อวี้เฟยเยียนรู้มาตั้งนานแล้วว่าจมูกของตี้อู่เฮ่ออี้ไวนัก ในเมื่อเขาล่วงรู้เข้าให้แล้ว อวี้เฟยเยียนจึงเชิญตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยไปที่จวนหลิงเจียงอ๋อง
เมื่อกลับไปถึงจวน อวี้เฟยเยียนจึงค่อยอธิบายความสัมพันธ์ของมารดาบังเกิดเกล้าของนางกับชนเผ่าตันให้คนทั้งสองได้รับรู้ เมื่อได้ยินว่ามารดาของนางมีนามว่าตี้อู่เยียนเอ๋อร์นั่นเอง ก็ทำให้ตี้อู่เฮ่ออี้ตกใจจนต้องถึงตาจ้องมองอวี้เฟยเยียนด้วยอาการคาดไม่ถึง น้ำเสียงเริ่มติดๆขัดๆ
“เจ้าคือลูกสาวของท่านอาน้อย?!”
ตี้อู่เฮ่ออี้สีหน้าตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก ทำให้เชียนเย่เสวี่ยยิ่งสับสน
“ซ่าซ่า เจ้าเป็นญาติกับเจ้าทึ่ม?”
“หากจะพูดให้ถูกต้องละก็ ข้าควรจะเรียกตี้อู่เฮ่ออี้ว่า ‘พี่ชาย’ ”
อวี้เฟยเยียนกล่าวยิ้มๆ
ในตอนแรกที่อวี้เฟยเยียนคิดจะจับคู่ให้กับเชียนเย่เสวี่ย ด้วยการแนะนำนางให้กับอวี้ซิงฉง
นึกไม่ถึงว่าจู่ๆก็มีตี้อู่เฮ่อี้โผล่มา ปลูกต้นรักกับเชียนเย่เสวี่ยทั้งยังคิดที่จะแต่งงานกันอีกด้วย แต่ก็ยังดีที่ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนางเช่นกัน ดังนั้นแต่งกันไปเชียนเย่เสวี่ยก็ยังเป็นคนในครอบครัวของนางอยู่ดี!
“ไม่ๆ ข้าเริ่มสับสนแล้ว ให้ข้าเรียบเรียงสักครู่!”
ตี้อู่เฮ่อี้จ้องมองอวี้เฟยเยียนท่าทางตื่นตระหนก
“เจ้าคือลูกสาวของตี้อู่เยียนเอ๋อร์ คือลูกสาวของท่าอาน้อย เป็นลูกพี่ลูกน้องกับข้า?”
“ใช่นะสิ!”
อวี้ฟยเยียนตอบพร้อมกับรอยยิ้มให้กับตี้อู่เฮ่ออี้
“พี่ชาย ต่อไปขอให้ท่านดูแลข้าด้วยนะ!”
สำหรับตี้อู่เฮ่ออี้ข่าวใหม่นี้ทำให้เขารู้สึกหนักอึ้งในใจไม่น้อยไปกว่าถูกระเบิดลงเลยด้วยซ้ำ
แรกเริ่มเดิมทีเมื่อเขาได้พบกับอวี้เฟยเยียนนั้น ก็มีความรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยกับนางอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งเขาคิดไปเองว่าเป็นเพราะเห็นอกเห็นใจกันนฐานะที่เป็นหมอเหมือนกันเท่านั้น
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นเพราะเขาและนางมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันนั่นเอง!
ตอนที่ตี้อู่เยียนเอ๋อร์ไปจากเผ่าตันนั้น ตี้อู่เฮ่ออี้ยังเล็กนัก เพียงแค่หนึ่งขวบสองขวบเท่านั้นเห็นจะได้ จึงจดจำรูปลักษณ์หน้าตาของนางไม่ได้ เคยได้ยินเพียงผู้อาวุโสในชนเผ่ากล่าวว่าท่านอาน้อยงดงามหยาดฟ้ามาดินเป็นหนึ่งในใต้หล้า และเป็นหญิงที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ที่สูงส่ง
เรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เขาก็ไม่รู้แน่ชัด
แต่ความรู้สึกแรกของตี้อู่เฮ่ออี้กำลังบอกกับเขาว่า ‘อวี้เฟยเยีนไม่ได้โกหก’
มิน่าเล่า วิชาแพทย์ของนางถึงได้สูงส่งเพียงนั้น!
