ปีกที่โบยบิน (1) โดย Ink Stone_Fantasy

ทุกคนเดินออกมาจากโรงฝึก แล้วเดินเลียบถนนซีเมนต์ไปทางใต้

ตลอดทั้งเส้นทางจะเห็นบ้านอิฐแดงที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ บางหลังก็สร้างเสร็จแล้ว บางหลังก็กำลังสร้างอยู่ จากที่ฟินกิ้นเล่าให้ฟัง เมื่อหนึ่งปีก่อนที่นี่ยังเป็นแค่ที่โล่งๆ ติดทะเลเท่านั้น นอกจากต้นไม้แห้งๆ แล้วก็ไม่มีอะไรเลย แต่ตอนนี้ทีมก่อสร้างได้เปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็น ‘เมืองในเมือง’

มันมีกำแพงล้อมรอบ ถึงแม้จะไม่สูง แต่ก็พอจะบดบังสายตาจากด้านนอกได้ ส่วนป้ายเตือน ‘ห้ามปีน /ฝ่าฝืนจะโดนยิง’ ที่ติดเอาไว้บนกำแพงก็ทำให้พวกสอดรู้สอดเห็นล้มเลิกความคิดไป

ภายในกำแพงมีทั้งหอพัก โรงอาหาร ลานอเนกประสงค์ โรงฝึก ห้องเรียน….ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แค่ที่เดียว ตอนแรกกู๊ดใช้เวลาอยู่หนึ่งวันเต็มๆ ถึงได้เข้าใจความหมายของคำศัพท์แปลกๆ เหล่านี้ พูดง่ายๆ ก็คือไม่ว่าจะกินเรียนนอนก็ล้วนแต่อยู่ในกำแพงทั้งหมด การดูแลด้วยระบบปิดที่ครูฝึกพูดถึงน่าจะหมายความเช่นนี้

เรื่องสุดท้ายก็คือสถานที่แห่งนี้ใหญ่อย่างมาก เขามาอยู่ที่นี่หลายสัปดาห์แล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นว่าปลายกำแพงอยู่ที่ไหน แต่แน่นอน นี่น่าจะเป็นเพราะนักเรียนถูกจำกัดขอบเขตในการทำกิจกรรมเอาไว้ด้วย ถ้าไม่ได้รับอนุญาต อย่างมากพวกเขาก็ได้แค่เดินทางไปกลับระหว่างหอพักกับลานอเนกประสงค์เท่านั้น

และทั้งหมดนี้ก็ถูกสร้างขึ้นมาในเวลาปีเดียว

สำหรับกู๊ดที่เพิ่งจะอพยพมายังดินแดนตะวันตกแล้ว ถึงแม้มักจะได้ยินคนอื่นอยู่บ่อยๆ ถึงความเร็วในการก่อสร้างอันน่าตกใจของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ แต่เขาก็ยังไม่เคยได้เห็นมันกับตาตัวเอง ทว่าหลังจากที่ได้เข้ามาใน ‘เมืองในเมือง’ แห่งนี้ เขาก็เข้าใจแล้วว่าอะไรกันแน่ถึงเรียกว่าเร็ว

ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์ยังเป็นลานทางใต้โล่งๆ แต่ตอนนี้กลับมีตึกเหลี่ยมๆ สีแดงตั้งเรียงเป็นแถว

หากเป็นเมืองอื่น ความเร็วในการก่อสร้างนี้เรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่ออย่างมาก

หลังเดินทะลุกำแพงสนามมาแล้ว ภายในกลุ่มก็มีเสียงพูดคุยดังขึ้นมา

ที่นี่คือสถานที่ที่ปกติพวกเขาห้ามเข้ามา

วันนี้ทุกคนถึงได้เห็นหน้าตาของที่แห่งนี้ว่าเป็นเช่นไร มันเป็นที่โล่งๆ ที่กว้างใหญ่ ไม่มีกำแพงหรือสิ่งก่อสร้างใดๆ มาบดบัง ตรงหน้าคือท้องฟ้าและเมฆสีขาว ไกลออกไปคือทะเลน้ำมันที่ไกลสุดลูกหูลูกตา สายลมหนาวเย็นพัดเข้ามา ทำให้กู๊ดรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย

ต้องยอมรับเลยว่า ในตอนที่เขาได้เห็นบ้านอิฐสีแดงตั้งเรียงเป็นแถว จากนั้นจู่ๆ ก็ได้มาเห็นภาพแบบนี้ เขาพลันรู้สึกเหมือนว่าโลกนี้มันใหญ่ขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

“แปลก…ข้าก็นึกว่าที่นี่มันจะมีอะไรที่สุดยอดอยู่” ฮายส์บ่นขึ้นมาเบาๆ “ก็แค่ที่โล่งๆ ไม่ใช่เหรอ?”

