ครั้งนี้เขาควบคุมตัวเองได้ เมื่อเห็นเรนนี่หายใจไม่ออก ใกล้จะสลบแล้ว หัสดินก็รีบคลายมือแล้วโดนเธอลงพื้น
เรนนี่นั่งอยู่บนพื้นเนิ่นนานกว่าจะได้สติกลับคืนมา ในเมื่อเธอไม่มีความสุข เช่นนั้นก็ทุกข์ไปด้วยกันเถอะ ลงนรกด้วยกันซะเลย
เมื่อเดินเข้าไปถึงที่ทำการ เรนนี่ก็บอกว่าไม่ได้เอาบัตรประจำตัวประชาชนมา ซึ่งลืมไว้ที่บ้านเพื่อน
หัสดินให้เธอโทรหาเนเน่ ทว่าเรนนี่บอกว่าเพื่อนเธอออกไปข้างนอก ไม่ได้อยู่บ้าน วันนี้จึงหย่าไม่ได้ เปลี่ยนเป็นพรุ่งนี้เถอะ
เธอกำลังจงใจทำ จงใจแก้แค้น
หัสดินแย่งกระเป๋าถือเธอมาค้นทุกซอกทุกมุม ทว่าด้านในกลับไม่มีบัตรประชาชนจริง ๆ
“อย่าท้าทายความอดทนของผมนะ พรุ่งนี้ต้องเอาทุกอย่างมาให้ครบ ไม่งั้นก็รอขึ้นศาลได้เลย ผมไม่มีอารมณ์มาเสียเวลากับคุณ” แววตาหัสดินเย็นยะเยือก
เรนนี่ขมวดคิ้วแน่น ไม่แยแสเขา ในเมื่อยังไม่ได้หย่า เช่นนี้เธอก็ยังกลับคฤหาสน์ภูษาธรได้ อีกอย่างเธอยังไม่ได้เก็บของเลย เธอต้องกลับไปเก็บของที่นั่น
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ภูษาธร เธอก็ไม่ได้ไปไหน เพราะการเก็บข้าวของของเธอนั้นต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง เมื่อเก็บถึงตอนค่ำ เธอก็ไปนอน
หัสดินดื่มเหล้าจากนอกบ้านกลับมา ซึ่งเขาดื่มค่อนข้างเยอะ เขาดื่มเพื่อหวังให้ตัวเองลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง และอยากลืมความเจ็บปวดนี้
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์ภูษาธร เขายืนมองจากที่ไกลก็เห็นไฟในห้องเปิดอยู่ เขาจึงทราบว่าเรนนี่อยู่ในห้องอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้วเมื่อถวิลหาถึงยู่ยี่ หน้าอกหัสดินก็สะท้อนขึ้นลง หากไม่ใช่เธอคนนี้ ตอนนี้เขากับยู่ยี่ก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน
ถ้าไม่ใช่เธอ เขากับยู่ยี่และลูก ตอนนี้ก็จะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
ถ้าไม่ใช่เธอ……
ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาจนทำให้เขาเป็นบ้า หางตาของเขาเหลือบไปเห็นรถที่จอดอยู่ด้านข้าง เขาก้าวเท้ายาวเข้าไป
ซึ่งกล้องวงจรปิดจะจับภาพมุมนี้ไม่ได้ หัสดินไม่รีรอ รีบคว้าท่อนเหล็กขึ้นมา จากนั้นก็ทุบใส่รถสุดกำลัง
ความเจ็บปวด ความเคียดแค้น ความกริ้วโกรธ และความเสียใจภายหลังผสมปนเปจนกลายเป็นดั่งงูพิษ งูพิษจู่โจมและเข้ามากัดกินหัวใจเธออย่างดุดัน
สุดท้าย เมื่อพิษงูออกฤทธิ์ตอนนี้ จึงก่อเกิดเป็นภาพการทุบทำลายด้วยพลังสุดเหวี่ยง เขาทุบต่อไปเรื่อย ๆ
ทุบจนเขารู้สึกเหนื่อย หมดแรง ยกแขนไม่ขึ้นอีก หัสดินจึงเลิกรา ก่อนจะโยนท่อนเหล็กลงถังขยะแล้วไปจากที่นี่
เรนนี่นอนมาหนึ่งคืนเต็ม ๆ บ้านที่นี่สวยหรูมาก เธอไม่อยากย้ายออกเลย ทว่าหัสดินก็บีบเธอไป
และเมื่อเธอลากกระเป๋าเดินทางมาถึงด้านหน้ารถ เธอก็กรีดร้องเสียงดังอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ “อ๊าก!!!!”
