น่าหลานเยว่จ้องอูจิ่วเขม็ง
“จำที่เจ้าเพิ่งพูดไปให้ดี”
“ข้าจำได้ดีอยู่แล้ว” อูจิ่วหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้เจียงอวิ๋นหลงด้วยสายตา เจียงอวิ๋นหลงเอาโซ่ตรึงวิญญาณล่ามข้อมือน่าหลานเยว่โดยไม่สนใจว่าน่าหลานเยว่จะเต็มใจหรือไม่
“อาจารย์อาน่าหลาน เชิญ” เจียงอวิ๋นหลงผลักน่าหลานเยว่อย่างได้ใจ
น่าหลานเยว่เหลือบมองเขา แต่ไม่ยอมขยับเท้าแม้แต่ก้าวเดียว
เจียงอวิ๋นหลงเริ่มหงุดหงิด เขาด่าน่าหลานเยว่ที่กำลังดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ต่อหน้าทุกคนอยู่ในใจ ตกอยู่ในมือของอาจารย์เขาแล้วยังจะทำท่าสูงส่งอยู่ได้ รอจนอยู่ในคุกใต้ดินก่อนเถอะ เขาจะสั่งสอนอย่างดีเพื่อระบายความหงุดหงิดทั้งหมดนี้
“เร็วเข้า อย่าทำให้ทุกคนเสียเวลา” เจียงอวิ๋นหลงยื่นมือออกมาผลักไหล่น่าหลานเยว่อย่างหยาบคาย
ทันใดนั้น!
เสียงคำรามของหมีตัวหนึ่งก็ดังก้องสะเทือนสวรรค์
ร่างใหญ่โตหลายร่างพุ่งออกมาจากกลุ่มวิญญาณมุง วิ่งตรงไปหาน่าหลานเยว่ที่ยืนอยู่!
เจียงอวิ๋นหลงตกใจ รีบถอยห่างจากน่าหลานเยว่ทันที
“โฮก!” หมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ยืนขวางหน้าน่าหลานเยว่ เผชิญหน้ากับเจียงอวิ๋นหลงที่รีบถอยหนี และส่งเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธ
รอบๆตัวน่าหลานเยว่มีวิญญาณสัตว์อสูรอีกสี่ตัวที่นำโดยหมีสีน้ำตาลยืนล้อมน่าหลานเยว่เอาไว้ พวกมันอยู่ในท่าตั้งรับ เห็นได้ชัดว่าต้องการปกป้องน่าหลานเยว่
เมื่ออูจิ่วเห็นหมีสีน้ำตาล เขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทันที แววตาดีใจ มือไม้สั่นด้วยความตื่นเต้น เขามองหมีสีน้ำตาลที่กำลังคำรามแล้วหัวเราะออกมาดังๆอย่างบ้าคลั่ง.novel-lucky.
“ฮ่าๆๆ! น่าหลานเยว่เอ๊ย น่าหลานเยว่ เห็นไหมว่าเจ้าโง่แค่ไหน คิดว่าจะปกป้องเจ้าสัตว์หน้าขนนั่นได้ แต่ไม่คิดว่ามันห่วงใยเจ้ามากจนทนไม่ไหวต้องวิ่งมาถึงที่นี่เพื่อช่วยเจ้า โคตรตลกเลย” อูจิ่วหัวเราะไม่ยั้ง เขาคิดจับตัวน่าหลานเยว่เพื่อบีบบังคับให้หมีวิญญาณโผล่ออกมา ซึ่งคงจะใช้เวลาอย่างน้อยสองสามวัน คิดไม่ถึงเลยว่าน่าหลานเยว่เพิ่งจะก้าวเข้ามา หมีวิญญาณก็ส่งตัวเองมาให้ถึงหน้าประตูในทันทีแบบนี้ แล้วอูจิ่วจะไม่ดีใจได้อย่างไร?
น่าหลานเยว่มองพวกจงจงที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน แววตาไม่ได้แสดงความประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย ดูราวกับเขารู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นเช่นนี้ เขามองจงจงที่คำรามไม่หยุดแล้วยกมือที่ถูกล่ามด้วยโซ่ตรึงวิญญาณขึ้นแล้วลูบหัวจงจงพร้อมพูดอย่างอ่อนโยนว่า “พอแล้ว เดี๋ยวก็เจ็บคอหรอก”
จงจงสงบลงจากสัมผัสของน่าหลานเยว่ มันหันหน้าไปมองน่าหลานเยว่อย่างเชื่อฟัง และหยุดคำรามทันที
อูจิ่วหัวเราะเย้ยหยันและกวาดสายตามองเหล่าวิญญาณสัตว์อสูรรอบๆที่กำลังประหลาดใจ “สหายวิญญาณสัตว์อสูรทั้งหลาย ดูให้ดีสิ หมีสีน้ำตาลตัวนี้คือหมีวิญญาณของพวกเจ้ารึเปล่า?”
เมื่อรู้ว่าจงจงที่ยืนอยู่ข้างน่าหลานเยว่คือเป้าหมายที่อูจิ่วต้องการจับ วิญญาณสัตว์อสูรทั้งหมดก็หันไปมองหมีตัวนั้น สายตาของพวกมันจ้องจงจงจนร่างแทบทะลุ
ขนสีน้ำตาลไม่มีประกายสีทองแวววาวของหมีวิญญาณเจือปน แม้ว่าจะตัวใหญ่มาก แต่ไม่ได้แผ่ออร่าพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง เหล่าวิญญาณสัตว์อสูรพากันส่ายหัวอยู่ในใจ นี่ไม่ใช่หมีวิญญาณของพวกเขา หมีวิญญาณของพวกเขาไม่อ่อนแอแบบนี้
ปฏิกิริยาของเหล่าวิญญาณสัตว์อสูรอยู่ในสายตาของอูจิ่ว ดวงตาของอูจิ่วฉายแววยินดีออกมา
ที่เขากล้าให้วิญญาณมารวมตัวกันที่นี่มากมายเช่นนี้ก็เพราะเขาแน่ใจว่าหมีวิญญาณถูกหอคอยโยวหลิงดูดซับพลังวิญญาณส่วนใหญ่ไปแล้ว มันไม่สามารถปรากฏตัวในสภาพหมีวิญญาณได้ สภาพของหมีวิญญาณตอนนี้มองยังไงก็เป็นแค่หมีสีน้ำตาลธรรมดาๆในสายตาของทุกคนเท่านั้น