ระหว่างนี้ ซาฮาร่าโทรหาเธอ บอกว่าจะฟ้องเธอ ให้เธอเตรียมตัวให้พร้อม
ตอนนี้เธอรู้สึกเดือดดาลอย่างมาก เมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็พูดโพล่งว่า“ได้ ฉันจะรอ คุณรีบมาได้เลย รีบ ๆ หน่อยนะ”
รัดเกล้ายังติดหนี้เธอจำนวนหนึ่ง ตอนนี้เธอไม่ไปหาพวกเธอคิดบัญชี แต่พวกเขาดันมาแว้งกัดเธอ อยากจะมีเรื่องเหรอ เอาเลย ใครกลัวใคร?
ทางที่ดีให้เรื่องนี้ยิ่งฉาวยิ่งดี ให้คนทั่วเมือง Sรู้กันให้หมดเลย
รัดเกล้าก็ไร้ยางอายมาก เข้าใจหาช่องโหว่เหลือเกิน เงินหกล้านจึงลอยไปต่อหน้าต่อตา มันทำให้หัวใจเธอคล้ายกับถูกบีบจนเจ็บ ไม่สามารถคลายออกได้เลย
พูดอีกมุมหนึ่งก็คือ ผู้ชายที่เธอเคยล้วนไม่เป็นสุภาพบุรุษเสียเลย หัสดินไม่ให้เงินเธอแม้แต่แดงเดียว ทั้งยังทำลายรถของเธออีก และยิ่งไปกว่านั้น เธอต้องบาดเจ็บทั่วร่าง และไร้ซึ่งอนาคต
มันเป็นเพราะอะไรกัน?หรือเธอเกิดมาก็ดวงไม่สมพงษ์กับผู้ชาย?ดวงชงกับผู้ชายทุกคนที่เกี่ยวข้องตระกูลภูษาธร?
เนเน่ห้ามไม่ให้เธอดื่มอีก ทว่าเรนนี่กลับตวาดใส่เพื่อน เธอรู้สึกเครียดจนอยากเผาห้องทิ้ง
เรนนี่ทำตัวเหมือนคนบ้าตลอดทั้งคืน ตะโกนร้องไปเรื่อย แล้วยังโยนขวดเหล้าให้เกิดเสียงเคร้ง ๆ
เนเน่อยากเอ่ยปากห้าม ทว่าครุ่นคิดดูแล้วก็ปล่อยเธอทำตามใจปรารถนา เนเน่เคยเตือนเธอแล้ว ทว่าเธอไม่เคยรับฟัง จนต้องกลายเป็นสภาพนี้
ตอนนี้ไร้บ้านไร้เงิน แล้วยังทำให้ตัวเองตกอับถึงขั้นนี้ จะไปหวังอะไรมากมาย?
คุณนายบ้านเศรษฐีไม่ใช่จะเป็นกันง่าย ๆ โดยเฉพาะหัสดินที่ไม่ได้รักเธอ บวกกับนิสัยเสียของเธอด้วย
ก่อนหน้านี้เธอปิดบังนิสัยที่แท้จริงเมื่ออยู่ต่อหน้าหัสดิน แสร้งเป็นคนอ่อนโยน รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา
และนี้คือจุดสำคัญที่สุด หัสดินเคยชินกับนิสัยเสแสร้งของเธอแล้ว ทว่าหลังแต่งงานเธอกลับเผยนิสัยที่แท้จริงออกมา คุณชายอย่างหัสดินจะรับนิสัยที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันของเธอได้เช่นไร?
ดังนั้นถ้าแน่จริง เรนนี่ก็ต้องเสแสร้งตบตาไปตลอดชีวิต อย่างนี้ก็ไม่เกิดปัญหาใด ๆ ขึ้น
……
ฉันทัชไม่ได้อยู่บ้าน ยู่ยี่รู้สึกอยากกินพวกขนมขบเคี้ยวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
เธอหยิบเสื้อกันหนาวและกระเป๋าสตางค์ จากนั้นก็ไปยังห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน
เธอซื้อวุ้นผลไม้ มันฝรั่งทอดกรอบ และขนมจำนวนหนึ่ง หลังตั้งท้องเธอก็เกิดอยากกินขนมพวกนี้ขึ้นมา คล้ายกับกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
เมื่อเธอซื้อของกินยามว่างได้มากมายหลายชนิด เธอจับเสื้อกันหนาวก่อนจะก้าวออกจากห้างสรรพสินค้า
ค่ำคืนนี้มีดวงจันทร์และดวงดาวมากมาย เห็นทีพรุ่งนี้ท้องฟ้าก็จะปลอดโปร่งแล้ว
เธอเดินไปด้านหน้าไม่นานก็เห็นรถเบนซ์สีดำเงางามจอดอยู่ใต้คอนโด ซึ่งไม่ใช่รถของฉันทัช
ประตูรถเปิดออก หัสดินก็เดินลงมา โดยท่าทางผิดแปลกไปจากเดิม เห็นได้ชัดว่าร้อนรนใจและรู้สึกไม่สบายใจ
คือเขาเหรอ?
