ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****233:**พายุในลาน

“เหอะเหอะ!” ฮัวเฉียนหวู่ยิ้มออกมาพร้อมกับลูบเคราของตนเอง จากนั้นเขากล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี “สามปีศาจแห่งทะเลตะวันออก!”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะตอบกลับอย่างขมขื่น “นั่นสินะ มันต้องเป็นพวกเขาทั้งสามอย่างแน่นอน!”

“ฮี่ฮี่ มันไม่ยากเลยที่จะคาดเดาใช่ไหมล่ะ?” ฮัวเฉียนหวู่ยิ้มออกมา “ความจริงแล้ว มีเหล่าผู้ที่มีความแข็งแกร่งอย่างผิดปกติมากมายในทะเลตะวันออกและแม้แต่แม่มดเปลือยกายที่อยู่ในทีมของเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แต่มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ทำให้ทะเลตะวันออกสั่นสะเทือนเพราะพวกเขาได้สังหารเหล่าทูตจากจักรวรรดิทะเลตะวันออกได้! ฮี่ฮี่ แต่จากนี้ไปประวัติศาสตร์ได้ถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว ไม่มีสามปีศาจแห่งทะเลตะวันออกอีกต่อไป จากนี้จะเป็นสี่ปีศาจแห่งทะเลตะวันออก และเจ้าคือคนที่สี่!”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียว เขาไม่คิดว่าเขาจะได้เข้าไปรวมอยู่กับในกลุ่มสามโรคจิตพวกนั้น ในความจริงแล้วมันน่าเบื่อมากสำหรับซ่งจงที่ต้องถูกจัดอยู่ในกลุ่มปีศาจที่ดูสติไม่สมประกอบทั้งสาม

ดังนั้น ซ่งจงปฏิเสธทันที “ไม่เลย ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา ท่านจะเอาข้าไปเปรียบเทียบกับเหล่าปีศาจทั้งสามได้อย่างไร?”

“ฮี่ฮี่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะสามารถควบคุมได้ มันคือธรรมเนียมของทะเลตะวันออก ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถสังหารทูตแห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออกได้จะถูกเรียกว่าปีศาจแห่งทะเลตะวันออก!” ฮัวเฉียนหวู่หัวเราะออกมา “และเจ้าสมควรแล้วที่จะได้รับฉายานั้น เพราะเมื่อครั้งที่เหล่าสามปีศาจทำสำเร็จ พวกเขาอยู่ในระดับจินตันช่วงสุดท้ายแล้ว แต่เจ้ากลับสังหารราชาฉลามดำแม้ไม่ได้อยู่ในระดับจินตันด้วยซ้ำ! สำหรับเรื่องที่เจ้าทำลงไปนั้น ทำไมจะมองว่าเจ้าคือปีศาจอีกคนไม่ได้?”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธทันที เขาทำไปเพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น เขาต้องการจะกล่าวอะไรสักอย่างออกมา แต่ฮัวเฉียนหวู่หยุดเขาไว้และกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ไม่เป็นไร เราควรจบการสนทนาเรื่องนี้ได้แล้ว ข้าต้องรีบกลับไปเพื่อส่งจดหมายไปหาครอบครัว ข้าจะไม่อนุญาตให้มู่ซื่อหรงสร้างปัญหาใด! สำหรับเจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี เครื่องหมายการเป็นหัวหน้าทะเลตะวันออกนั้นมีค่าอย่างยิ่งและจะมีหลายคนที่จับตามองเจ้าอย่างแน่นอน!”

“อะไรกัน?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาถามออกไปอย่างสับสน “อย่าบอกข้านะว่าจะมีผู้คนมากมายที่จ้องจะมาขโมยรางวัลไป?”

“เหอะเหอะ!” ฮัวเฉียนหวู่ไม่ได้ตอบกลับอะไร แต่เขาหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมว่าในทะเลตะวันออกนั้นไร้กฎเกณฑ์! ไม่ว่าสิ่งใดที่สร้างประโยชน์ได้ พวกเขาจะไขว่คว้ามันโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด!”

