บทที่ 163 การต่อสู้ (2)
“อ้าก !”
อาซือถิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
รอยแผลบาดลึกลากยาวตั้งแต่บ่าไปจนถึงกลางลำตัว ปรากฏขึ้นบนร่างของเขา
เขาได้รับบาดเจ็บจริง ๆ!
ผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณ ถึงกับทำให้เขา ทำให้ปรมาจารย์อาร์คาน่าผู้นี้ได้รับบาดเจ็บ !
อาซือถิงโกรธมาก
“เจ้าสารเลว !” เขาจ้องไปที่ซูเฉินและตะโกนร้องด้วยความเกรี้ยวกราด แสงประหลาดวาบผ่านดวงตาของเขา
ม่านตาพิศดู[1] !
นี่เป็นทักษะแต่กำเนิดของชาวอาร์คาน่า มันเป็นวิชาที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ เมื่อผู้ใช้วิชานี้จับจ้องไปที่คู่ต่อสู้ เขาจะสามารถมองเห็นข้อบกพร่องทะลุผ่านเกราะป้องกันต่าง ๆ และปรับเปลี่ยนการโจมตีให้เข้ากับจุดอ่อนเหล่านั้นได้
ทันทีที่อาซือถิงจ้องมองมา ซูเฉินสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่โดยสัญชาตญาณ
เขาดึงดาบผ่าสวรรค์กลับเข้าสู่ท่าป้องกัน หลังจากเห็นว่าสถานการณ์ดูไม่สู้ดีนัก สายฟ้าที่ส่งเสียงครวญอยู่รอบข้างรวมตัวกันและถอยกลับเข้าไปในดาบจนหมด ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดหดตัวอย่างรวดเร็วและรวมเข้ากับซูเฉิน พลังของมันลดลงตามลำดับเมื่อเขาบีบอัดมันจนถึงขีดสุด
แสงสว่างอันเจิดจ้าเริ่มส่องแสงระยิบระยับ
ในเวลาเดียวกัน เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำก็เริ่มรวมตัวกันภายในวังวนธาตุ อุณหภูมิรอบข้างสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งดวงอาทิตย์กำลังจะตกสู่พื้นโลก แรงกดดันมหาศาลแทบจะทำให้ชายหนุ่มต้องกรีดร้อง
มันคืออาคมอาร์คาน่าระดับ 6 รัศมีเพลิง !
นี่เป็นวิชาอาร์คาน่าระดับสูงสุดที่อาซือถิงสามารถใช้ได้ หากว่ากันตรง ๆ แล้วมันถือเป็นการใช้วิชาข้ามระดับ พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่วิชานี้สามารถปลดปล่อยออกมากำลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่งูเหลือมลุ่มน้ำที่กำลังกลืนคนของประตูฟื้นความเยาว์อยู่ไกล ๆ อย่างสบายใจ ยังรู้สึกหวาดกลัวและอดไม่ได้ที่จะถอยห่างออกไป
ซูเฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผชิญหน้ากับพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ด้วยกำลังทั้งหมดของเขา
เขาดึงเอาหินพลังต้นกำเนิดออกมาและดูดซับพลังในหินอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลาให้ลังเล ชายหนุ่มปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดในร่างกายของเขาทันที ผู้พิทักษ์แห่งเม็ก เกราะรบเหล็กกล้าและทุกการป้องกันที่เขามีถูกเปิดใช้งานทั้งหมด
ในที่สุดคลื่นพลังอันรุนแรงทั้งสองก็เข้าปะทะกัน
ตู้ม !
ซูเฉินถูกส่งลอยกระเด็นออกไปเกือบ 10 จั้ง กระแทกต้นไม้หักโค่นไปนับไม่ถ้วนก่อนจะหยุดลง
พรวด !
ซูเฉินพลิกตัวและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“ช่างรุนแรง ! ช่างทรงพลัง !”
