ผู้ชายคนนั้นยังคงเหมือนตอนที่เขาจากไปทุกอย่าง สวมเสื้อกันลมสีดำ ยิ้มมุมปาก นัยน์ตาดำขลับ มีกลิ่นอายเกียจคร้านอย่างคนที่เกาะเมียกิน

นอกจากพ่อของเธอแล้ว ไม่มีใครอีกที่จะมีบุคลิกแบบนี้

ขนาดคิงที่รู้ประวัติเธอดีเพียงหนึ่งเดียว ก็ยังปลอมตัวเป็นพ่อเธอแบบนี้ไม่ได้

การคาดเดาส่วนหนึ่งของเธอได้รับการพิสูจน์แล้ว

พวกเขาไม่แก่ขึ้นเลยจริงๆ กระทั่งผิวพรรณก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไป

ตอนนี้สาเหตุอะไรไม่สำคัญอีกแล้ว

สำคัญตรงที่พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่

ป๋อจิ่วหวนนึกถึงเรื่องในอดีต บวกกับเมื่อเงยหน้าสบตากับแววตาที่ไม่คุ้นเคย ก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่า หม่ามี้ของเธอเหมือนจะจำเธอไม่ได้ ดังนั้นพ่อเธอจึงพาแม่มาหาเธอด้วยวิธีนี้

ราวกับจะพิสูจน์ความคิดของเธอ โหลวลั่วยิ้มให้ “ดูเหมือนจะอยู่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้นะคะ”

“เปล่า” ป๋อจิ่วจัดระเบียบความคิดแล้ว เรียวปากบางก็ค่อยๆ แย้มยิ้ม “เมื่อกี้หนูแค่ใจลอย หม่ามี้จะให้หนูเซ็นที่ตรงไหน ตรงหมอนหรือเปล่า?”

แม้โหลวลั่วจะคล่องแคล่วด้านธุรกิจ แต่พอได้ยินคำเรียกว่าหม่ามี้ นิ้วนาวนวลก็ชะงัก

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าแฟนคลับด้านหลังที่ตกตะลึงมากกว่า

“หม่ามี้?” จ้าวซานพั่งยกมือกะจะตบกะโหลกคืน “เจ้าแบล็ก นายบ้าไปแล้วหรือเปล่า?”

ป๋อจิ่วตอบโต้รวดเร็ว กันมืออีกฝ่ายไว้ทันเวลา แต่เมื่อกี้ที่เรียกเช่นนั้นเพราะไม่ทันระวัง เมื่อเห็นแฟนคลับด้านหลังทำหน้าช็อก เธอก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ แถมยังเจ้าเล่ห์เป็นพิเศษ “โอ๊ย แฟนคลับรุ่นแม่รุ่นน้ารุ่นพี่สาวของฉันเยอะจะตาย แฟนคลับก็ถือว่าเป็นพ่อแม่ของฉัน ฉันเรียกว่าหม่ามี้แล้วจะเป็นอะไรไป?”

จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วมุมปากกระตุก

นี่เป็นสิ่งที่คนอย่างแบล็กพีช Z พูดออกมาได้ด้วยเหรอ?

เจ้านี่มีนิสัยอย่างนี้เหรอ?

ถ้ามีนิสัยแคร์แฟนคลับมากกว่าการแข่งขันจริงๆ มีหวังทีมไดมอนด์แพ้ตั้งนานแล้ว

นักกีฬาอาชีพควรต้องทำอะไรมากที่สุด มีแค่ตัวเองเข้าใจเท่านั้น ถึงจะเดินบนเส้นทางนี้ต่อไปได้

แพ้แล้ว อะไรก็เป็นข้ออ้างหมด

ชนะแล้ว ก็จะกลายเป็นอดีต

สิ่งที่ต้องทำคือ พยายามเอาชนะในการแข่งขันนัดถัดไป

หากเราเอาความฝันของตนไปฝากไว้กับคนอื่น ย่อมเป็นเรื่องอันตรายมาก

พาความศรัทธาของพวกเขาไปแข่งให้เต็มที่ก็พอแล้ว

เพื่อขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนเรา

แต่พอเดินมาถึงท้ายที่สุด การต้องพึ่งพาทีมและความเคารพต่อคู่แข่ง เป็นเรื่องที่ตัวเองเข้าใจแจ่มชัดกว่าใคร

แล้วตอนนี้คืออะไร!