ที่แท้ก็เพราะนางเป็นลูกสาวของท่านอาน้อย เป็นชาวเผ่าตัน นี่เป็นสิ่งที่สืบทอดทางสายเลือดนั่นเอง!
“น้องสาว!”
ตี้อู่เฮ่ออี้จับอวี้เฟยเยียนด้วยความตื่นตระหนก
“ดีจริงๆเลย! หลายปีที่ผ่านมาท่านตา ท่านปู่ ท่านย่ารวมทั้งพ่อของข้าออกติดตามหาท่านอาน้อยมาโดยตลอด ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ แล้วท่านอาน้อยละอยู่ที่ไหน? เจ้าพาข้าไปพบท่านทีได้ไหม?”
เมื่อนึกถึงผู้เป็นปู่เป็นย่าของเขาเป็นท่านตาและท่านยาของนาง ท่านทั้งสองมักจะหน้าตาซีดเซียว ทั้งทอดถอนใจ หลั่งน้ำตาในทุกครั้งที่เอ่ยถึงบุตรสาวที่ท่านรักมากที่สุด ตี้อู่เฮ่ออี้ก็เจ็บปวดทรมานใจยิ่งนัก
“แคก”
เมื่อตี้อู่เฮ่ออี้กล่าวจบ เชียนเย่เสวี่ยดึงเขาให้ห่างออกมาจากอวี้เฟยเยียน ส่วนอวี้เฟยเยียนก็ปลิวเข้าไปในอ้อมอกของซย่าโหวฉิงเทียนในทันที
“เจ้าทึ่ม เจ้านี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลยนะ!”
เมื่อเห็นสีหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวของตี้อู่เฮ่ออี้เช่นนั้น เชียนเย่เสวี่ยก็ถึงกับทอดถอนใจยาว เมื่อครู่ตอนที่ตี้อู่เฮ่ออี้และอวี้เฟยเยียนยอมรับสถานะของกันและกันนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนหน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่ตลอด เห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่ชอบใจที่ลูกพี่ลูกน้องอย่างตี้อู่เฮ่ออี้ที่มาเกาะแกะเมียของเขานะสิ
นี่ตี้อู่เฮ่ออี้ถึงกับจับไม้จับมือ แล้วซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่โกรธได้อย่างไรกัน!
จริงๆหลังจากที่รู้ฐานะของอวี้เฟยเยียนแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้ได้ในทันทีว่าอวี้เฟยเยียนจะต้องเกี่ยวพันทางสายเลือดกับตี้อู่เฮ่ออี้เป็นแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาใครเป็นพี่ใครเป็นน้องเท่านั้นเอง
เมื่อครู่เพียงแค่ได้ยินว่า เป็นลูกพี่ลูกน้องอะไรนั่น ซย่าโหวฉิงเทียนก็หน้าเข้มขึ้นทันที
เผ่าตันเป็นชนเผ่าสายตรงจึงมักจะแต่งงานกันเองในหมู่ลูกพี่ลูกน้องหรือเครือญาติ ยิ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องด้วยแล้วยิ่งมักจะถูกจับคู่กันไปใหญ่
แม้ว่าอวี้เฟยเยียนจะเป็นภรรยาของเขาแล้ว แต่จู่ๆตี้อู่เฮ่ออี้ก็กลายมาเป็นพี่ชายของนางขึ้นมาอีก ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนไม่พอใจเป็นอย่างมาก!
ดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนจึงได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าเขาได้จัดหมวดหมู่ให้กับตี้อู่เฮ่ออี้ว่าเป็นบุคคลอันตรายไปเรียบร้อย!
จะต้องให้แมวน้อยอยู่ห่างจากพี่ชายคนนี้ของนางให้มาก!
“น้องเขย เจ้าปล่อยน้องสาวข้าเถอะ ให้นางพาข้าไปพบท่านอาน้อย!”
