ในนามของอัศวินอากาศ โดย Ink Stone_Fantasy

เมืองเนเวอร์วินเทอร์ ลานฝึกบิน

“เร็ว เร็ว! เดินเร็วๆ รักษาสมดุลของร่างกายเอาไว้!”

“ขาเจ้าอ่อนปวกเปียกกว่าเด็กอีก!”

“ทิศทาง ระวังทิศทางของเจ้าเอาไว้!”

“เฮ้ย เจ้าเดินไปทางไหนเนี่ย? ข้าน่าจะเอาเตาไฟมาตั้งไว้ทั้งสองข้างจริงๆ”

“จะอ้วกก็ไปอ้วกที่อื่น อย่ามาอ้วกใส่แผ่นไม้ ไม่งั้นข้าจะให้เจ้าเลียมันให้หมดเลย!”

“คนต่อไป กู๊ด!”

“ขอรับ!” กู๊ดตั้งสติขึ้นมา เขาสูดหายใจพร้อมเดินไปที่เก้าอี้หมุน

สีหน้าเยือกเย็นของอีเกิลเฟสที่เป็นครูฝึกสะท้อนเข้ามาในตาของเขา

แม้จะแค่สบตากัน แต่กู๊ดก็ยังรู้สึกเย็นยะเยือก ได้ยินว่าเดิมอีกฝ่ายเป็นผู้บังคับบัญชาของกองรักษาการณ์ดินแดนทางเหนือ หลังจากย้ายกลับมาเมืองเนเวอร์วินเทอร์ เขาก็เข้าร่วมการตรวจสอบภายในกองทัพและกลายมาเป็นหนึ่งในทีมกำลังสำรองอัศวินอากาศ นี่หมายความว่าเขาไม่เพียงแต่จะเคยผ่านศึกสู้กับศาสนจักรมาแล้ว แต่เขายังทิ้งวันหยุดที่ควรจะมี แล้วมาทำการฝึกซ้อมใหม่ทั้งหมด

พูดอีกอย่างคือเขาไม่เพียงแต่จะโหดร้ายกับคนอื่น แต่ยังโหดร้ายกับตัวเองด้วย

การที่ถูกคนแบบนี้จ้องมองทำให้เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล

ในขณะที่เขาเพิ่งนั่งลง ฟินกิ้นและฮายส์ซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันก็เดินเข้ามาหาเขา

บนใบหน้าพวกเขา กู๊ดมองเห็นสีหน้าของเพื่อนที่เหมือนจะบอกว่านายเสร็จฉันแน่

จากนั้นเก้าอี้ก็ถูกหมุนอย่างรวดเร็ว

นี่คือการฝึกซ้อมที่น่าปวดหัวมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาอยู่ในกองกำลังสำรอง ตรงหน้าเก้าอี้มีแผ่นไม้ที่ยาวห้าเมตร กว้างหนึ่งฝ่ามือวางอยู่แผ่นหนึ่ง โดยครูฝึกเรียกมันว่าสะพานลอย ซึ่งเขาจะถูกหมุนอยู่ประมาณครึ่งนาที จากนั้นก็ต้องขึ้นไปเดินบนแผ่นไม้

ปกติแล้วไม่ว่าใครก็สามารถเดินข้ามมันได้สบายๆ แต่พอถูกหมุนไปแล้ว ร่างกายจะเหมือนศูนย์เสียจุดศูนย์ถ่วงไป ภาพที่อยู่ตรงหน้าหมุนไปมา อย่าว่าแต่สะพานลอยเลย แม้แต่จะยืนนิ่งๆ อยู่กับที่ก็ยังทำได้ยาก ปกติอีเกิลเฟสจะแบ่งการฝึก 10 ครั้งให้เป็น 1 เซต คนที่ทำคะแนนได้แย่จะถูกลงโทษให้ ‘ล้างห้องน้ำ’ หรือ ‘ตัดหญ้า’อะไรทำนองนั้น หรือไม่ก็ต้องฝึกทั้งวันในวันหยุดพักผ่อน

กู๊ดเคยถูกลงโทษมาแล้วครั้งหนึ่ง

ผลปรากฏว่าคนอื่นๆ ได้กินอาหารเย็นอย่างมีความสุข แต่เขาต้องมานั่งอ้วกอยู่ในห้อง

เขาไม่อยากจะเจอประสบการณ์แย่ๆ แบบนั้นเป็นครั้งที่สองแล้ว

“หยุด!”

สิ้นเสียงคำสั่ง เก้าอี้ก็หยุดหมุนทันที กู๊ดพยายามฝืนความรู้สึกวิงเวียนในหัวเอาไว้ ก่อนจะกระโดดลงมาจากเก้าอี้

“เร็ว! อย่ามัวงง เดินไป!”

