และก่อนที่นางจะสำเร็จขั้นทุกครั้ง จะต้องเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นบนฝากฟ้า
ทว่าอวี้เฟยเยียนสำเร็จขั้นในคราวนี้กลับมีปรากฎการณ์เพียงน้อยนิดยิ่งนักไม่ได้เกิดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่จนตื่นตระหนกกันไปทั่วทั้งแผ่นดินแต่อย่างใด รอบกายของนางปรากฏกลุ่มเมฆหมอกสีจาง ล้อมรอบกายของนางเอาไว้จนมองเห็นนางพร่าเลือนไป
เมื่ออวี้เฟยเยียนได้ก้าวข้ามขั้นจนสำเร็จถึงขั้นจอมอาวุโส นางก็รู้สึกว่าร่างกายของนางหิวกระหายอย่างหนัก กลืนกินอากาศธาตุที่มีไม่รู้จบสิ้นยังแทบจะไม่เพียงพออย่างไรอย่างนั้น
ที่แท้ ขั้นจอมอาวุโสก็ข้ามขั้นจากขั้นปรมาจารย์หลายขุมทีเดียว!
นั่นทำให้อวี้เฟยเยียนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าสักวันหนึ่งนางจะไล่ตามซย่าโหวฉิงเทียนได้ทัน ถึงกระทั่งที่เป็นจู่โจมเขาก่อนบ้าง!
ซึ่งซย่าโหวฉิงเทียนก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต่อให้นางไม่สำเร็จขั้น พี่ก็ยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นฝ่ายถูกเจ้าผลักให้ล้มลงแล้วคร่อมทับไว้อยู่แล้ว
เนื่องจากอวี้เฟยเยียนต้องฝึกวรยุทธ์เพื่อให้สำเร็จขั้น ซย่าโหวฉิงเทียนจึงต้องอดทนอดกลั้นอยู่หลายวัน ในคืนนี้เขาจึงกลายร่างเป็นหมาป่าผู้หิวโหยอีกครั้ง และเริ่มปฏิบัติการณ์ทดสอบท่าทางใหม่ๆ
ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้ หลังจากสำเร็จขั้นอวี้แล้วอวี้เฟยเยียนก็ไม่หมดเรี่ยวแรงจนหมดสติอีกต่อไป นั่นทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนพึงพอใจเป็นอย่างมาก!
“แมวน้อยเด็กดี ลืมตามองพี่!”
ซย่าโหวฉิงเทียนชื่นชอบท่า ‘กวนอิมนั่งดอกบัว’ เป็นที่สุดเพราะในท่านี้ทำให้เขาและนางสามารถมองเห็นกันและกันได้อย่างชัดเจน
“เด็กดี——” เขางับที่ริมฝีปากของนาง เอ่ยเสียงเรียบ
“มองพี่!”
ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ไม่——”
ผิวพรรณที่ขาวผ่องของอวี้เฟยเยียนแดงระเรื่อไปทั่ว ดวงหน้าน้อยที่แดงราวลูกตำลึงสุกของนางเอียงหลบไปอีกด้าน ปิดเปลือกตาแน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินยอมทำตามที่ซย่าโหวฉิงเทียนร้องขอ
อย่าให้นางต้องอายไปมากกว่านี้เลยได้ไหมเล่า?
“แมวน้อย เจ้าชักดื้อแล้วนะ!”
วิธีการลงโทษของซย่าโหวฉิงเทียนทำให้เสียงสบถของนางกลายเป็นครางกระเส่า
คนร้ายกาจ!
จนสุดท้ายอวี้เฟยเยียนต้องลืมตาขึ้น นางถลึงตาจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนด้วยความโกรธเคือง ทว่ากลับได้พบสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องมีเลศนัยของเขาแทน
“ใช่แล้ว มองพี่อย่างนี้แหละ! ดวงตาของเจ้าช่างงดงามยิ่งนัก!”
ซย่าโหวฉิงเทียนทอดถอนใจเบาๆ ความรักทั้งหมดที่เขามีต่อนางแปรเปลี่ยนกลายเป็นเพลิงรักที่แสนเร่าร้อน แผดเผาอวี้เฟยเยียน
“ท่าน…”
อวี้เฟยเยียนดวงตาพร่าเลือนลุ่มหลง แก้มทั้งสองข้างยิ่งแดงก่ำมากยิ่งขึ้นราวกับลูกท้อสุกยามฟดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน
นางอยากจะเอ่ยออกไปหนักว่า ซย่าโหวฉิงเทียนคนเจ้าเล่ห์ แต่ใครจะคาดคิดหลังจากที่ถูกซย่าโหวฉิงเทียนรังแกเข้าให้แล้ว สุดท้ายอวี้เฟยเยียนจึงทำได้เพียงสะอึกสะอื้นอ้อนวอนให้เขาปล่อยนางเสียที
เพียงแต่ว่าในท้ายที่สุดการอ้อนวอนขอร้องของนางราวกับกรงเล็บของเจ้าแมวน้อยก็ไม่ปาน มีแต่ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนยิ่งจักกะจี้มากยิ่งขึ้น ทั้งสองมีความสุขร่วมกันจวบจนกระทั่งฟ้าสางทุกอย่างจึงได้สงบลง
“เป็นอย่างที่พี่คิดเอาไว้ ต้องรอให้เจ้าสำเร็จขั้นถึงจะได้!”
