ตอนที่ 122-2 คิดจะรังแกข้า? ข้ามีผู้ช่วย

จำนนรักชายาตัวร้าย

“พี่ใหญ่ ข้ารู้ดีว่าพี่หวังดีกับข้า แต่ไม่ว่าจะอย่างไรท่านแม่ก็เป็นแม่บังเกิดเกล้าของข้า อีกทั้งท่านแม่ก็ดีกับข้ายิ่งนัก! ตอนนี้ท่านแม่กำลังลำบาก! ข้ามิอาจนิ่งดูดายได้!”

 

 

“และแม้ว่าการกระทำของท่านแม่จะโหดเ**้ยมเลวร้ายยิ่งนัก แต่จะให้ข้าทนเห็นนางต้องตายไปต่อหน้าต่อตา ข้าทำไม่ได้!”

 

 

ดวงตาทั้งสองข้างของหนานกงจื่อหลิงบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ซึ่งอวี้เฟยเยียนก็รู้สึกเห็นใจหนานกงจื่อหลิงยิ่งนัก

 

 

ฟ้าลิขิตให้ต้องมีแม่บังเกิดเกล้าที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี โหดเ**้ยมอำมหิตเช่นนี้ หนานกงจื่อหลิงต้องลำบากใจสักเพียงไหนกัน

 

 

“พี่จะให้คนไปเป็นเพื่อนเจ้า!”

 

 

มารยาของซย่าจื่ออวี้ ซย่าโหวฉิงเทียนเคยเห็นมาแล้ว

 

 

ความผูกพันฉันท์แม่ลูกของเขาและนาง ถูกซย่าจื่ออวี้ทำลายลงจนหมดสิ้นไปตั้งนานแล้ว

 

 

เมื่อเห็นว่าหนานกงจื่อหลิงดึงดันจะกลับเมืองอู๋โยวให้ได้ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงเสนอว่าจะให้เสวี่ยเยี่ยนไปเป็นเพื่อนนาง

 

 

“ไม่ต้องหรอกค่ะ!”

 

 

หนานกงจื่อหลิงส่ายหน้าเบาๆปฏิเสธข้อเสนอของซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

“โยวเอ๋อร์คือบ่าวคู่ใจของท่านแม่ นางไม่มีวันโกหกข้าหรอก อีกอย่างข้าไม่อยากให้พวกเขาล่วงรู้ร่องรอยของพี่ใหญ่ หากว่ามีคนสะกดรอยตามเสวี่ยเยี่ยน จนสืบมาถึงพี่ใหญ่จะทำอย่างไร?”

 

 

“ในเมื่อพี่ใหญ่และอาซ้อตั้งใจที่จะเดินทางไปอู๋โยวหลังเทศกาลปีใหม่อยู่แล้ว รอให้พวกท่านไปถึงค่อยติดต่อกับข้าก็ยังไม่สาย!”

 

 

ในเวลาเช่นนี้หนานกงจื่อหลิงยังไม่ลืมที่จะปกป้องซย่าโหวฉิงเทียน ทำให้อวี้เฟยเยียนยิ่งรู้สึกว่าแม่นางน้อยผู้นี้ช่างทำให้คนยิ่งหลงรัก

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ทว่าก็ยังยืนยันที่จะทำตามในสิ่งที่ตนเองตัดสินใจ

 

 

“ให้เสวี่ยเยี่ยนคอยติดตามแอบคุ้มครองเจ้าจนกลับถึงสกุลหนานกง เมื่อเจ้าถึงที่นั่นอย่างปลอดภัยแล้วค่อยให้เสวี่ยเยี่ยนกลับมา”

 

 

ด้วยรู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนถอยจนสุดทางแล้ว หนานกงจื่อหลิงจึงได้ยินยอมรับปาก

 

 

ในวันที่หนานกงจื่อหลิงออกเดินทางกลับไปนั้น มีหิมะตกครั้งใหญ่

 

 

ผู้ที่มาส่งหนานกงจือหลิงกลับอู๋โยวนั้น นอกจากซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนแล้ว ยังมีตี้อู่เฮ่ออี้ เชียนเย่เสวี่ย เหลียนจิ่น และโม่ซางต่างก็มาส่งหนานกงจื่อหลิงด้วย

 

 

“ส่งไกลนับพันลี้ อย่างไรก็ต้องจากกันอยู่ดี! พวกท่านกลับไปเถอะ!”

 

 

หนานกงจื่อหลิงยิ้มให้กับทุกคน

 

 

การที่นางออกมาในครั้งนี้ได้พบผู้คนมากมาย ได้เผชิญเรื่องราว ได้รู้จักมิตรสหายมากมาย ที่สำคัญนางได้รับอะไรกลับไปมากมาย

 

 

“หลิงเอ๋อร์ รักษาตัวด้วยนะ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกุมมือหนานกงจื่อหลิงเอาไว้

 

 

“อื้ม!”

 

 

หนานกงจื่อหลิงยิ้ม ทว่าดวงตากลับเอ่อล้นดวงตาทั้งสองข้าง

 

 

โยวเอ๋อร์ที่ยืนคอยอยู่ข้างๆ มองสำรวจผู้ที่มาส่งหนานกงจื่อหลิงในครั้งนี้โดยตลอด

 

 

เดิมทีโยวเอ๋อร์คิดไปว่าหนานกงจื่อหลิงตามหาเจ้าปีศาจน้อยเจอแล้วเสียอีก ใครจะคาดคิดว่าหนานกงจื่อหลิงมาเที่ยวเล่นที่แผ่นดินหลัวอวี่นี้ตั้งนาน ไม่เพียงแต่ตามหาเจ้าปีศาจน้อยไม่พบ ทั้งยังคบพวกคนชั้นต่ำพวกนี้เป็นเพื่อนอีกด้วย

 

 

ดึงตนให้ตกต่ำ…จริงๆเลย!