“เหอะ!” ซ่งจงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ยอดเยี่ยม ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีไอ้บัดซบคนไหนมันกล้าจะปล้นข้า!”

“ฮี่ฮี่ แน่นอนว่าผู้ฝึกตนธรรมดาคงจะไม่กล้า!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวเสริม “แต่เหล่าสามปีศาจแห่งทะเลตะวันออกนั้นเป็นข้อยกเว้น พวกเขาไม่เกรงกลัวเจ้า!”

“ว่าอะไร?” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับด้วยความตกใจ “พวกเขานั้นมีเครื่องหมายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมต้องการที่จะปล้นมันจากข้าอีกล่ะ?”

“ฮี่ฮี่ ไม่มีใครสามารถต่อว่าอะไรได้ถ้าพวกเขาต้องการ และแน่นอนว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมที่จะอยู่ในระดับเดียวกับเด็กใหม่อย่างเจ้า เหตุผลเท่านี้มากพอที่เขาจะหาเรื่องเจ้าได้!” ฮัวเฉียนหวู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถัดไปอีกไม่กี่วัน พวกเขาจะต้องออกค้นหาเจ้าอย่างแน่นอน จงดูแลตัวเองให้ดี ข้าขอตัวก่อน!”

เมื่อกล่าวจบ ฮัวเฉียนหวู่ไม่กล่าวอะไรต่อและบินออกไปทันที

เมื่อเห็นว่าฮัวเฉียนหวู่ออกไปแล้ว ซ่งจงพึมพำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “สวรรค์ เจ้าบ้านี่มาหาข้าเพื่อมอบรางวัลหรือสร้างปัญหาให้กับข้ากันแน่? ข้าไปยั่วยุใครมาหรือเปล่า? ทำไมเรื่องจึงกลายเป็นเช่นนี้ นี่ข้าไปสังหารทูตแห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออกหรือว่าไปวุ่นวายกับเหล่าปีศาจแห่งทะเลตะวันออกกันแน่? บัดซบ จะให้ข้าได้อยู่อย่างสงบไม่ได้เลยงั้นสินะ!”

ในขณะที่ซ่งจงกำลังกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เขากำลังจะพบเจอจากเหล่าปีศาจทั้งสามแห่งทะเลตะวันออก มีอีกการแสดงหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในลานของสำนักเสวียนเทียน

วันนี้ นักบวชฮัวอวิ๋นกำลังอยู่ในสมาธิและเขาได้รับจดหมายด่วนจากฮัวเฉียนหวู่ เขารีบเปิดมันขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเมื่ออ่านจบความโกรธถาโถมเขาอย่างรวดเร็ว ในจดหมายเขียนไว้ว่าหลานสาวของเขาอาจจะฝึกฝนวิชาเบญจสตรีศักดิ์สิทธิ์สังหาร นอกจากนั้นนางยังมีความตั้งใจที่จะนอกใจซ่งจง

แล้วเขาจะอนุญาตให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ถ้าหากข่าวนี้แพร่กระจ่ายออกไปว่าหลานสาวของจ้าวสำนักแห่งสำนักเสวียนเทียนนั้นฝึกฝนเคล็ดวิชาที่มาจากสำนักพันปีศาจเพื่อต้องการแก้แค้นสามีของตนเอง แน่นอนว่ามันจะเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแห่งนี้ หากทุกสิ่งกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา นักบวชฮัวอวิ๋นอาจจะต้องฆ่านางทิ้ง

ตอนนี้แม้เป็นกลางดึกเขาก็หาได้สนใจไม่ เขารีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ขอบคุณสวรรค์ที่เขาขังมู่ซื่อหรงไว้ในบ้านเพราะรู้สึกผิดปกติที่นางกลับมาเร็วจนเกินไป ซึ่งในตอนนั้นเขาคิดเพียงไม่ให้ผู้ใดพบเห็นนางและกลายเป็นเรื่องตลกภายในสำนัก ดังนั้นจึงจัดเวรยามไว้อย่างหละหลวมเท่านั้น แม้ว่าในวันนั้นเขาจะปล่อยนางออกไปด้วยความอ่อนโยน แต่ในวันนี้ถ้าหากนางต้องการที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับตระกูลฮัว แน่นอนว่าเขาจะต้องสังหารนางทั้งน้ำตา!