เขากัดฟัน เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเดินโงนเงนขึ้นไปบนแผ่นไม้ แล้วเดินไปยังปลายอีกด้านหนึ่ง หลังฝึกซ้อมมาสิบกว่าวัน เขาก็พบเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ อย่างหนึ่ง นั่นก็คือการจ้องมองดูตรงเท้าของตัวเองกลับจะทำให้เสียสมดูลได้ง่าย สิ่งที่ควรทำก็คือมองตรงไปข้างหน้า แล้วใช้การจดจำของร่างกายในการควบคุมเท้าของตัวเอง

ตอนที่เท้าสัมผัสได้ถึงพื้นแข็งๆ กู๊ดก็รู้ทันทีว่าตัวเองได้เดินผ่านสะพานลอยมาเรียบร้อยแล้ว

“สะ สุดยอดไปเลย…”

“เท้าไม่หลุดออกมาจากแผ่นไม้เลย!”

“เขาเป็นคนแรกเลยใช่หรือเปล่า?”

ด้านหลังมีเสียงพูดคุยดังขึ้นมาทันที

เขาหมุนตัวกลับไปมองอีเกิลเฟส ส่วนอีกฝ่ายก็ยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย “ดีมาก ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่ได้โง่จนช่วยอะไรไม่ได้”

“แต่ว่า!” ครูฝึกชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “จนถึงตอนนี้กลับมีแค่คนเดียวที่ผ่าน ผลงานอันนี้เรียกได้ว่าแย่ที่สุดในบรรดาทุกหมู่! องค์หญิงทิลลีเคยตรัสเอาไว้ คนที่จะเป็นอัศวินอากาศได้มีเพียงแค่หยิบมือเดียว ถ้าพวกเจ้าไม่อยากถูกคนอื่นเขี่ยทิ้งแล้วกลับไปทำงานเป็นกรรมกรตลอดชีวิต พวกเจ้าก็จงตั้งใจฝึกให้หนักขึ้นเป็นเท่าตัว พัก 5 นาที แล้วฝึกใหม่อีกเซต!”

ทุกคนส่งเสียงโอดครวญออกมาทันที

“เฮ้ เจ้าทำได้ยังไงน่ะ?” ฟินกิ้นเดินเข้ามาหากู๊ดพร้อมเล่นหูเล่นตา

“จำการก้าวของเท้าเอาไว้ แล้วก็คิดเสมือนว่าตัวเองไม่ได้เวียนหัว จากนั้นก็เดินไปธรรมดา”

“คิดแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?” ฮายส์เองก็เดินเข้ามา “อย่างนั้นมันก็เท่ากับหลอกตัวเองน่ะสิ?”

ทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้สมัครที่ผ่านการทดสอบในกลุ่มเดียวกับกู๊ด ด้วยเหตุนี้แค่ไม่กี่วันพวกเขาจึงสนิทกัน บวกกันอัศวินอากาศจะทำการแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 3 คน พวกเขาจึงได้อยู่ด้วยกัน ตอนนี้พวกเขาแทบจะกลายเป็น ‘สหายร่วมรบ’ ที่ตัวติดกัน

“เจ้าจะไปสนใจทำไมล่ะว่าหลอกตัวเองหรือเปล่า แค่ผ่านการฝึกก็พอแล้ว” กู๊ดเขกหัวอีกฝ่าย “ปกติแล้วคนยิ่งฉลาดก็จะยิ่งหลอกตัวเองได้ยาก แต่พวกเจ้าน่าจะทำได้ง่ายๆ”

“พอเลย” ฟินกิ้นพูดเหมือนไม่ยอมรับ “ผ่านแค่ครั้งเดียวเอง อย่าได้ใจไปหน่อยเลย”

“พนันกันไหม เดี๋ยวเซตต่อไป ข้าสามารถเดินผ่านได้สาม….ไม่สิ ห้าครั้ง!”

“ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะเป็นคนซักเสื้อผ้าของอาทิตย์นี้เอง!”

“กางเกงในก็นับ?”

“เอ่อ…”

“พวกเจ้าไม่ต้องเถียงกันแล้ว” ฮายส์พูดแทรก “สิ่งที่ข้าอยากรู้ก็คือการฝึกพวกนี้มันจะทำให้เรากลายเป็นอัศวินอากาศได้จริงๆ เหรอ?”