 

 

แม้ว่าชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มนี้จะแลดูท่าทางน่าคบหาก็ตาม แต่ว่า สถานที่ของคนชั้นต่ำจะก่อกำเนิดยอดคนได้อย่างไร!

 

 

โยวเอ๋อร์ดูถูกดูแคลนสหายของหนานกงจื่อหลิงยิ่งนัก

 

 

ซึ่งในตอนที่เหลือบมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนนั้น วูบหนึ่งดวงตาของโยวเอ๋อร์สว่างวาว

 

 

ชายหนุ่มผู้นี้คือพี่ใหญ่ที่สาบานเป็นพี่น้องกับคุณหนูใหญ่ ทั้งเขายังเป็นถึงอ๋องอีกด้วย

 

 

ดูจากลักษณะท่าทางแล้ว หากไปอยู่ที่เมืองอู๋โยวเขาสามารถเป็นถึงลูกท่านหลานเธอของตระกูลใหญ่ๆได้เลยทีเดียว แต่น่าเสียดาย เกิดเป็นคนบนแผ่นดินชั้นต่ำ แม้จะเป็นถึงอ๋องแห่งอาณาจักต้าโจว แล้วอย่างไรเล่า เพราะหากไปอยู่ที่อู๋โยวละก็ราวกับเป็นตัวอะไรตัวหนึ่งเลยทีเดียว

 

 

“คุณหนูใหญ่ เราต้องออกเดินทางแล้วเจ้าค่ะ!”

 

 

นี่ก็สายมากแล้ว โยวเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆจึงกระซิบเตือน

 

 

“รู้แล้ว”

 

 

หนานกงจื่อหลิงโบกมืออำลาอกครั้ง แล้วหมุนกายก้าวเท้าขึ้นรถม้า

 

 

ด้วยเกรงว่าโยวเอ๋อร์จะจับพิรุธได้ หนานกงจื่อหลิงจึงไม่ได้แสดงออกถึงความผูกพันกับซย่าโหวฉิงเทียนออกมาเป็นพิเศษ

 

 

“พี่ใหญ่ รักษาตัวด้วย อาซ้อ รักษาตัวด้วย!”

 

 

เมื่อผ้าม่านของรถม้าร่นปิดลง หนานกงจื่อหลิงก็ขยับปากแต่ไร้เสียง

 

 

หากมิใช่ซย่าจื่ออวี้เกิดเรื่องละก็ นางไม่อยากที่จะไปจากที่นี่ด้วยซ้ำ!

 

 

ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับมิตรสหายเหล่านี้ หนานกงจื่อหลิงรู้สึกได้ถึงความสุขและอิสระเสรีที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณหนูตระกูลผู้ดีที่เกิดมาบนกองเงินกองทองเช่นนางไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลย

 

 

น่าเสียดาย ที่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะแสนสั้นเสมอ!

 

 

“คุณหนูใหญ่ เรื่องที่ท่านคบค้ากับพวกคนชั้นต่ำ อย่าได้บอกให้นายท่านรู้เป็นเด็ดขาดนะเจ้าคะ เพราะนายท่านจะต้องโกรธเกรี้ยวมากเป็นแน่!”

 

 

โยวเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง มองมาที่หนานกงจื่อหลิง

 

 

“หุบปากนะ!”

 

 

“พวกเขาคือเพื่อนของข้า!”

 

 

“ขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวปากมากเอง”

 

 

โยวเอ๋อร์รับใช้อยู่ข้างกายซย่าจื่ออวี้มาเป็นเวลานาน ทั้งยังเป็นบ่าวผู้รู้ใจ ดังนั้นโยวเอ๋อร์จึงรู้หลักในการดำรงอยู่ด้วยการจับสังเกตตามสถานการณ์เป็นอย่างดี

 

 

หนานกงจื่อหลิงคือนาย ตัวนางเป็นบ่าว คุณหนูใหญ่จะคบค้ากับใคร เป็นเพื่อนกับใครไม่ใช่เรื่องของนางสักนิด ตรงกันข้ามเพียงแต่ตามหาหนานกงจื่อหลิงเจอ แล้วพานางกลับจวนสกุลหนานกงได้ หน้าที่ของนางก็สำเร็จลุล่วงแล้ว

 

 

มองดูรถม้าแล่นไกลออกไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายหายไปท่ามกลางหมู่มวลหิมะ ทุกคนก็เตรียมที่จะกลับจวน

 

 

ทันใดนั้น ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ทำจมูกฟุดๆฟิดๆ จนกระทั่งแน่ใจที่มาของกลิ่นหอมของดอกไม้นั้นแล้ว เขาก็มองไปที่อวี้เฟยเยียนด้วยสายตาคาดไม่ถึง

 

 

“แม่นางอวี้ เจ้า…”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออวี้เกิดความสงสัยมากมายในใจ

 

 

อวี้เฟยเยียนมีกลิ่นหอมของดอกไอริสกำจรออกมาจากกาย กลิ่นหอมนี้หาใช่มากจากเครื่องหอมที่ถูกปรุงแต่งขึ้นไม่ ตรงกันข้ามเป็นกลิ่นหอมธรรมชาติของหญิงสาวชาวเผ่าตันต่างหาก!

 

 

นางเป็นใครกันแน่นะ?