ในขณะที่นักบวชฮัวอวิ๋นพยายามบินไปอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นเขาเห็นร่างหนึ่งบินไปที่บ้านของมู่ซื่อหรง เป็นเพราะผู้นั้นอ่อนแอกว่านักบวชฮัวอวิ๋น เขาจึงไม่สามารถตรวจพบฮัวอวิ๋นได้

จากนั้นนักบวชฮัวอวิ๋นสังเกตการณ์อย่างเงียบงันและพบว่ามันผู้นั้นคือศิษย์ของคุณชายใหญ่ มันคือพี่ใหญ่จิน! มันเลือกใช้เส้นทางที่คนไม่พลุกพล่าน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทำอะไรสักอย่างที่อาจผิดศีลธรรม

สิ่งนี้ทำให้นักบวชฮัวอวิ๋นคิดขึ้นมาในใจทันที ‘อย่าบอกนะว่ามันกำลังคิดจะสร้างปัญหาอีกแล้ว?’ เมื่อคิดได้เช่นนั้น นักบวชฮัวอวิ๋นแอบตามเขาไปทันที

ในตอนสุดท้าย นักบวชฮัวอวิ๋นไม่เคยคาดคิดว่าพี่ใหญ่จินจะไปจุดหมายเดียวกับเขา มันมาหยุดที่บ้านของมู่ซื่อหรงและหลีกเลี่ยงยามที่อยู่ด้านหน้า ใช้ประตูด้านหลังแทน ซึ่งเดิมทีการป้องกันของประตูหลังก็แน่นหนาเช่นนั้น แต่ในตอนนี้มันถูกละเลย จึงทำให้พี่ใหญ่จินสามารถเดินไปถึงห้องนอนของมู่ซื่อหรงได้อย่างง่ายดาย

เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้เห็นเช่นนั้น ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียวด้วยความโกรธจัด บวกกับความจริงในจดหมายที่เขาได้รับจากฮัวเฉียนหวู่ ทุกอย่างได้รับการยืนยันทันทีว่ามันคือความจริง นอกจากนี้นางยังทำมันกับศิษย์ของคุณชายใหญ่ซึ่งเป็นศัตรูกับเขา

ถ้าหากมู่ซื่อหรงมุ่งหน้าไปหาชายรูปงาม แม้ว่านักบวชฮัวอวิ๋นจะโกรธแต่ก็ยังสามารถเข้าใจการกระทำของนางได้ แม้ว่าซ่งจงจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่หน้าตาของเขาไม่ได้เป็นที่น่าพอใจนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกของผู้ฝึกตนนั้นเต็มไปด้วยบุรุษรูปงามมากมาย แต่หน้าตาของซ่งจงนั้นคล้ายกับนิ้วโป้งเท้าที่โผล่ออกมาจากร่างกายอสูรกายอย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นถ้าหากมู่ซื่อหรงจะนอกใจซ่งจงด้วยเหตุผลนี้ ก็ยังถือว่าสามารถยอมรับได้

แต่พี่ใหญ่จินไม่ได้ดูดีไปกว่าซ่งจงแม้สักนิด อีกทั้งยังเป็นศิษย์ของคุณชายใหญ่ สิ่งนี้ทำให้นักบวชฮัวอวิ๋นโกรธจัดจนแทบจะตายอยู่ตรงนั้น

ในเวลานั้น นักบวชฮัวอวิ๋นมองเห็นว่ามู่ซื่อหรงต้อนรับพี่ใหญ่จินด้วยชุดนอนที่เกือบจะโปร่งใส ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันทันที

“พี่ใหญ่จิน ท่านมาจริงด้วย น้องสาวผู้นี้คิดถึงท่านเหลือเกิน!” มู่ซื่อหรงอ้อนเขาอย่างเอาใจ

“ฮี่ฮี่ เจ้าคงไม่ได้คิดถึงข้าหรอก เจ้าเพียงแค่อยากจะนอกใจซ่งจงเท่านั้น ถูกไหม?” พี่ใหญ่จินยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย

“ฮ่าฮ่า ก็ไม่ผิด แต่ข้าสงสัยว่าพี่ใหญ่จินยอมที่จะร่วมมือกับข้าหรือไม่?” มู่ซื่อหรงตอบกลับอย่างยั่วยวน

เมื่อพี่ใหญ่จินได้ยินชื่อของซ่งจง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนทันทีพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความโกรธแค้น “เหอะ ทำไมข้าจะไม่กล้าทำล่ะ! บิดาผู้นี้แหละจะเป็นคนที่ทำให้มันกลายเป็นไอ้โง่ในวันนี้!”

“แล้วท่านจะรออันใดอีก?” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมา ในขณะนั้นนางกรอกตาไปมาเพื่อเชิญชวนเขา

ขณะที่พี่ใหญ่จินเห็นเช่นนั้น ความต้องการของเขาเพิ่มมากขึ้นพร้อมกับน้องชายที่ตั้งชูชันขึ้นมา เขายิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “เด็กน้อย ข้ามาแล้ว!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาพุ่งเข้าไปหามู่ซื่อหรง เขาถอดเสื้อคลุมออกกลางอากาศเผยให้เห็นกล้ามเนื้อสีทองของเขาอย่างชัดเจน

ขณะที่พี่ใหญ่จินคิดว่าเขากำลังจะมีช่วงเวลาที่ดีกับหญิงสาวที่น่ารักคนนี้ มีร่างสีแดงปรากฏขึ้นตรงหน้าของมู่ซื่อหรงราวกับปีศาจ

ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ตรงหน้าของเขาในตอนนี้คืออาวุโสแห่งสำนักเสวียนเทียน ใบหน้าสีแดงก่ำเพราะเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคือจ้าวสำนักแห่งสำนักเสวียนเทียน นักบวชฮัวอวิ๋น!

ในตอนนี้พี่ใหญ่จินกำลังเคว้งคว้างอย่างหนักหน่วง เขาได้ทำผิดอย่างรุนแรงที่แอบย่องมาหาหลานสาวของจ้าวสำนักและกำลังจะทำเรื่องเสื่อมเสีย! สิ่งนี้ทำให้เขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรในตอนนี้!

นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เขากลัวก็คือเขาอยู่ในอากาศและกำลังพุ่งไปหามู่ซื่อหรง แต่นักบวชฮัวอวิ๋นได้ขวางทางเขาไว้และพร้อมที่จะรับการพุ่งชนของเขาได้ตลอดเวลา แม้ว่าพี่ใหญ่จินจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของร่างกายตนเอง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน นั่นเทียบเท่ากับการแสวงหาความตายชัด ๆ!

เขากลัวจนต้องโบกมืออยู่กลางอากาศเพื่อเปลี่ยนทิศทางการพุ่งไป แต่การที่เขาอยู่ในอากาศนั้นทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อีก ดังนั้นผลลัพธ์ของมันก็คือเขาต้องพุ่งไปข้างหน้าอย่างช่วยไม่ได้

สำหรับนักบวชฮัวอวิ๋น เขาเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่เปลือยกายกำลังพุ่งมาหาเขาและกำลังจะเกิดการปะทะ โดยเฉพาะเจ้าตัวด้านล่างที่แกว่งไปมาซึ่งน่ารังเกียจอย่างยิ่ง ทำให้นักบวชฮัวอวิ๋นยอมรับความจริงทุกอย่างโดยสมบูรณ์ทันที

ด้วยสถานะผู้ฝึกตนหยวนหยินและเป็นถึงจ้าวสำนักของสำนักเสวียนเทียน นักบวชฮัวอวิ๋นนั้นอยู่สูงกว่าศิษย์ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้อย่างแท้จริง แล้วเหตุใดพี่ใหญ่จินจึงแสดงความเคารพต่อเขาแบบนี้ หรือว่าเขาเบื่อที่จะต้องสุภาพแล้ว?

