ไช่อิ้งเวินปวดหัวครู่หนึ่ง การประเมินของพ่อเขาไม่เคยคำนึงถึงเวลาและสถานที่ นึกอะไรได้ก็ถามออกมา ทำให้คนรับมือไม่ทันจริงๆ

แต่ไช่อิ้งเวินก็ทำได้แค่ตอบคำถาม ตอบถูกหรือผิดไม่สำคัญ แต่ตัวเองต้องเป็นคนตอบคำถาม!

คิดไปคิดมา ไช่อิ้งเวินพูดว่า “เมื่อกี้ผมคิดไว้แล้ว รอให้เฉินไต้ซือมาถึง ผมจะให้เขาคิดเงินค่ายา เราจ่ายให้เขาในราคาสองเท่า ส่วนเรื่องที่เขาจะฉวยโอกาสโลภมากตอนคนอื่นลำบาก เราไม่สามารถรับได้จริงๆ”

คุณท่านไช่พยักหน้า รู้สึกพอใจกับการจัดการของลูกชาย

“แบบนี้ดีที่สุด ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นผู้มีพระคุณของฉัน ถ้าทำให้ทุกคนพอใจได้ ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว”

ไช่อิ้งเวินคำนับแล้วพูดว่า “ครับ!”

“อืม!” คุณท่านไช่พยักหน้า หันหลังเดินออกไปช้าๆ

ไช่อิ้งเวินกวาดตามองคนตระกูลไช่แวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ทุกคนได้ยินคำพูดของคุณท่านแล้ว เขาเป็นคนใจดีมีเมตตา ไม่อยากบาดหมางกับเฉินไต้ซือ แต่ถ้าเฉินไต้ซือมักมาก นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง”

ทุกคนพยักหน้า “เข้าใจแล้ว!”

ความแข็งแกร่งของตระกูลไช่ที่ก่างวาน มีมากกว่าข่าวลือเล็กน้อย เฉินโม่สอบถามที่อยู่ของตระกูลไช่ได้อย่างง่ายดาย และมุ่งตรงไปที่ตระกูลไช่

ไม่รอให้เฉินโม่มาถึงตระกูลไช่ รถออดี้ a8 สีดำคันหนึ่งจอดช้าๆ ลงด้านหน้าเฉินโม่

หน้าต่างรถเลื่อนลงช้าๆ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง ยื่นหัวออกมาทางหน้าต่าง มองเฉินโม่ด้วยแววตายิ้มเยาะ “เฉินไต้ซือ ผู้นำตระกูลเราเรียนเชิญคุณ!”

เฉินโม่ไม่ได้ประหลาดใจ จากความแข็งแกร่งของตระกูลไช่ ถ้าหลังจากเขาเตือนไช่เหวินหย่าแล้ว ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนอีก งั้นตระกูลไช่คงมีชื่อเสียงไม่สมคำร่ำลือ

เฉินโม่หน้านิ่ง เปิดประตูนั่งที่เบาะหลัง

ชายหนุ่มคนนั้นมองเฉินโม่ผ่านกระจกมองหลังแวบหนึ่ง แล้วพูดพึมพำออกมาว่า “เฉินไต้ซืออะไรกัน แค่เด็กกะโปโล! กล้ามาทวงหนี้ถึงตระกูลไช่แห่งก่างวาน คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”

จากความสามารถในการฟังของเฉินโม่ แน่นอนว่าได้ยินคำเยาะเย้ยของเขาอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มคนนี้ตั้งใจให้เฉินโม่ได้ยินอยู่แล้ว

แต่เฉินโม่ไม่อยากถือสาเอาความกับคนกระจอกแบบนี้ แบบนั้นจะทำให้ฐานะของเฉินโม่ตกต่ำลง

เห็นเฉินโม่ไม่พูดอะไร ชายหนุ่มคนนั้นยิ่งดูถูกเฉินโม่ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่นายท่านกำชับไว้ เขาจึงไม่กล้าล่วงเกินเฉินโม่เกินไป

“หึ!” เขาส่งเสียงหึอย่างเย็นชา เหยียบคันเร่งอย่างแรง เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นแล้วพุ่งออกไป

ชายหนุ่มคนนี้จงใจทำให้เฉินโม่อับอาย แต่เห็นเฉินโม่นั่งอย่างมั่นคงอยู่ที่เบาะหลัง จู่ๆ ก็รู้สึกผิดหวัง เขาตั้งใจขับรถ ไม่ก่อกวนลับหลังอีก

หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถค่อยๆ จอดลงหน้าประตูคฤหาสน์ที่วิวแสนงดงามแห่งหนึ่ง

“ถึงแล้ว ลงรถสิ!” วัยรุ่นคนนั้นพูดอย่างไม่สบอารมณ์

เฉินโม่ไม่สนใจ เปิดประตูรถแล้วค่อยๆ เดินลงมา

มองคฤหาสน์ขนาดใหญ่ข้างหน้า ด้านในมีศาลา ภูเขาเทียม สะพานเล็กๆ พร้อมสายน้ำไหล เรียกได้ว่าเป็นแดนเซียนในโลกมนุษย์ คงมีแค่ตระกูลไช่ที่ได้ฉายาว่าร่ำรวยเทียบเท่าประเทศ ที่จะสามารถอาศัยในที่แบบนี้ได้

พ่อบ้านวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินเข้ามาต้อนรับเฉินโม่ “เฉินไต้ซือ ผู้นำตระกูลรอคุณอยู่นานแล้วครับ เชิญทางนี้ครับ!”

เฉินโม่พยักหน้าเฉยๆ เดินเข้าไปในคฤหาสน์กับพ่อบ้านอย่างสงบเยือกเย็น

ในห้องโถงตระกูลไช่ ไช่อิ้งเวินผู้นำตระกูลไช่สวมชุดสูท นั่งสีหน้าเคร่งขรึมอยู่บนเก้าอี้ผู้นำตระกูล

ด้านล่างทั้งสองฝั่งมีคนระดับสูงของตระกูลไช่นั่งอยู่ พวกคนอายุน้อยของตระกูลไช่ ทำได้เพียงยืนด้านหลังเก้าอี้

ตอนนี้ทุกคนในตระกูลไช่ ต่างจ้องเฉินโม่ด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร

เฉินโม่ใบหน้าไม่สะทกสะท้าน เดินมากลางห้องโถงอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย มองไช่เหวินหย่าที่ยืนอยู่ด้านหลังไช่อิ้งเวิน แล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “คุณไช่ เราเจอกันอีกแล้ว”