ถูกต้อง ที่โล่งๆ นอกจากถนนหินสีดำที่ใหญ่กว่าถนนหลักในเมืองเนเวอร์วินเทอร์แล้ว มันก็ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ เลย

การที่บอกให้มันเป็นพื้นที่หวงห้ามนั้นทำให้หลายๆ คนรู้สึกไม่เข้าใจ

“บางทีอาจกลัวว่าพวกเราจะชมวิวเพลินจนเดินตกทะเลไปล่ะมั้ง” ฟินกิ้นยิ้มขึ้นมา “แต่ข้ากลับคิดว่าถ้าย้ายเอาห้องเรียนมาอยู่ที่นี่ ความตั้งใจเรียนของข้าอย่างน้อยๆ จะต้องเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์แน่”

“อย่างเจ้าเพิ่มขึ้นอีกกี่เท่ามันก็ไม่มีประโยชน์หรอก?” คนที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะขึ้นมา

“เฮ้ เจ้าคิดจะท้าข้าเหรอ?” ฟินกิ้นถลึงตาใต้ “จะแข่งคะแนนสอบกันไหมล่ะ?”

“หยุดเถียงกันก่อน พวกเจ้าดูนั่น” กู๊ดเลิกคิ้ว “มีคนมาถึงก่อนเราแล้ว”

“นั่นมันหมู่อื่น…” คำพูดของฮายส์ทำเอาทั้งกลุ่มเงียบลงทันที ถึงแม้จะไม่เคยสัมผัสตรงๆ แต่พวกเขาก็ได้ยินครูฝึกพูดอยู่หลายครั้งถึงความยอดเยี่ยมของอีกฝ่าย ทั้งเรื่องที่ฝึกซ้อมเสร็จจนหมดภายในวันเดียว พอตกกลางคืนยังขอออกมาฝึกซ้อมเองอีก อ้วกจนเปรอะไปทั้งตัวก็ยังยืนหยัดที่จะนั่งอยู่บนเก้าอี้หมุน…สรุปแล้วก็คือทั้งอดทนและมุ่งมั่น ส่วนพวกเขานั้นเหมือนเป็นพวกซื่อบื้อที่ทำให้พรสวรรค์สูญเปล่า ทำอะไรก็ล้วนแต่ด้อยกว่าอีกฝ่าย

นี่ทำให้พวกเขามองอีกฝ่ายเป็นเหมือนศัตรูทันที

“เงยหน้าขึ้นมา”

“อย่าหลบสายตา ถ้าหลบสายตาก็เท่ากับแพ้!”

ทุกคนต่างปลุกขวัญตัวเองขึ้นมา

ส่วนสีหน้าของคนเหล่านั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขาเท่าไร

เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา คนเหล่านั้นต่างก็ทำหน้านิ่งแล้วจ้องมองดูพวกเขาด้วยสายตาเยือกเย็น ดูแล้วไม่ได้มีความรู้สึกของนักเรียนที่ยอดเยี่ยมเลย

จนกระทั่งพวกเขาเดินผ่านไปแล้ว บรรยากาศตึงเครียดถึงได้หายไป

“พอแล้ว รออยู่ตรงนี้นี่แหละ” อีเกิลเฟสสั่งให้ทุกคนหยุดเดิน “แต่จำเอาไว้อย่าง อีกเดี๋ยวไม่ว่าจะเห็นอะไร ห้ามไม่ให้เดินออกจากที่ ฝ่าบาทและองค์หญิงทิลลีจะเสด็จมา ถ้าเคลื่อนไหวโดยพลการจะถูกมองว่าเป็นอันตราย จุดจบจะเป็นอย่างไรพวกเจ้าคงจะรู้ดีนะ”

ฝ่าบาท…จะเสด็จมาเหรอ?

ไม่ พระองค์น่าจะเสด็จมาแล้ว กู๊ดสังเกตด้านหน้าอาคารขนาดใหญ่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งมีทหารของกองทัพที่หนึ่งและตำรวจยืนล้อมอยู่เต็มไปหมด มีแต่ตอนที่ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลเสด็จมาเท่านั้น ทั้งสองหน่วยถึงจะออกมาอารักขาพร้อมกัน

ดูเหมือนอัศวินอากาศจะไม่ใช่ธรรมดาๆ ซะแล้ว

กู๊ดตั้งหน้าตั้งตารอสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

ส่วนรอยยิ้มแปลกๆ ของอีเกิลเฟสก่อนหน้านี้ก็ถูกเขาลืมไปจนหมด

….

