จิ่ว มาเจอกันหน่อย

ทางทีมชาติจีนมีเพียงเหล่าแฟนคลับทยอยกันเข้ามา บนใบหน้ามีสัญลักษณ์แปะอยู่

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความตื่นเต้นบนใบหน้าพวกเขา

ผู้คนเริ่มมาเยอะขึ้น บางคนถึงขั้นปิดปากอยู่ข้างหน้า

เสียงเอฟเฟกต์ของเกมดังขึ้นมา หน้าจอโชว์เริ่มภาพทีมที่เข้ารอบการแข่งขันครั้งนี้ เหมือนเป็นการอุ่นเครื่อง

การตกแต่งเวทีเองก็เข้าสู่ความเสร็จสมบูรณ์ขั้นสุดท้าย

ทั้งหมดตรงหน้าแปลกใหม่สำหรับโหลวลั่ว เพราะปกติเธอไม่ค่อยติดตามพวกดาราด้วยซ้ำ

การเดินด้วยกันพวกเด็กวัยรุ่นแบบนี้ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่

เธอไม่มีแปะอะไรบนใบหน้า

หลังจากคนเยอะขึ้น เธอก็ยืนอยู่ในกลุ่ม

เธอในชุดสูทมีแววตาเฉยเมยแต่กลับไม่ทำให้คนอยากอยู่ห่าง

แฟนคลับหลายคนที่มาด้วยกันต่างมองมายังเธอกันแล้ว

ถึงอย่างไรคนส่วนใหญ่ของที่นี่ก็เป็นเด็กที่มาเรียนต่างประเทศ อายุจึงค่อนข้างน้อย

โหลวลั่วดึงดูดสายตาอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่คนที่ดึงดูดสายตาเสียยิ่งกว่าเธอก็คือผู้ชายคนที่กางร่มสีดำอยู่ข้างเธอ

เขายิ้มเหมือนกำลังพูดอะไรสักอย่าง

มากางร่มอะไรตอนนี้?

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เดินออกไปเหมือนจะไปซื้อของ

เด็กสาวสองคนที่ต่อแถวด้วยกันถึงออกปาก “พี่คะ พี่มาดูการแข่งเป็นเพื่อนแฟนใช่ไหมคะ?”

ผู้ชายหล่อๆ คนนั้นน่าจะชอบ พี่ผู้หญิงก็เลยมาเป็นเพื่อน เพราะดูท่าทางแล้วพี่ผู้ชายคนนั้นน่าจะชอบเล่นเกม

โหลวลั่วหัวเราะเสียงเบา “เขามาเป็นเพื่อนพี่ค่ะ”

“พี่ดูไม่เหมือนแฟนคลับอีสปอร์ตเลยนะคะ” สาวๆ มองตากันอย่างแปลกใจ

เธอจึงตอบตรงๆ “พี่เพิ่งมาดูช่วงนี้เอง ที่มาที่นี่ก็เพราะอยากเจอ Z”

ห้วงเวลานั้น สองสาวตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ “คนกันเอง!”

โหลวลั่วเลิกคิ้ว ออร่านักธุรกิจสาวยังไม่เปลี่ยนแปลง

“พี่คะ พวกเราก็เป็นแฟนคลับของแบล็กพีชค่ะ” หนึ่งในนั้นยิ้ม “ฉันเป็นแฟนคลับของเขาค่ะ”

เด็กสาวอีกคนหนึ่งกระแอมไอ “ถ้าเธอไม่กลัวเทพฉินเอาตาย ก็พูดต่อได้เลย”

“ฉันรู้สึกว่าแฟนคลับระดับพี่สาวของแบล็กพีชเยอะขึ้นทุกที มีความสุขจัง”

โหลวลั่วได้ยินเด็กสาวสองคนพูดกัน มุมปากก็แย้มยิ้ม

เมื่อฝูงชนเดินไปข้างหน้า โหลวลั่วมองเห็นภาพข้างหน้าจากมุมนี้แล้วเพราะสูงมากพอ

มีเด็กวัยหนุ่มสาวเจ็ดแปดคนนั่งเรียที่โต๊ะยาว ต่างสวมเสื้อทีมสีแดงสลับดำ บ้างก็ดื่มน้ำ บ้างก็กำลังยิ้มนิดๆ

หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งเสี้ยวหน้าหล่อเหลา รูปหน้าขับให้เห็นถึงความอ่อนเยาว์ภายใต้แสงสว่าง เส้นผมสั้นเซอร์ปรกใบหู ไม่ใช่สีเงินอีกต่อไป แต่เป็นสีดำในแบบคนเอเชีย

ในหมู่คนมากมาย เด็กคนนี้เซ็นชื่อช้าสุดในทีม

พอจะได้ยินเสียงคนเย้าหยอกจากทางนั้น “ความเร็วมือเอาไว้ใช้เล่นเกมอย่างเดียวหรือไง?”