ทั้งสองคนเงียบไปทันที คำถามนี้ก็เป็นความสงสัยของสมาชิกทุกคนในกองกำลังสำรองเหมือนกัน ทั้งเดินผ่านสะพานไม้ กลิ้งไปข้างหน้า แยกแยะทิศทางลม…แทนที่จะบอกว่ากำลังฝึกอัศวิน มันเหมือนพวกเขากำลังเล่นกายกรรมมากกว่า องค์หญิงที่บอกว่าจะมาฝึกสอนให้ก็ไม่เห็นเสด็จมา กลายเป็นว่าพระองค์ทรงสอนเหล่าทหารของกองทัพที่หนึ่ง จากนั้นก็ให้พวกเขามาเป็นคนคุมการฝึกแทน

บวกกับการฝึกซ้อมค่อนข้างลำบาก พวกเขาต้องฝึกตั้งแต่เช้ายันเย็น ตอนกลางคืนก็ต้องมานั่งเรียนการอ่านการเขียน ถ้าไม่เป็นเพราะองค์หญิงทิลลีเคยให้สัญญาเอาไว้ เกรงว่าคนด้วยใหญ่คงสงสัยแล้วว่าเรื่องอัศวินอากาศนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่

แต่ด้วยท่าทีที่เข้มงวดของครูฝึก ทำให้ไม่มีใครที่จะถามเรื่องนี้ออกมาตรงๆ

“ใครจะไปรู้ล่ะ” ผ่านไปครู่หนึ่งฟินกิ้นจึงยักไหล่ขึ้นมา “อย่างน้อยอาหารการกินของที่นี่ก็ถือว่าดีมาก ไม่เพียงแต่จะได้กินเนื้อทุกคน แต่สุดสัปดาห์ยังมีอาหารพิเศษด้วย”

“ข้าคิดว่า…องค์หญิงไม่มีทางหลอกพวกเราหรอก” กู๊ดพูดเสียงเข้มขึ้นมา “วันนั้นพวกเราต่างก็ได้หนังสือไปคนละห่อไม่ใช่เหรอ น้องสาวของข้าบอกข้าว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อทฤษฎีการบินอะไรเนี่ยแหละ…นั่นเป็นหนังสือที่องค์หญิงทรงเขียนขึ้นมา เอาไว้พวกเราอ่านเขียนได้แล้ว บางทีพวกเราอาจจะเข้าใจก็ได้ว่าทำไมถึงต้องฝึกแบบนี้”

“เจ้านี่มันมองโลกในแง่ดีจริงๆ” ฟินกิ้นยิ้มขึ้นมา

“ถ้าไม่คิดแบบนี้ ข้าคงตายไประหว่างทางที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอกแล้ว”

“เอาล่ะ หมดเวลาพักแล้ว!” ทันใดนั้นเอง เสียงของอีเกิลเฟสก็ดังกลบเสียงพูดคุยของทุกคน “มาตั้งแถวแล้วฝึกตามลำดับก่อนหน้านี้อีกครั้ง!”

“รับทราบ…” ทุกคนตอบรับอย่างอ่อนเพลีย

แต่ทันใดนั้นก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น

จู่ๆ ประตูห้องฝึกซ้อมก็ถูกเปิดออก ผู้ชายใส่เครื่องแบบทหารคนหนึ่งเดินเข้ามา ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูอีเกิลเฟสสองสามประโยค

อีเกิลเฟสพยักหน้า หลังทำวันทยหัตถ์กับอีกฝ่ายแล้ว เขาก็หันหน้ามามองทุกคน

“ขอแสดงความยินดีด้วย การฝึกซ้อมหลังจากนี้ยกเลิก พวกเจ้าพักต่อได้”

ฟินกิ้นกับฮายส์ถอนหายใจออกมา มีเพียงกู๊ดเท่านั้นที่กลั้นหายใจ เขามองเห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ในนั้นมีทั้งการเย้ยหยัน ล้อเล่น และ…มีความสุขที่ได้เห็นคนอื่นทรมาน?

“แต่ไม่ใช่ที่นี่” อีเกิลเฟสพูดต่อ “อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้นะว่าพวกเจ้าแอบไปบ่นอะไร แต่เสียดายที่ต่อให้ข้าอธิบายยังไง หัวสมองทื่อๆ ของพวกเจ้าก็ไม่มีทางเข้าใจอยู่ดี แต่วันนี้โชคของพวกเจ้ามาถึงแล้ว พวกเจ้ากำลังจะได้เห็นความหมายที่แท้จริงของอัศวินอากาศด้วยตาของพวกเจ้าเอง”

ความหมายที่แท้จริง….ของอัศวินอากาศ?

กู๊ดรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา

“ตามข้ามา” อีเกิลเฟสค่อยๆ กวาดตามองทุกคน “อย่าตกใจกลัวจนเยี่ยวรดกางเกงล่ะ