หลังจากที่จัดการอาบน้ำแต่งตัวให้กับอวี้เฟยเยียนแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนกกกอดนางนอนหลับไปด้วยความอิ่มเอมใจ
คราวนี้ซย่าโหวฉิงเทียนรู้ซึ้งถึงข้อดีของการสำเร็จขั้นอย่างถ่องแท้ ดังนั้นจึงยิ่งจะสนับสนุนกระตุ้นให้อวี้เฟยเยียนหมั่นฝึกปรือให้มากยิ่งขึ้น
เพราะว่า ยิ่งนางสำเร็จขั้นสูงขึ้นมากเท่าไหร่ คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือตัวเขา
จะมีประโยชน์หรือไม่ ลองใช้เดี๋ยวก็รู้!
ส่วนอวี้เฟยเยียนก็ขี้เกียจจะสนใจซย่าโหวฉิงเทียนอีกต่อไป หากนางรู้แต่แรกว่าเขาเป็นหมาป่าผู้หิวกระหายละโมบโลบมากเช่นนี้ คืนเข้าหอนางจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!
มีเครื่องมืออะไรไหม นางต้องการจะย้อนเวลากลับไปยังคืนร่วมหออีกครั้ง แล้วปฏิเสธจอมลามกผู้เอาแต่ใจคนนี้เสีย!
นางเสียใจภายหลังแล้วจริงๆ!
ในขณะที่หนุ่มสาวกำลังแสดงความรักต่อกันและกันอยู่นั่นเอง หนานกงจื่อหลิงก็ตาบวมเดินเข้ามา บอกว่าจะกลับเมื่องอู๋โยว
เนื่องจากเกรงว่าจะนำความเดือดเนื้อร้อนใจมาให้กับซย่าโหวฉิงเทียน ดังนั้นในระยะนี้หนานกงจื่อหลิงจึงไปอยู่กับตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยที่จวนสกุลเหลียนชั่วคราว ใครจะคาดคิดว่าวันนี้โยวเอ๋อร์จะมาตามถึงที่
“นี่คือนิ้วมือของท่านแม่!”
หนานกงจื่อหลิงร้องห่มร้องไห้เสียงกระซิกอย่างน่าสงสารในขณะที่หยิบเอากล่อบใบน้อยที่ด้านในบรรจุนิ้วมือมนุษย์เอาไว้
“พี่ใหญ่ ท่านแม่เกิดเรื่องแล้ว ข้าต้องรีบกลับไป!”
หนานกงจื่อหลิงที่เดิมทีเตรียมการจะกลับไปหลังจากผ่านพ้นช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ไปแล้ว แต่ดันเกิดเรื่องขึ้นกับซย่าจื่ออวี้ นางจึงต้องรีบกลับไปในตอนนี้เลย
ไม่ว่าจะอย่างไร ซย่าจื่อวี้ก็เป็นมารดาบังเกิดเกล้าของนาง เลี้ยงดูนางมาตั้งหลายปี
หากไม่มีเรื่องของหนานกงเช่อละก็ ซย่าจื่ออวี้ก็นับว่าเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่ง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? หลิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป ค่อยๆเล่ามานะ!”
อวี้เฟยเหยียนเหลือบมองซย่าโหวฉิงเทียนครู่หนึ่ง แล้วจึงประคองหนานกงจื่อหลิงเข้ามานั่ง จากนั้นก็รินน้ำอุ่นส่งให้นางหนึ่งแก้ว
หลังจากได้ฟังหนานกงจื่อหลิงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยละเอียดแล้ว อวี้เฟยเยียนก็ค้นพบสิ่งใหม่ในตัวผู้หญิงที่ชื่อซย่าจื่ออวี้
นางเป็นบ้าไปแล้ว!
สังหารหญิงตั้งครรภ์ ทั้งยังควักหัวใจของทารกน้อยออกมา คนเช่นนี้ไม่สมควรจะเรียกว่าเป็นคนแล้ว!
เห็นทีว่า ขอเพียงเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับหนานกงเช่อเท่านั้น ก็สามารถทำให้ซย่าจื่ออวี้สูญสิ้นซึ่งสติและความรู้ผิดชอบชั่วดีไปจนหมดได้
ซย่าโหวฉิงเทียนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องของซย่าจื่ออวี้แม้แต่น้อย แต่การที่หนานกงจื่อหลิงจะกลับเมืองอู๋โยว ทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง
“รอให้ผ่านเทศกาลขึ้นปีใหม่ไปเสียก่อน พี่กับแมวน้อยจะกลับไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย!”
นี่เป็นความตั้งใจเดิมของซย่าโหวฉิงเทียนอยู่แล้ว ที่จะอยู่เฉลิมฉลองพร้อมกับซย่าโหวจวินอวี่ในช่วงปีใหม่เสียก่อน แล้วจึงกลับไปยังเมืองอู๋โยวพร้อมกับแมวน้อย