ภายในโรงเก็บเครื่องบินนั้นมีภาพที่แตกต่างกันออกไป

‘ซีกัล’ ซึ่งเป็นเครื่องร่อนขนาดใหญ่หมายเลขหนึ่งนั้นกำลังรอการปล่อยตัว

นี่เป็นเครื่องร่อนบรรทุกคนที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเป็นทางการหลังจากที่ทิลลีควบคุมเครื่องร่อนตัวทดสอบได้อย่างชำนาญแล้ว เมื่อเทียบกับเครื่องร่อนในตอนทดสอบที่มีแต่โครงอย่างง่ายๆ กับปีกบางๆ แล้วมันไม่เพียงแต่จะมีขนาดที่ใหญ่กว่ากับปีกที่หนากว่า แต่มันยังมีการหุ้มผิวเอาไว้ด้วย นอกจากนี้มันยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลืออื่นๆ เข้าไปอีกหลายอย่าง เช่น ช่องที่อยู่ตรงด้านข้าง ที่นั่ง และประตูทางด้านหลัง สรุปแล้วก็คือเจ้าซีกัลนี้คือเครื่องบินที่สมบูรณ์แบบ

เครื่องร่อนที่เคยปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้เสริมกำลังในตอนที่เครื่องบินลำเลียงมีจำนวนไม่พอ โดยมันจะใช้วัสดุอย่างง่ายๆ ในการสร้าง โครงไม้กับผ้าใบคือสิ่งที่เห็นได้บ่อยๆ เพราะต่อให้เป็นรูก็ไม่กระทบต่อการบิน ซึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องร่อนอย่างหยาบๆ เหล่านั้นแล้ว การสร้างของซีกัลป์นั้นเรียกว่าถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น มีอัลลอยและเหล็กที่มีความแข็งแรงเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ชิ้นส่วนใหญ่ๆ นั้นสามารถประกอบเข้าด้วยกันได้โดยไม่ต้องใช้การสลักเกลียวหรือการเชื่อม ชิ้นส่วนที่ไม่ใช่โครงสร้างหลักก็มีรูเล็กๆ อยู่เต็มไปหมดเพื่อที่จะได้ลดน้ำหนักลงให้มากที่สุด ชั้นเคลือบเวทมนตร์ก็ทำให้ไม่เกิดการรั่วของอากาศในตอนที่ความดันอากาศภายในและภายนอกต่างกันมาก ตรงใต้ท้องมีการติดเกราะเหล็กสำหรับตอนร่อนลง ขอเพียงไม่ตีลังกา ต่อให้เครื่องตกลงมา คนที่อยู่ในเครื่องก็ไม่เป็นอะไร

เพราะว่าคนที่โดยสารอยู่ในเครื่องก็คือแม่มด

ในฐานะที่เป็นเครื่องต้นแบบเพียงเครื่องเดียวในเนเวอร์วินเทอร์ การเน้นความปลอดภัยมากหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย

“อย่างนั้น…หม่อมฉันขึ้นเครื่องก่อนนะเพคะ” อันนาจูบที่แก้มของโรแลนด์เบาๆ “เจอกันพรุ่งนี้นะเพคะ”

“ระวังตัวด้วยนะ อย่าฝืนเกินไป” โรแลนด์สั่งกำชับอย่างจริงจัง “ถ้าเจอปีศาจ ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนนะ”

เธอยิ้มเล็กน้อย “ทราบแล้วเพคะ พระองค์ตรัสหลายสิบรอบแล้วเพคะ”

“วางพระทัยได้เพคะ หม่อมฉันจะปกป้องนางเองเพคะ” ฟิลลิสพูดอย่างหนักแน่น

ผ่านไปครู่หนึ่งโรแลนด์ถึงจะปล่อยมืออันนา จากนั้นจึงพยักหน้าเล็กน้อย “ไปเถอะ ข้าจะรอพวกเจ้ากลับมา”

หลังการก่อสร้างรางเหล็กสร้างมาถึงจุดเลี้ยวในแผน กองทัพที่หนึ่งก็จะบุกเบิกที่ริมมาขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสนามบิน ระยะห่าง 500 กิโลเมตรทำให้ไม่มีวิธีไหนที่จะไปกลับได้ภายในวันเดียวนอกจากเมซี่ ด้วยเหตนี้เครื่องร่อนจึงมีความสำคัญขึ้นมาอย่างมาก

ซีดัลนั้นถูกออกแบบมาให้รองรับผู้โดยสารได้ 20 คน นอกจากตัวทิลลีและเวนดี้ที่เป็นนักบินแล้ว มันยังสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้อีก 18 คน หรือไม่ก็บรรทุกของได้อีกหนึ่งตัน (หลังถอดเก้าอี้ออก) ความเร็วในการบินขึ้นอยู่กับพลังเวทมนตร์ของเวนดี้ แต่ถึงแม้จะบินด้วยความเร็วต่ำ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันก็ยังสามารถไปกลับระหว่างเมืองเนเวอร์วินเทอร์กับแนวหน้าสนามรบได้มากกว่าสองรอบภายในวันเดียว สำหรับยุคสมัยนี้แล้ว นี่ถือเป็นวิธีการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแล้ว