รถคือสมบัติชิ้นสุดท้ายของเขา เธอคิดจะขายแลกเป็นเงิน ไม่งั้นด้วยสภาพการเงินของเธอก็ดูแลรถหรูแบบนี้ไม่ไหว
แต่ตอนนี้รถพังแล้ว ถูกทุบจนไม่มีชิ้นดี ไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย
เรนนี่โยนกระเป๋าเดินทางลงพื้น จากนั้นก็ตะโกนก่นด่าเสียงสุดอย่างบ้าบิ่น“หัสดิน ไอ้สารเลว คุณออกมาเดี๋ยวนี้ ออกมา ออกมา”
เธอตะโกนเสียงดังลั่น ความฉุนเฉียวกำลังลุกโชน เรนนี่โกรธจึงยืนไม่มั่นคง
ส่วนหัสดินยังคงนอนอยู่ ไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายของเธอ
แม้เธอจะเอะอะปานนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์ ท้ายที่สุด เรนนี่ทนไม่ได้ รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน ยื่นมือผลักประตูห้องนอนหัสดิน
เสียงจ้อกแจ้กจอแจอันดังสนั่นทำให้หัสดินตื่น
“หัสดิน ไอ้เลว คุณมันเลวมากจริงๆ คุณจงใจทุบรถฉันพัง” เรนนี่โกรธเจียมจะเป็นบ้าอยู่แล้ว “ฉันจะไปฟ้องคุณ”
เขาลุกขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางกล่าวเสียงราบเรียบ“แล้วแต่ เหมือนผมจะไม่มีเหตุผลทุบรถคุณนะ ถ้าหากฟ้องก็รีบไปเลย ผมที่เป็นถึงประธานบริษัทภูษาธรกรุ๊ปมีความเป็นไปได้ที่จะทุบรถเพราะอยากได้ แต่ไม่ได้เหรอ?เอ่อ ผมทุบรถคุณจริง ๆ แหล่ะ แต่คุณมีหลักฐานไหมล่ะ?”
คำพูดเรียบง่าย ทว่ากลับทิ่มแทงกระดูกของเรนนี่ ทำให้เธอจุกจนไม่มีวิธีรับมือ
ความโกรธเกรี้ยวในใจผุดขึ้นมา จึงยับยั้งความหุนหันพลันแล่นไม่อยู่ เรนนี่เสมือนคนเสียสติ กระโจนเข้าฉีกกระชากหัสดินทั้งมือและเท้า
หย่ายังพอยอมได้อยู่ แต่ไม่ได้บัตรธนาคารสักใบ และยังยึดคฤหาสน์ที่เคยมอบให้คืนอีก ตอนนี้เธอเหลือสมบัติเป็นรถชิ้นสุดท้าย ทว่าเขากลับทุบทิ้ง
แล้วจะไม่ให้เธอโกรธได้อย่างไร เมื่อเลือดขึ้นหน้า ความอดกลั้นและแผนการตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่แลกมาคืออะไร?
เธอทั้งกระชากทั้งทุบตี ดึงเอาพละกำลังทั้งหมดในตัวมาใช้ ตอนนี้เธอก็ไม่ต่างจากหญิงปากร้ายหรือคนบ้าเลย จะเหลือมาดหญิงอ่อนโยนดุจน้ำเสียที่ไหน
หัสดินไม่มีอารมณ์พัวพันกับเธอ และอีกอย่างแรงของผู้หญิงก็สู้ผู้ชายไม่ได้ เขายกมือใหญ่ขึ้นคว้าข้อมือเรนนี่ไว้ “ผมไม่อยากลงมือกับผู้หญิง อย่าท้าทายความอดทนและก้าวข้ามบรรทัดฐานของผม ไม่งั้นคุณรับไม่ไหวแน่ เตรียมสิ่งที่ต้องใช้ในขั้นตอนหย่าให้ดี จากนั้นก็รีบไสหัวไป!”