“ไม่เหมือนพี่หลินที่เอาไว้ชักว่าวก็พอแล้ว” ป๋อจิ่วเอนหลัง ยิ้มมองคนข้างตัวอย่างร้ายกาจ “อ้อ เป็นความเศร้าของพวกฝ่ายรับอะนะ”

หลินเฟิงได้แต่คิดว่า…ถ้าเขาอัดเจ้าเด็กนี่ จะมีชีวิตรอดออกไปได้ไหม?

“เซ็นชื่อก็เซ็นไป จะมาพูดเรื่องลามกทำไม!” หลินเฟิงโมโหที่ไม่ได้ดั่งใจ “ระวังภาพลักษณ์หน่อย เดี๋ยวคนอื่นจะได้ยิน”

ป๋อจิ่วสะบัดมือ “รู้สึกว่าเหนื่อยกว่าตอนเรียนมอปลายซ้ำอีก น่าจะทำตราปั๊มนะ”

“ลองพูดดูสิ รับรองว่าถูกแฟนคลับเทครั้งใหญ่แน่” หลินเฟิงเตือนเธอ

ป๋อจิ่วหัวเราะทันที “คนที่ยืนต่อแถวยิ่งเมื่อยกว่า ฉันเข้าใจ แค่ขี้เกียจเท่านั้นเอง…”

“คนที่กล้าบอกว่าตัวเองขี้เกียจอย่างออกหน้าออกตาอย่างนายนี่หายากนะ” หลินเฟิงประสานมือคารวะ “ขอนับถือ”

นี่เป็นการหยอกล้อกันระหว่างเซ็นชื่อ

เมื่อกระเซ้าเย้าหยอกจบ ป๋อจิ่วก็วางขวดน้ำแร่ หลุบตาลง จากนั้นเตรียมจะ…

…………………………………………

ตอนที่ 1839

จิ่วที่อึ้งตะลึง

เสียงหนึ่งใกล้เข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ดังขึ้นข้างหูเธอว่า

“ช่วยเซ็นชื่อตรงนี้ให้หน่อยได้ไหมคะ”

ตอนแรกป๋อจิ่วไม่ได้สังเกตหน้าตาของอีกฝ่าย

แค่รู้สึกว่ากลิ่นคุ้นจมูกมาก

คุ้นมากจนเธอเริ่มใจลอย

จากนั้นเธอก็มองชุดสูทที่อยู่ใกล้แค่คืบ ยิ้มพลางเงยหน้าขึ้น ตอนกำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้เห็นใบหน้าที่ไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง

ทว่าบางครั้งที่เธอกดคีย์บอร์ดก็จะนึกถึงขึ้นมา

มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มักทำซาลาเปาหมูใส่ถั่วฝักยาวให้เธอ และมักจะอุ้มเธอตอนยังเด็กมากไว้ในอ้อมแขน อีกมือหนึ่งเซ็นเอกสาร ทั้งยังจับมือเธอกดตัวอักษรบนคีย์บอร์ดเป็นครั้งแรก

ต่อมา ทุกอย่างหายไปภายในคืนเดียว

ทุกอย่างไม่มีเหลืออยู่ เหลือเพียงป้ายแผ่นหินที่อยู่ตรงภูเขาด้านหลัง

ยิ่งเป็นคนที่สำคัญมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรับไม่ได้กับจากการไปเท่านั้น

เทศกาลที่แสนสุขเคยเป็นเทศกาลที่ป๋อจิ่วไม่อยากฉลองมากที่สุด

ในฤดูหนาว เมื่อที่บ้านไม่มีเธอคนนั้นแล้ว มันก็ช่างหนาวจับใจ

ในฐานะที่เป็นนายน้อยของโลกแฮกเกอร์ ป๋อจิ่วใช้ชีวิตอย่างมีสติปัญญามาตั้งแต่ยังเด็ก

ทว่าสติปัญญาของเธอถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความร้ายกาจชนิดที่ไม่กลัวใคร

มีเพียงยอมรับการสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต ถึงทำให้เธอยืนหยัดเพียงลำพังได้

ไม่ใช่ไม่เคยคิดเลย

แต่อยากให้ความฝันในก้นบึ้งจิตใจเป็นจริงก่อน

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ป๋อจิ่วตะลึงงันต่อหน้าผู้คน เหมือนเป็นเด็กซื่อบื้อเหลอหลา

ความเอื่อยเฉื่อย เจ้าเสน่ห์ อวดเก่ง โอหัง เหมือนถูกคนกดปุ่มหยุดในเวลานี้

เสียงที่ดังข้างหูถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ไม่อาจจัดระเบียบความคิดได้เลย

ตอนที่ได้สติป๋อจิ่วก็ผุดลุกขึ้นยืนแล้ว เส้นผมสีดำสั้นเซอร์ชี้โด่เด่ด้วยเหตุที่เซ็นชื่อมานานแล้ว ทว่าไม่กระทบต่อความเท่ของเจ้าหล่อนแม้แต่นิด

จ้าวซานพั่งที่นั่งข้างป๋อจิ่วหันหน้ามามอง “เจ้าแบล็ก ทำอะไรของนาย เด้งเป็นศพคืนชีพเชียว?”

คนที่ขี้เกียจกระทั่งเซ็นชื่อกลับลุกขึ้นยืนเพื่ออะไร?

จ้าวซานพั่งมองตามสายตาเธอไป ก่อนจะผิวปากโดยอัตโนมัติ “อุว้าว สาวสวยนี่หว่า แถมยังเป็นระดับท่านประธานด้วย”

เพียะ!

ป๋อจิ่วตบกะโหลกอีกฝ่ายเข้าให้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะคุมเสียงให้เหมือนเดิมได้ “พูดจาระวังหน่อย”

 “ฉันแค่บอกว่าเขาสวย ไม่ระวังตรงไหนวะ?” จ้าวซานพั่งถลึงตาใส่ “เมื่อกี้นายตะลึงงันอย่างนั้น หายแล้วเรอะ ขอบอกนะเจ้าแบล็ก ถึงแฟนคลับนายจะหน้าตาดี แต่นายก็ห้ามยุ่งกับทรงผมฉัน เข้าใจป่ะ”

ป๋อจิ่วไม่สนใจอีกฝ่าย จ้องเธอคนนั้นเหมือนเดิม

ส่วนโหลวลั่วมองเด็กวัยรุ่นที่ผมสีดำชี้โด่เด่ พลันอยากจะลูบศีรษะอีกฝ่ายกะทันหัน รู้สึกว่าน่าเอ็นดูเหลือเกิน

แต่ด้วยความที่กลัวว่าจะรบกวนเวลาของคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลัง โหลวลั่วจึงไม่หยุดอยู่นาน ออร่าความเป็นนักธุรกิจไม่จางหายไปไหน เปี่ยมด้วยความสวยสูงส่ง เธอผลักหมอนข้างไปด้านหน้า “ได้ไหมคะ? หรือว่าทางทีมไม่อนุญาต”

ป๋อจิ่วฉลาด รู้ถึงความผิดปกติบางอย่างทันที

เธอคนนั้นสาวเกินไป เหมือนกับเมื่อตอนที่จากไปเลย

ต่อให้บำรุงดีอย่างไรก็ไม่น่าเป็นถึงขั้นนี้ได้

หรือว่าแค่มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกัน?

แต่หากมีหน้าตาเหมือนกัน แล้วทำไมสไตล์การแต่งตัว วิธีการพูด รวมถึงน้ำเสียงถึงได้เหมือนกันขนาดนี้

ป๋อจิ่วเกิดอยู่ท่ามกลางโลกมืด ไม่มีวันเชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าในทันที

จนกระทั่งหางตาเธอเห็นร่างหนึ่งที่กำลังถือร่มสีดำอยู่ท่ามกลางฝูงชน…

…………………………………………….