ยู่ยี่เลิกคิ้ว ก่อนจะเดินผ่านโดยไม่ชายตามองเขา
“คุยกันก่อนได้ไหม?” หัสดินพูดเสียงเนิบ ๆ “ไม่รบกวนเวลาคุณมากหรอก”
ทันทีที่ออกมาจากสำนักทะเบียน หัวใจของเขาก็โหยหาแต่เธอ คิดถึงเธอ อยากเธอหน้าเธอเหลือเกิน
“พูดมาสิ” ยู่ยี่ที่ถือถุงขนมหันหน้ามาสบตาเขา“มีอะไรจะคุยกับฉัน?”
“……” หัสดินกลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เขานิ่งเงียบ เอาแต่ถูมือของตัวเอง
ยู่ยี่ก็ไม่ได้ส่งเสีย แค่จ้องหน้าเขาเฉย ๆ จากอดีตที่เป็นสามีภรรยากัน ตอนนี้กลับกลายเป็นฉากเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่แดกดันยิ่ง
“คุณรู้ว่าผมนอกใจตอนไหน?” หัสดินตั้งคำถามนี้ออกมา
“ตอนที่เห็นถุงยางในกระเป๋าเดินทางของคุณ” ยู่ยี่ตอบเสียงเรียบเฉย ไม่ได้มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ
ด้านนอกลมแรงมาก เธอจัดเสื้อกันหนาวเข้าหากันตลอด หัสดินเห็นแล้วก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ลมหนาว พวกเราไปคุยกันในร้านกาแฟด้านข้างเถอะ”
ยู่ยี่ไม่เห็นด้วย เธอยังคงยืนอยู่ตรงนั้น บอกว่าคุยกันที่นี่ก็ดีแล้ว เธอไม่มีเวลามากนัก
ตอนนี้เธอจึงเอะใจกับถ้อยคำของเธอ ถุงยางในกระเป๋าเดินทาง?
เขาไม่เคยใส่ถุงยางในกระเป๋าเดินทางมาก่อน เห็นทีต้องเป็นฝีมือเรนนี่ที่แอบใส่ลับหลังเขาแน่
เมื่อก่อนเขาตาบอดสนิทเลย คิดว่าตัวเองได้พบเจอผู้หญิงที่เข้าอกเข้าใจ ผู้หญิงที่เป็นคนดี ไร้เดียงสา ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะโดนอุจจาระบดบังสายตา
ตอนนี้จะเกลียดแค้น เกิดความคิดอยากจะฆ่าเรนนี่ทิ้ง แต่จะทำอะไรได้
เขาได้ทำผิดแล้ว สิ่งที่สูญเสียก็ไม่มีทางได้กลับคืนมา
“เรื่องตอนนี้ ผมยังไม่ได้ขอโทษคุณ ตอนนี้ผมอยากบอกว่า ผมขอโทษ” หัสดินพูดอย่างแช่มช้าและแผ่วเบา
“ไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้น พูดตรง ๆ ก็คือ ความรักเจ็ดปีก็ผ่านบททดสอบไปไม่ได้ ฉันไม่รู้เลยว่าความรักเจ็ดปีจะสู้คำพูดผู้หญิงอื่นเพียงประโยคเดียวไม่ได้ อยู่ด้วยกันตั้งนาน ฉันคิดว่าต่างฝ่ายต่างรู้ใจกันแล้ว ฉันคิดว่าถึงฉันจะไม่พูด แต่คุณก็รู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่และอยากจะทำอะไร สุดท้ายฉันถึงรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดไป แค่เรื่องมันผ่านไปแล้ว ฉันไม่อยากพูดถึงอีก แค่นี้แล้วกัน”
เธออยากพูดอะไรต่อ แต่เมื่อคิดใคร่ครวญดูแล้วก็คิดว่าช่างมันเถอะ ตอนนี้พวกเขาสองคนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว มันคืออดีต แล้วจะพูดถึงอีกทำไม?
เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วหัวใจ กล่าวว่า“ผมกับเรนนี่หย่ากันแล้ว……”
“อืม” ยู่ยี่ตอบสนองอย่างเฉยเมย เมื่อดูเวลาแล้วก็พูดขึ้นว่า“ยังมีธุระอะไรอีก?ถ้าไม่มีฉันจะขึ้นไปแล้ว”
หัสดินอยากห้าม อยากให้เธออยู่ต่อ แต่กลับหาข้ออ้างและถ้อยคำไม่เจอ หัสดินไม่เคยรู้สึกไร้หนทางเช่นนี้มาก่อน ริมฝีปากบางค่อย ๆ ยกขึ้น ผ่านไปเนิ่นนานจึงกล่าวประโยคนี้ออกมา “ผมกอดคุณอีกครั้งหนึ่งได้ไหม?”
ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะพูดประโยคนี้ออกมา มันทำยากมาก เขาต้องรวบรวมความกล้าจึงจะพูดออกมาได้ เพราะเขากลัวเธอปฏิเสธมาก
เมื่อนึกถึงพฤติกรรมเลว ๆ ของตัวเอง เขาก็ไม่มีหน้าจะเรียกร้องเช่นนี้ ทว่าเขาควบคุมหัวใจตัวเองไม่อยู่ ……
“ครั้งสุดท้ายนะ ผมขอกอดคุณครั้งสุดท้ายได้ไหม” ดวงตาดอกท้อของเขาเปี่ยมไปด้วยความวาดหวังรอคอย ปรารถนาอย่างสุดแสน แลดูน่าสงสารเล็กน้อย
ยู่ยี่ไม่ได้หันหน้าไปมอง พลางส่ายหัวอย่างหนักแน่น“ไม่ได้”
เขาเดินเซถอยหลังไปพิงกับรถ กล่าวต่อว่า“พวกเราเป็นเพื่อนกันอีกได้ไหม?”
เพื่อน เจอกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อยู่กันอย่างสันติภาพ ไม่เป็นปรปักษ์ต่อกัน ตอนนี้แค่ได้เจอหน้าเธอแบบคนทั่วไปก็นับว่าเป็นบุญของเขาแล้ว
ยู่ยี่ยังคงลั่นสองพยางค์นั้นออกมา“ไม่ได้”
ความคิดของเธอไม่ได้ซับซ้อนปานนั้น เพื่อนก็คือเพื่อน ซึ่งจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็ได้ แต่เป็นเพื่อนกับสามีเก่า มันทะแม่ง ๆ อยู่?
คำตอบอันหนักแน่นของเธอไม่ได้เหนือการคาดหมายของเขา และหัสดินรู้ว่านิสัยเธอว่าเธอไม่มีทางหันกลับมามองเขาแน่นอน ความหวังที่เขาตั้งขึ้นมา สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว ซึ่งล้วนเป็นเพราะการกระทำของตัวเขาเองทั้งนั้น
“ดึกแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ” สิ้นเสียง ยู่ยี่ก็ขึ้นไปด้านบน
หัสดินไม่ได้ไปไหน ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขาเอามือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงด้วยความเคยชิน จากนั้นก็เอาบุหรี่ออกมาสูบ
นี้เป็นความผิดมหันต์ในชั่วชีวิตของเขา ซึ่งไม่มีทางแก้ไขให้เหมือนเดิมได้เลย เขารู้สึกห่อเหี่ยวใจ ทุกข์ทรมานใจ สูบบุหรี่หลายม้วนติดต่อกัน
ตอนฉันทัชกลับมาเห็นหัสดิน เขากล่าวทักทายด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ประธานหัสดิน”
หัสดินไม่ตอบ ก้มหน้าสูบบุหรี่ต่อไป
เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ก้าวเท้ายาวไปด้านหน้า มือใหญ่ยังหิ้วน้ำเต้าหู้กลับมาด้วย เพราะช่วงนี้เธอชอบดื่มน้ำเต้าหู้เป็นพิเศษ
จนเขาเดินไปไกล เสียงหัสดินก็ลอยมากลางอากาศ“ดีกับเธอหน่อย”
“แน่นอน……” ฉันทัชตอบเสร็จก็ขึ้นตึกไป แล้วหายลับจากสายตา
หัสดินยืนบุหรี่ต่อ ไม่นานก็มีก้นบุหรี่ที่ทอประกายแสงนิด ๆ ในยามราตรีเต็มพื้น
จากนั้นระดับแสงก็น้อย ๆ และเมื่อมีสายลมพัดผ่านก็ดับวูบกลายเป็นความมืดมน ซึ่งเหมือนหัวใจของเขาในตอนนี้
หัสดินยืนอยู่หน้าตึกคอนโดหนึ่งคืนเต็ม ๆ ตอนเช้าตรู่สองขาของเขาด้านชาเป็นตะคริว หน้าผากร้อนแผ่ว เห็นได้ชัดว่าเป็นหวัดเรียบร้อย
สำหรับเขาในตอนนี้ การที่ไม่สบายไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ ต่อเขา?ความเจ็บปวดทางใจต่างหาก ที่คล้ายกับกลืนกินเขาให้ตาย แล้วร่างกายจะไปสำคัญอะไรตอนนี้?