จากนั้นเขาก็เดินออกนอกห้อง ไม่แยแสเธอเลยสักนิด
ทว่าเรนนี่ฟังเข้าหูเสียเมื่อไหร่ เธอสติแตก ไม่กลัวและไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว
เรนนี่ไม่สนใจภาพลักษณ์และหน้าตา โกรธจนนั่งทรุดลงพื้น ปล่อยให้เขาเตือนของเขาไป อย่างไรเสียเธอก็จะนั่งไม่ขยับอยู่กับที่
เมื่อเหลือเรนนี่อยู่ในห้องคนเดียว เธอก็นั่งแช่ตัวไว้อย่างนั้น จากนั้นเมื่อความโกรธถาโถมเข้ามา เธอก็ทุบพื้นจนฝ่ามือแดงและร้อนวูบวาบ
จุดจอดรถเป็นมุมที่กล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้ เธอคิดจะฟ้องศาล แล้วจะเอาอะไรไปฟ้องได้?
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห หน้าอกเหมือนมีเพลิงไฟลุกโชน เปลวไฟลุกลานมากขึ้นเรื่อย ๆ แผดเผาจากหัวใจลามไปยังตับ มันร้อนระอุยากจะต้านทาน
หัสดินไปที่บริษัท ผ่านไปสักพัก ผู้ช่วยของเขาก็ยืนรอหน้าประตูห้องนอนของเรนนี่ เพื่อจะรับไปที่สำนักทะเบียน
เธอก็ไม่กลัวขายหน้า ยังคงนั่งอยู่กับพื้น ให้ผู้ช่วยบอกหัสดินว่า ถ้าไม่ให้ค่าเลี้ยงดู เธอก็จะไม่ไป
ผู้ช่วยรู้สึกด้านชากับคำตอบเช่นนี้แล้ว กล่าวว่า“ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นคุณเรนนี่ก็รอหมายศาลได้เลย”
ชอบเอาเรื่องนี้ขู่เข็ญเธอจัง?เรนนี่กล่าวเสียงฮึดฮัด เมื่อผู้ช่วยปิดประตู เธอก็รีบควานหาของมีค่า
แต่น่าเสียดายที่ห้องนี้สะอาดโล่ง สะอาดกว่าใบหน้าเสียอีก ไม่มีอะไรเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบัตรเอทีเอ็ม!
ความหงุดหงิดไม่จางหาย เธอระบายโดยการปาของใช้ภายให้ห้องที่มีราคา ตอนที่เดินผ่านห้องรับแขก เธอจงใจชนเครื่องลายครามที่ชฎารัตน์ชอบที่สุดหล่นลงพื้น เมื่อเกิดเสียงดังเคร้ง จากนั้นเครื่องลายครามก็แตกเศษเต็มพื้น
เธอเอาไปไม่ได้ งั้นก็ทำลายมันทิ้งซะเลย จะเสียใจก็เสียใจไปด้วยกัน จะปวดใจก็ปวดใจด้วยกัน
ครั้งนี้ตอนไปถึงหน้าสำนักทะเบียน เรนนี่ก็อ้างว่าลืมพกของมาอีกครั้ง บอกว่าจะกลับไป วันนี้ทำเรื่องหย่าไม่ได้แล้ว
หัสดินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ขยับกายขวางทางเรนนี่ด้วยสีหน้าเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง “ลืมเอาอะไรมาบ้าง?”