เช่นนี้ นักบวชฮัวอวิ๋นยิ่งโกรธจัดมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสารรูปของพี่ใหญ่จินในขณะนี้

“เจ้ามันรนหาที่ตาย!” นักบวชฮัวอวิ๋นคำรามออกมา จากนั้นเขาโบกมือพร้อมกับส่งปราณจิตวิญญาณสีแดงออกไปปะทะกับพี่ใหญ่จินทันที

แล้วพี่ใหญ่จินจะสามารถรับมือได้อย่างไร เขาเพียงเพิ่งจะเข้าสู่ระดับจินตันเท่านั้น และนี่คือการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน พี่ใหญ่จินส่งเสียงร้องออกมาทันที ร่างกายของเขากระเด็นออกไปไกลและพ่นเลือดออกมาคำใหญ่พร้อมกับล่วงหล่นสู่พื้นอย่างรวดเร็ว

ในขณะนั้น เหล่ายามที่รักษาการณ์อยู่ด้านนอกรีบวิ่งมาดูทันที นักบวชฮัวอวิ๋นโบกมืออีกครั้งเพื่อส่งให้มู่ซื่อหรงกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ผู้ใดเห็นว่านางแต่งกายยั่วยวนชายอื่น

หลังจากที่เหล่ายามมาถึงที่เกิดเหตุ นักบวชฮัวอวิ๋นชี้นิ้วไปที่พี่ใหญ่จินพร้อมกับตะโกนออกมา “พวกเจ้าทุกคนได้ตายไปแล้วหรืออย่างไร? เหตุใดจึงปล่อยให้ไอ้บัดซบตัวนี้เข้ามากระทำสิ่งที่ต่ำช้าโดยที่พวกเจ้าไม่รู้เห็น! พวกเจ้ามัวแต่ทำอะไรกันอยู่?!”

“ศิษย์สมควรตาย!” เมื่อเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของพี่ใหญ่จินบวกกับความเกรี้ยวกราดของนักบวชฮัวอวิ๋น พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? ทั้งหมดโค้งคำนับเพื่อรับความผิดทันที

แท้จริงแล้วนักบวชฮัวอวิ๋นนั้นรู้ดีว่าไม่อาจตำหนิพวกเขาได้ พวกเขาไม่สามารถป้องกันบุคคลที่ได้รับการช่วยเหลือจากมู่ซื่อหรงเพื่อให้เข้ามาในบ้านได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่ใหญ่จินจึงสามารถเข้ามาในบ้านได้โดยไม่มีใครสังเกตุเห็น

แต่เนื่องจากสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตระกูลฮัว เขาจึงต้องตำหนิทุกคนไว้เพื่อปิดบังความจริง จากนั้นเขาสั่งการออกไปด้วยความโกรธ “จับมันขึ้นมา! และเพิ่มความเข้มงวดในพื้นที่นี้สิบเท่า ถ้าหากผู้ใดผ่าฝืนที่จะเข้ามาให้ฆ่าพวกมันให้หมด!”

“ขอรับ!” เมื่อทั้งหมดเห็นว่านักบวชฮัวอวิ๋นไม่ได้มีความตั้งใจที่จะลงโทษ ทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วทั้งหมดก็ไม่กล้าที่จะชักช้าพวกเขาตอบกลับอย่างรวดเร็วและเพิ่มกำลังคุ้มกันทันทีในเวลากลางคืน

หลังจากที่ส่งทั้งหมดออกไปแล้ว นักบวชฮัวอวิ๋นเดินเข้ามาในห้องนอนด้วยความโกรธ ก่อนที่จะกล่าวอะไรสักอย่าง เขาตบมู่ซื่อหรงอย่างรุนแรงพร้อมตะคอกว่า “เด็กสารเลว พูดออกมา! ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

การตบของนักบวชฮัวอวิ๋นทำให้มู่ซื่อหรงเลือดออกที่มุมปากและใบหน้าบวมแดงขึ้นมา แต่นางไม่ได้วิงวอนแต่อย่างใดพร้อมกับหัวเราะออกมา “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? อย่าบอกนะว่าท่านไม่สามารถรู้ได้? ข้าต้องการที่จะนอกใจซ่งจง!”