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชมในน่าสะพรึงกลัวของวิชาโบราณอาร์คาน่า
โดยทั่วไปแล้วรัศมีเพลิงมีไว้สำหรับใช้กับกลุ่มเป้าหมายแบบหมู่ หากมันเป็นทักษะที่มีไว้สำหรับเป้าหมายเดียว ผลลัพธ์ที่ได้อาจน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม หากเป็นเช่นนั้นด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซูเฉิน เกรงว่าเขาอาจบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว
วิชาโบราณอาร์คาน่าช่างน่าทึ่งจริง ๆ
ถึงจะผ่านการวิจัยมาหลายปีดีดัก แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะละเลยวิชาโบราณอาร์คาน่าเหล่านี้มากเกินไปสักหน่อยแล้ว
ตอนนี้ซูเฉินได้พบกับอาซือถิงแล้ว บางทีมันคงถึงเวลาที่เหมาะสมจะได้ทำความเข้าใจวิชาโบราณอาร์คาน่าให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ถ้าเขาสามารถรวมวิชาการหลอมกายาของเผ่าคนเถื่อนเข้ากับวิชาอาร์คาน่าของเผ่าอาร์คาน่า และหลอมรวมทั้งสองอย่างเข้ากับระบบการฝึกฝนของมนุษย์…
ซูเฉินเริ่มครุ่นคิดถึงมัน
ในเวลาเช่นนี้เขาก็ยังคงจมเข้าสู่ห้วงความคิดได้ดั่งเวลาปกติ ช่างเป็นผู้มีหัวใจเปี่ยมฝันอย่างแท้จริง
ดวงตาของอาซือถิงเต็มไปด้วยร่องรอยของความวิตกและความกลัว
“เจ้ากันมันได้ ? เจ้าป้องกันรัศมีเพลิงของข้าได้ ?!” เขาไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด
“โอ้ มันเป็นเพียงเพราะข้ามีเครื่องมือครบครัน” ซูเฉินตอบขณะชี้ไปที่ตัวเองอย่างสุภาพ
“จริง ๆ แล้วข้าไม่เชี่ยวชาญเรื่องการตั้งรับเท่าไหร่นัก ดังนั้นต้องขอบคุณเหล่าเครื่องมือที่ช่วยให้ข้ารอดมาได้ ข้าคิดว่ามันมากเกินพอแล้ว แต่เจ้าก็ได้สอนบทเรียนให้ข้า ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเพิ่มความสามารถในการป้องกันอีก เริ่มต้นจากการศึกษาวิชาฝึกฝนร่างกายของเผ่าคนเถื่อนก็ไม่เลวนัก นอกจากนี้ถึงภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดจะมอบพลังโจมตีที่ยอดเยี่ยมให้แก่ข้า แต่มันก็ไม่ได้เพิ่มพลังป้องกัน หากในภายภาคหน้าข้าจะพัฒนามันให้ดีขึ้นไปอีก ข้าควรเน้นไปที่การเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกัน … ”
ทันทีที่เขาเริ่มพูดถึงแผนในอนาคต ซูเฉินก็อดไม่ได้ที่จะพูดมากกว่าปกติ
บางทีนี่อาจเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ที่เหล่านักวิชาการทุกคนต้องทนทุกข์ทรมาน
ใบหน้าของอาซือถิงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังเจ้าพูดพล่ามเรื่องพันนี้ !”
“ข้าก็เช่นกัน” ซูเฉินยิ้ม
ดาบของเขาโจมตีออกไปอีกครั้ง
โจมตีครานี้แตกต่างไปจากครั้งก่อน รอบนี้มันถึงกับฉีกกระชากช่วงว่างไปจนเห็นอวกาศด้านนอก แสงดาวจาง ๆ สะท้อนออกมาจากบนผิวของใบดาบ
เมื่อแสงดาวทอประกาย กลิ่นอายอันทรงพลังของคมดาบเพิ่มขึ้นอย่างมากจนน่าตกใจ แรงกดดันที่กระจายออกมาเองก็น่าหวาดกลัวยิ่งขึ้น
ส่งผลให้พื้นที่รอบข้างบิดเบี้ยวจนเห็นได้ชัด
มันต่างจากการบิดเบือนที่เกิดขึ้นจากสนามแม่เหล็กผกผัน การบิดเบือนนี้เป็นผลมาจากอันทรงพลังของคมดาบล้วน ๆ
สาเหตุต่างกันแต่ผลลัพธ์เหมือนกัน !
คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกวาดออกไปเบื้องหน้าทำให้เกิดการบิดเบือน ที่ไม่ด้อยไปกว่าการบิดเบือนจากสนามแม่เหล็กผกผันที่ลูกบอลสายฟ้าสร้างขึ้นก่อนหน้านี้เลย อย่างไรก็ตาม ดาบของซูเฉินก็ยังคงโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่อง ในชั่วพริบตา คมดาบทั้ง 12 ก็ถูกปล่อยออกมา !
12 คมดาบที่มีพลังเทียบเท่าหรือยิ่งกว่าลูกบอลสายฟ้าที่อาซือถิงปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ได้อย่างไร ?
ต่อให้วิ่งไปจนสุดล่าฟ้าเขียว ก็ไม่มีเหลือว่างให้หนีอีกแล้ว !