“ของสำคัญ” ตอนนี้เรนนี่ชอบเหลือเกินที่เห็นเขาทำหน้าถมึงทึงด้วยความไม่สบอารมณ์
“บอกสถานที่และชื่อมาให้หมด มีคนไปเอาให้”
“ล็อคประตูไว้ เข้าไปไม่ได้”
ชั่วอึดใจเดียว ดวงตาอันแหลมคมของหัสดินจ้องมา พลางพูดอย่างประชดประชัน “เขามีวิธีเข้าไปแน่ แล้วผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้เอง บอกที่อยู่มาเร็ว”
เรนนี่จงใจยืดเวลา และจงใจทำให้หัสดินโกรธจนเป็นบ้า“คนขี้เหนียวอย่างคุณ ฉันไม่วางใจ”
“คุณยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ไม่งั้นก็เจอกันที่ศาลเลย เริ่มจับเวลาตอนนี้” พูดพลันจ้องดูเวลาด้วยสีหน้าจริงจัง
เรนนี่หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมบอก และไม่ปริปากพูดด้วย ทั้งสองยืนนิ่งอยู่หน้าสำนักงานทะเบียน
เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป หัสดินรู้สึกหงุดหงิดเพิ่มขึ้น ทว่าเรนนี่กลับรู้สึกชอบใจยิ่งนัก
เมื่อเวลาผ่านไปยี่สิบแปดนาที หัสดินก็โทรหาทนาย สั่งให้ทนายไปที่ศาล เมื่อเห็นดังนี้เรนนี่จึงเดินเข้าไปในสำนักทะเบียนด้วยท่วงท่าไม่ช้าไม่เร็ว
หัสดินเสียงส่งฮึ เพราะเคยแจ้งเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว จึงใช้เวลาไม่นานก็แล้วเสร็จ
วินาทีที่เดินออกจากสำนักทะเบียน หัสดินรู้สึกผ่อนคลายสุดแสน ทว่าเมื่อนึกถึงยู่ยี่ก็เหมือนมีก้อนหินทับบนไหล่ มันหนักจนเขาหายใจไม่ออก
เรนนี่ยืนแยกเขี้ยวอยู่ด้านหลัง เดินกระทืบเท้าเสียงดังตูม คล้ายกับกำลังเหยียบมดก็ไม่ปาน
เดินออกไปได้ไม่นาน หัสดินก็ได้รับสายจากซาฮาร่า โดยบอกว่าจะฟ้องเรนนี่
หัสดินไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองมากนัก กล่าวเสียงเรียบเฉยว่า“ฟ้องก็มีสิทธิ์ชนะน้อย พี่มีหลักฐานไหมล่ะ?”
ซาฮาร่ากล่าว“น้องบอกที่บ้านมีเทปบันทึกจากกล้องวงจรปิดนี่ พี่จะเอาไปฟ้องศาล”
“พี่เป็นคนผลักมันเองนะ ถ้าฟ้องศาล พี่ก็ไม่มีหลักฐานหนักแน่นพอ ถ้าพี่อยากฟ้องจริง ๆ ก็ตามใจ แต่ถ้าให้ผมมองจากมุมมองคนนอก บอกเลยว่าไม่มีสิทธิ์ชนะ”
“น้องบอกว่ามันจงใจวางแผนใส่ร้ายพี่ไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วมันยอมรับไหมล่ะ? การคาดเดาก็เป็นการคาดเดาอยู่วันยังค่ำ การคาดเดาที่ไร้หลักฐานใช้กับศาลไม่ได้หรอก” หัสดินกล่าว
ถ้าจะให้พูดตามตรง เขารู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อเด็กในท้องของซาฮาร่าไหม?
เพราะเป็นหลานชายของตน จะไม่ให้มีได้อย่างไร เพียงแต่เขาไม่อยากให้เด็กคนนี้เกิด
เพราะรัดเกล้าไม่มีค่าพอให้ซาฮาร่าคลอดลูกให้เขา
ปล่อยให้ซาฮาร่าถูกรัดเกล้าทำร้ายจิตใจต่อไปไม่ได้แล้ว ฉะนั้น หากเด็กคนนี้เกิดมาก็จะเป็นตัวถ่วงเปล่า ๆ ทำอะไรก็ไม่สะดวก
ตอนนี้พี่สาวเขาแท้งแล้ว เขาจึงต้องยุ่งเรื่องชีวิตคู่ของซาราฮ่าเสียหน่อย และการหย่าคือวิธีที่ดีที่สุด
ถึงเด็กคนนี้จะเกิดมา รัดเกล้าก็ไม่มีทางปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเลว ๆ เด็ดขาด ถึงเวลานั้นคนที่เสียใจก็คือพี่สาวกับลูก อันที่จริงเป็นแบบตอนนี้ก็ดีไปอย่าง ……
ถือโอกาสที่ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป รีบตัดขาดแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า
ดูเวลาก็ใกล้จะค่ำแล้ว ทว่าเรนนี่กลับไร้ที่ไป เธอจนหนทาง ได้แต่โทรหาเนเน่
โชคดีที่เนเน่ยังไม่แต่งงาน จึงไปอาศัยด้วยได้ เธอลากกระเป๋าเดินทางไปหาเพื่อน เนเน่เห็นสภาพเธอแล้วก็ถอนหายใจยาว ๆ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เรนนี่เป็นคนนิสัยเสียโครต ๆ สภาพตอนโมโหก็จะประมาณนี้ เธอให้เนเน่ซื้อเหล้ามา จากนั้นก็นั่งดื่มในห้องรับแขกให้เมาเละไปเลย