“เจ้า!” เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดจนแทบจะตายอยู่ตรงนั้นพร้อมตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรือ? เขาเป็นสามีของเจ้า ไม่ใช่ศัตรู!”

“ทำไมเขาจะไม่ใช่ศัตรูของข้า?” เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางกรีดร้องออกมา “ไขมันบัดซบนั่นไม่เพียงแต่ทำให้ข้าต้องล้มป่วยไปหลายปี มันยังข่มขืนข้า แทนที่จะสอนบทเรียนให้กับมัน ท่านกลับให้ข้ายินยอม มันถูกต้องงั้นหรือ? ข้ายังเป็นหลานของท่านอยู่หรือไม่?”

“เหอะ!” เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าหากเจ้าไม่ใช่หลานสาวของข้า แล้วเจ้าใช้สิทธิ์อะไรกันที่มาอยู่ในสำนักแห่งนี้? ถ้าหากไร้การปกป้องของข้า ในเวลาที่เจ้าไปโจมตีผู้อื่นมากมาย เจ้าจะต้องถูกลงโทษตามกฎของสำนัก แต่เป็นเพราะข้าปกป้องเจ้า! และในตอนนี้เจ้ากลับไม่ชอบใจที่ผู้อื่นได้รับความประณีประนอมจากข้าในเวลาที่เขารังแกเจ้างั้นหรือ?”

“เรื่องนั้น…” เมื่อมู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางเงียบไปทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น นักบวชฮัวอวิ๋นส่ายหัวอย่างหมดหนทางพร้อมกล่อมนาง “เด็กน้อย เจ้าคือหลานสาวของนักบวชฮัวอวิ๋น เจ้าได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าผู้อื่น รวมไปถึงเคล็ดวิชาที่เจ้าใช้ฝึกฝน ยาอายุวัฒนะ หินจิตวิญญาณและอุปกรณ์วิเศษ เจ้าสามารถได้รับมันอย่างง่ายดาย แต่ศิษย์คนอื่นจะต้องจ่ายมันในราคาที่มากกว่าเจ้าด้วยซ้ำ แม้ว่าซ่งจงจะไม่ใช่คนดี แต่เขาเป็นอัจฉริยะในสำนักเสวียนเทียนและตระกูลฮัวของเราสามารถพึ่งพาเขาได้ในอนาคต! การที่เจ้าแต่งงานกับเขาแน่นอนว่ามันคือการช่วยเหลือตระกูลฮัว ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจสักที?”

หลังจากที่มู่ซื่อหรงได้ยินเช่นนั้น นางกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยาม “ฮ่า! ในที่สุดท่านก็พูดความจริงออกมา เหตุผลเดียวว่าทำไมท่านจึงขายข้า นี่คืองานเลี้ยงที่ท่านอยากจะเข้าร่วม จึงใช้ข้าเป็นทางผ่านถูกต้องหรือไม่?”

เมื่อนักบวชฮัวอวิ๋นได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาเย็นเยือกพร้อมตั้งคำถามทันที “ถ้าหากเจ้าต้องการจะคิดแบบนั้น ข้าก็จะบอกว่าเจ้ากล่าวถูก! ในตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาของซ่งจงแล้ว และถ้าหากเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะต้องเป็นผู้หญิงของเขาและเป็นผีของเขาเมื่อเจ้าตาย!”

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากข้าบอกว่าไม่?” มู่ซื่อหรงกล่าวออกมาอย่างเด็ดขาด