รู้จักปากหวานกับพวกแฟนคลับด้วย?

จ้าวซานพั่งส่ายหน้า “เพื่อนเอ๊ย นายนี่มันจริงๆ เลย หน้าหนาสุดๆ เลยว่ะ ฉันช่วยนายกลับมาไม่ไหว อย่างนี้นายถือว่าตบหน้าตัวเองหรือเปล่าวะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา มุมปากของโหลวลั่วเหมือนจะยิ้มขำ

เด็กคนนี้ไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้เท่าไร

เวลาเล่นเกมก็จะเจ้าเล่ห์และไม่กลัว แต่ปกติไม่ค่อยปรากฏตัวออกมา เป็นคนหนึ่งที่ให้ความรู้สึกห่างเหินมาก

โหลวลั่วได้ข้อมูลจากผู้ช่วยมาเยอะ รู้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เด็กคนนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่ถนอมน้ำใจแฟนคลับ

เด็กคนนี้ก็ตอบเพียงว่า ‘สนับสนุนฉันเหรอ ฉันขอบคุณมากนะ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเรียกว่าพ่อนี่ ฉันแข่งอาชีพ ไม่ได้เป็นเด็กนั่งคุยมืออาชีพ’

ดังนั้นจ้าวซานพั่งถึงได้บอกว่าตบหน้าตัวเอง คงเพราะมาจากเรื่องนี้นี่เอง

โหลวลั่วไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร แต่ในสายตาของเธอ เด็กคนนี้แค่กำลังทำตัวเจ้าเล่ห์

ทว่าเธอเดาไม่ออกเช่นกันว่าทำไมจู่ๆ เด็กคนนี้ถึงเรียกเธอว่าหม่ามี้?”

…………………………………………………………

ฉินมั่วปรากฏตัว

ในระหว่างที่โหลวลั่วคิดเช่นนี้

เด็กคนนี้ก็ร้องขึ้นมา “หม่ามี้ หนูเซ็นเสร็จแล้ว จะให้ทำอย่างอื่นอีกไหม?”

นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นสวย หางตามีไฝเสน่ห์

แต่หากความเจ้าเล่ห์ลดลงจะน่าเอ็นดูมาก

จ้าวซานพั่งได้ยินแล้วอยากอ้วกแล้ว สีหน้าสับสนงุนงง

เขาทนต่อไปไม่ได้อีก จึงกระชากป๋อจิ่วไปอีกทาง เอ่ยเสียงแผ่วต่ำว่า “เฮ้ย เจ้าแบล็ก นายโดนผีสิงเหรอฮะ?”

ป๋อจิ่วทำแค่กวาดตามอง “เซ็นชื่อของนายไป”

ฉันจะบ้าตาย?

อะไรวะเนี่ย! เจ้าเด็กนี่มันเป็นอะไรไป!

ป๋อจิ่วไม่ได้สนใจใบหน้าอวบอ้วนที่กำลังงงงัน ผลักอีกฝ่ายให้ถอยห่าง มองหน้าโหลวลั่วและเสนอว่า “กอดได้นะ”

เมื่อพูดออกไป เหล่าสาวๆ ต่างยกมือปิดปากด้วยความตื่นเต้น

“กอดได้เหรอ?”

“เมื่อไรกัน?”

“รู้สึกเหมือนไม่เป็นความจริงเท่าไรเลย?”

โหลวลั่วเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน

จ้าวซานพั่งยิ่งทำหน้าแบบนายอยากตายหรือไง ลืมฉินเจ้าแผนการของตัวเองไปแล้วเหรอ

และแล้วก็เห็นเด็กสาวยื่นมืออกอดประธานหญิงที่สวยเหลือเกินตรงหน้า

นี่คือการนอกใจครั้งใหญ่

เจ้าแบล็กต้องโดนคนที่บ้านสั่งสอนแน่!