ตี้อู่เฮ่ออี้ยังคงไม่เข้าใจสัญญาณที่เชียนเย่เสวี่ยสื่อสารมาให้ แต่ทว่าคำเรียก ‘น้องเขย’ จากปากของตี้อู่เฮ่ออี้ทำให้สีหน้าของซย่าโหวฉิงเทียนดูดีขึ้นทันตา
ยังดีที่คงสติเอาไว้ได้! ไม่ทึ่มมากเท่าไหร่!
ซย่าโหวฉิงเทียนได้ยินคำเรียกเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจประมาณหนึ่ง
“พี่ชาย ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน ท่านแม่และท่านพ่อของข้าหายสาบสูญไปเกือบจะสิบหกปีแล้ว”
อวี้เฟยเยียนรู้ดีว่าพูดแล้วเรื่องมันยาว ดังนั้นจึงชักชวนตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยให้อยู่กินข้าวด้วยกันที่จวนหลินเจียงอ๋อง แล้วจึงค่อยๆเล่าเรื่องทุกอย่างที่นางรู้ให้พวกเขาได้ฟัง
เมื่อรับรู้ถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมด ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ถึงกับกำหมัดแน่นแล้วทุบลงไปบนโต๊ะ
ท่านปู่และท่านย่าไม่มีวันทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน พวกเขาออกจะรักท่านอาน้อยนะสิไม่ว่า!
ฟังจากสิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออี้อธิบาย อวี้เฟยเยียนถึงได้เข้าใจเสียที ผู้อาวุโสแห่งเผ่าตัน หรือก็คือท่านปู่และท่านย่าของมีลูกชายทั้งหมดสามคนและลูกสาวหนึ่งคน ตี้อู่เยียนเอ๋อร์คือลูกสาวคนสุดท้อง เป็นลูกสาวที่เกิดมาเมื่อครั้งที่ผู้อาวุโสทั้งสองอายุถึงสี่สิบปีเข้าไปแล้ว ซึ่งผู้เฒ่าทั้งสองก็รักนางปานแก้วตาดวงใจ
“เช่นนี้ข้าก็มีท่านลุงสามคนนะสิ!”
“อื้ม!”
ตี้อู่เฮ่ออี้พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“ท่านพ่อของข้าคือลุงสามของเจ้า!”
“น้องพี่ เจ้ากลับเผ่าตันกับข้าเถิด! ท่านปู่ท่านย่าหากได้พบเจ้าจะต้องดีใจมากเป็นแน่ ยังมีท่านลุงรองและท่านพ่อของข้า พวกเขาก็ต้องดีใจมากเช่นกัน!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ทำท่าทำทางน่ามีลับลมคมนัย
“แล้วเจ้าก็ยังมีพี่ชายอีกหกคนเชียวนะ!”
คราวนี้ซย่าโหวฉิงเทียนใจเย็นต่อไปไม่ไหวอีกต่อไป
พูดก็พูดไปสิ ทำไมต้องทำสีหน้าแววตาเช่นนี้ด้วย?
“แล้วพี่สาวน้องสาวละ?”
อวี้เฟยเยียนไม่ได้สนใจอากัปกริยาของซย่าโหวฉิงเทียนแต่อย่างใด นางยังคงกล่าวถามต่อด้วยความอยากรู้
“ไม่มี”
ตี้อู่เฮ่ออี้หัวเราะชอบใจ
“ดังนั้นน้องพี่ เจ้าคือหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว กลับไปท่านปู่ท่านย่าจะต้องรักเอาใจเจ้าที่สุดอย่างแน่นอน!”
“จริงเหรอ!”
ได้ยินตี้อู่เฮ่ออี้กล่าวเช่นนั้น ก็ทำให้อวี้เฟยเยียนอยากจะไปที่เผ่าตันขึ้นมาในทันที
นางกระทุ้งศอกไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนเบาๆ
“เห็นหรือยัง! ครอบครัวของข้ามีท่านลุงและพี่ชายตั้งมากมาย หากท่านรังแกข้าละก็ ข้ามีผู้ช่วยนะ!”