นี่คือความรู้สึกที่สัญชาตญาณของอาซือถิงบอกกับตัวเขาเอง
ทว่าเขาก็ไม่ใช่ศัตรูธรรมดาทั่วไป ขณะที่ซูเฉินส่งการโจมตีออกมา อาซือถิงก็กางมือของเขาแล้วกระจกผลึกก็พลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้กระจกไม่ได้โผล่ขึ้นมาอยู่ที่ด้านหน้าแต่เป็นที่ด้านหลัง ไม่เพียงแค่นั้น ขนาดของมันยังเล็กกว่ารอบก่อนจนดูน่าสงสาร มันมีขนาดเท่ากับตัวของอาซือถิงเท่านั้น
กระจกผลึกฉายร่างของอาซือถิง และทำให้เงาของเขามีชีวิต
วิชาร่างเงากระจก
นอกจากนั้นอาซือถิงทั้งสองยังโจมตีออกพร้อมกัน ทันใดนั้นทุกสิ่งในพื้นที่เบื้องหน้าของพวกเขาก็ช้าลงและแทบจะหยุดนิ่ง แสงสีดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันไหลออกมาราวกับคลื่นหมึกสีดำสนิท ภายใต้อำนาจแสงนี้ คมดาบทั้งหมดดูช้าลงอย่างมาก และเริ่มปะทะกันเอง
ปัง ปัง ปัง ปัง !
คมดาบ 7 เล่มพุ่งใส่ร่างของอาซือถิง ก่อนจะเฉียดไปอย่างหวุดหวิด สร้างร่องลึกทั้ง 7 ไว้บนพื้นของพวกเขา คมดาบ 5 เล่มที่เหลือกระแทกเข้าร่างของอาซือถิงอย่างจัง ระเบิดกระจกผลึกแล้วส่งเขากระเด็นไปพร้อมกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
อันที่จริง อาซือถิงรับการโจมตีไปตรง ๆ เพียงครั้งเดียว แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียวนี้ ถึงกลับทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าซูเฉิน !
ในแง่ของความแข็งแกร่งทางกายภาพและป้องกันตัวเองของเผ่าอาร์คาน่านั้น นับว่าด้อยกว่าเผ่ามนุษย์อยู่มาก
ซูเฉินยิ้มเล็กน้อย “ต้องอย่างนี้สิ”
ใน ‘การปะทะ’ นี้ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการฟื้นตัวอันทรงพลังของซูเฉิน ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องมาสนใจบาดแผลทั่วไปเช่นนี้…
เดี๋ยวก่อน นี่เขากำลังดูอะไรอยู่ ?
อาซือถิงวางมือลงบนร่างกายของตนเอง และแสงสีเขียวก็พลันสว่างขึ้นห่อหุ้มไปทั่วร่างกาย
จากนั้นอาการบาดเจ็บที่ได้รับจากการโจมตีของซูเฉิน ก็ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซูเฉินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “วิชาอาร์คาน่าประเภทรักษาฟื้นฟูเองก็ดูทรงพลังไม่แพ้กัน”
ทักษะประเภทรักษาฟื้นฟูของมนุษย์นั้นอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด เว้นแต่จะเป็นทักษะต้นกำเนิดที่ไม่เหมือนใครเช่นที่หวังโต้วซานครอบครองอยู่ ไม่เช่นนั้นมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟื้นฟูในทันทีที่ต้องการเช่นนี้
ชายหนุ่มจึงถูกบังคับให้ยอมรับว่าเขาเสียเปรียบอีกครั้ง
“เอาล่ะ ข้ายอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก ทว่านี่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น” ซูเฉินยิ้มก่อนที่การแสดงออกของเขาจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง “รับดาบ !”
ฟิ้ว !
คลื่นคมดาบถูกฟาดฟันออกมาอีกครั้ง
คราวนี้ซูเฉินปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ แสงสีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวทะลักไปทั่วทุกพื้นที่ ทั้งเปลวเพลิง ฟ้าร้องฟ้าผ่า แสงสะท้อนแวววาวของเหล็กที่เย็นเฉียบ ผสมผสานเข้าด้วยกัน กลายเป็นสีสันที่สวยงามที่สุดในโลก
จู่ ๆ อาซือถิงก็ค้นพบว่าวิชาอาร์คาน่าของเขานั้น ไม่แข็งแกร่งเท่าที่คิดไว้เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้
หากวิชาโบราณอาร์คาน่าเหนือกว่าในแง่ของการเปลี่ยนแปลงได้อย่างหลากหลายและความทรงพลัง ก็ต้องบอกว่าในแง่ของความคงทนและประหยัดพลังแล้วนั้น….
“ไม่ !” อาซือถิงร้องตะโกน
ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม เขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าปรมาจารย์อาร์คาน่าระดับ 5 ที่เทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดาร จะพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ที่อยู่เพียงแค่ด่านทะลวงลมปราณ
[1]พิศดู (พิดสะดู) ก. พิจารณาดูอย่างรอบคอบ-ถี่ถ้วน, เพ่งดูอย่างตั้งใจ