จ้าวซานพั่งนึกภาพออกเลยว่าเจ้านี่จะโดนอะไรบ้าง!

เพราะฉินมั่วกำลังเดินมาแล้ว!

เขาในชุดทีมสีดำกำลังคุยบางเรื่องกับคนข้างตัว

ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมชาติจีน เขาจึงจัดลำดับการเซ็นชื่อ และผู้จัดการทีมกำลังคุยกับเข้าเรื่องรายละเอียด

เมื่อฉินมั่วเดินใกล้เข้ามา สายตาของเขาหันมามองเธอแล้ว

รอจนจับตานิ่งที่เป้าหมาย นิ้วเขาก็ชะงัก คิ้วขมวดนิดๆ

จ้าวซานพั่งที่ยืนอยู่ที่เดิมยังรับรู้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากทางนั้น จึงสะกิดหลังป๋อจิ่ว

แต่เธอกลับไม่หันไปมอง จมูกดมกลิ่นอย่างแผ่วเบา มุมปากยกยิ้มชัดเจนกว่ายามปกติ

เธอเงยหน้าขึ้นมอง คนที่ถูกมองไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นคุณป๋อที่กำลังยืนถือร่มคันสีดำท่ามกลางผู้คน

บนใบหน้าหล่อเหลาผุดรอยยิ้ม แฝงความร้ายกาจไว้นิดๆ

คุณป๋อยกร่มสีดำขึ้นมา มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับฟ้า ก่อนจะเก็บร่ม สองตาหรี่ลง

ป๋อจิ่วไม่สนใจสีหน้าของคนเป็นพ่อว่าตอนนี้เป็นอย่างไร พูดตรงนั้นว่า “เดี๋ยวพวกเราเซ็นชื่อเสร็จก็จะไปกินข้าวกัน คุณสะดวกไปกับพวกเราไหม?”

ขอบคุณสวรรค์ที่เจ้าแบล็กไม่เรียกเธอคนนั้นว่าหม่ามี้อีก แต่นายล้อเล่นป่ะ? เจ้าแบล็ก!

การกินข้าวที่พาแฟนคลับไปด้วยเนี่ยนะ?

จ้าวซานพั่งไม่อยากพูดอะไรแล้ว เมื่อก่อนเขามองไม่ออกได้ยังไงว่าเจ้าแบล็กชอบคนหน้าตาดี

ไม่ ไม่สิ ดูเรื่องเงินด้วย

สาวสวยคนนี้มีบุคลิกไม่เหมือนใคร กลิ่นอายนักธุรกิจแผ่กระจายทั่วตัว จะต้องรวยมากแน่นอน

จริงๆ เลย จะว่าไป เจ้าแบล็กชอบคนประเภทบุคลิกท่านประธานมาแต่เกิดเลยหรือเปล่า

ดูแค่ที่เจ้าตัวชอบฉินเจ้าแผนการก็เดาออกแล้ว

จ้าวซานพั่งไม่สนแล้ว หลีกทางให้กับฉินมั่วที่เดินเข้าใกล้ระดับหนึ่งเลย

ส่วนพวกแฟนคลับที่ต่อแถวกันอยู่เห็นฉินมั่วแล้ว ต่างกระแอมไอ

ใบหน้านั้นยังหล่อสูงส่งไร้ที่ติ เจือความเฉยชาไว้จางๆ

เขาซุกมือลงกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งพลางเดินเข้ามาหา ทำแค่มองยอดศีรษะของป๋อจิ่ว ก่อนละมือข้างหนึ่งออกมาดึงคอเสื้อด้านหลังของเจ้าหล่อน เอ่ยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว่า “มิสซิสฉิน ลืมแล้วหรือว่าตัวเองมีครอบครัวแล้ว?”

…………………………………………