โหลวลั่วชะงัก รู้สึกได้เพียงแต่รอยจูบของเขาบนซอกคอ

“อย่าทำตรงนี้สิ” ลมหายใจของเธอสับสนเป็นพัลวัน ชุดยับยู่ยี่จนขับให้ซอกคอเธอดูขาวนวลยิ่งขึ้น ทั้งยังงามระหง ชวนให้คนอยากละเมิดในเวลานี้

เธอยั้งมือเขาเอาไว้ แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าไร

เพราะเขาอุ้มเธอขึ้นมากอดไว้ ให้นั่งบนร่างเขาอย่างแนบชิดเป็นที่สุด พื้นที่ในรถไม่ได้แคบมาก เหมาะจะให้เขาทำเรื่องบางอย่างพอดี

โหลวลั่วรับรู้ได้ถึงความร้อนระอุของอีกฝ่ายได้โดยตรงที่สุด

เธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เขาล่วงล้ำเข้าสู่ร่างเธอแล้ว

อีกทั้งได้ยินเสียงแหบเครืออยู่บ้างบอกว่า “คุณให้ผมเลือกรถเองไม่ใช่เหรอ หือ?”

ลมหายใจของเธอสับสนเป็นพัลวัน ใบหน้าแดงก่ำ เธอไม่ได้พูดอะไร ด้วยหากอ้าปากเสียงก็จะหลุดออกมากระท่อนกระแท่น

บทรักอันร้อนเร่าระคนหนักหน่วงของชายหนุ่มทำให้สมองของเธอขาวโพลน

ไม่มีใครเข้ามาในโรงรถส่วนตัวของเธอ ต่อให้ตัวรถเขย่าแรงแค่ไหนก็ไม่มีใครเห็น

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่ออยู่ในสถานที่แบบนี้ก็ยังได้ยินเสียงอยู่บ้าง ความรู้สึกต้องห้ามที่ต่างออกไปทำให้โหลวลั่วได้แต่พิงคนที่อยู่ด้านหลัง

เขาแทรกกายเข้ามาจากด้านหลัง เหมือนมาพร้อมกับหิมะจากนอกหน้าต่างรถ ทำให้ทั้งตัวสั่นสะท้านอย่างยั้งไม่อยู่

เมื่อความวาบหวามจู่โจมทั้งตัวเธอ โหลวลั่วก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มโกรธ โดยเฉพาะตอนที่พูดเช่นนี้

“ต่อไปก็ยกรถคันนี้ให้ผมแล้วกัน” เสียงของเขาดังข้างหูเธอ มันแหบพร่าอย่างเซ็กซี่ “ผมชอบทำกับคุณในรถ”

เส้นผมยาวของเธอปรกอยู่ข้างมือเขา เสื้อผ้าของทั้งสองยับยุ่งไปหมด

เขาจูบที่หลังหูเธอ ไม่ยอมให้เธอได้โอกาสพูดปฏิเสธ แล้วเริ่มบทรักระลอกที่สอง

เขาใช้อำนาจอย่างไม่เหลือความออดอ้อนอีกต่อไป

ตอนโหลวลั่วตื่นขึ้นมาไม่รู้ว่าตอนกี่โมง เธอถึงรู้ว่ายังอยู่ในรถ

เขายังคงฝังร่างไว้ในตัวเธอ หลุบตามมองเธอ หัวเราะเสียงเบาอย่างออดอ้อน “ท่าทางผมจะรุนแรงเกินไปหน่อย แต่ทำไงได้ ก็อยากกินคุณนี่นา”

…………………………………….