ขณะนี้เขาเหมือนคนสติเลอะเลือนมาก
ทันทีที่รถขับเข้ามาถึงคฤหาสน์ภูษาธร เขาก็หมดสติ ทำให้ชฎารัตน์ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เธอรีบเรียกคุณหมอแล้วสั่งให้คนใช้แบกเขาขึ้นห้อง
หลังจากฉีดยาและกินยา หัสดินก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา ซึ่งชฎารัตน์ยังคงดูแลเขาอย่างใกล้ชิดไม่ห่าง ปกติเขาเป็นคนแข็งแรงมาก โตขนาดนี้แล้วพึ่งจะมีไข้ครั้งที่สามเอง
หัสดินโอบกอดชฎารัตน์ เสมือนเด็กที่ทำของเล่นหาย ร้องไห้ฟูมฟาย และพูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ “คุณแม่ ผมทรมานใจมาก ผมกับเธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว ……”
ชฎารัตน์ตบไหล่เขา ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เขาร้องไห้เต็มที่ เพราะหากได้ร้องไห้แล้วก็อาจจะผ่อนคลายลงนิดน้อย
ฉันทัชบอกยู่ยี่ว่าหัสดินยังไม่ได้กลับไป เธอก็ไม่มีท่าทางอะไร แต่ทอดถอนหายใจเท่านั้น
ฉันทัชกำลังคิดในใจว่า หากตอนนั้นหัสดินไม่ทำผิด ตอนนี้เธอก็คงไม่อยู่ในอ้อมกอดเขาแน่นอน
ครุ่นคิดดูแล้ว เขาช่างรู้สึกโชคดีเหลือเกิน สวรรค์เมตตาต่อเขามาก……
ชีวิตของเรนนี่ไม่ได้อยู่เย็นเป็นสุขเลย ซาฮาร่าจ้างทนายไปฟ้องศาลจริง ๆ
ส่งผลให้เรนนี่ต้องจ้างทนายด้วย เมื่อเธอมองสมุดบัญชีธนาคารที่มียอดน้อย ๆ เรื่อย ๆ เธอก็อดตัวสั่นไม่ได้ เธอยกมือตบหน้าตัวเองหลายฉาด ซึ่งเสียงตบหน้าดังกังวานมาก
เป็นเมียน้อยแล้วยังริอ่านทำตัวมาตรฐานสูงอีก ตอนนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น มีคุณธรรมสูงส่ง เงินและบัตรเครดิตที่หัสดินให้เธอ เธอล้วนคืนให้เขาหมด ตอนนี้คิดดูแล้วก็ต้องโทษที่มือตัวเองไม่รักดี
ตอนนี้สร้างลุคผู้หญิงแสนดีให้ตัวเองไม่ได้ ทั้งยังอัตคัดขัดสนเงินทอง ไม่ได้มีสถานะเป็นภรรยาอีก เรนนี่รู้สึกโกรธตัวเองจนทนหยิกขาตัวเอง
ตอนแรกคิดว่าจะขายรถได้หลายล้าน ทว่าตอนนี้ คิก ๆ ๆ……
เธอลากสังขารที่เหนื่อยล้ากลับห้อง หลังจากติดต่อทนายเสร็จก็รอวันขึ้นศาล
ซาฮาร่ากับรัดเกล้าคิดจะแว้งกัดเธอ มันเป็นไปไม่ได้ อย่างมากสุดก็เสียหายด้วยกันทั้งสองฝ่าย ใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะได้มีความสุขเลย
อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็ไม่ต่างจากคนวิปลาสแล้ว
ระหว่างทางได้เจอเพื่อนร่วมห้องด้วย และอีกฝ่ายถามเธอว่า ความรู้สึกของการเป็นคุณนายเป็นยังไง ซึ่งเธอไม่ได้สนใจ สะบัดหน้าแล้วเดินหนีทันที
เรนนี่อย่างเธอไม่มีทางปล่อยให้ใครมาเยาะเย้ยหรอก!