ตอนที่ 123-1 ก้าวย่างสู่การเดินทางครั้งใหม่

จำนนรักชายาตัวร้าย

“พี่ไม่มีทางทำร้ายเจ้า!”

 

 

เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของอวี้เฟยเยียนแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนจึงได้เดินเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของนาง เสียงต่ำราบเรียบว่า

 

 

“นอกเสียจากอยู่บนเตียง! แต่หากว่าเจ้ายินดีจะไปฟ้องละก็ พี่ก็น้อมรับการลงโทษ!”

 

 

หน้าไม่อาย!

 

 

อวี้เฟยเยียนส่งค้อนวงใหญ่ให้กับซย่าโหวฉิงเทียนแล้วสบถออกมาเบาๆ หลายวันมานี้ นางเคยชินเสียแล้วกับความหน้าไม่อายของซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

เพราะหลังจากที่แต่งงาน ความยับยั้งชั่งใจของเขาก็ไม่มีหลงเหลืออยู่เลย!

 

 

“น้องเขย นี่เจ้ารังแกน้องสาวข้าจริงๆหรือนี่! บรรดาพี่ชายของข้าทั้งหลายอาจจะสู้เจ้าไม่ได้ แต่เรื่องวางยาพิษพวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น”

 

 

เมื่อเขาและอวี้เฟยเยียนต่างก็เปิดเผยฐานะว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันแล้ว ตี้อู่เฮ่ออี้ก็รีบวางมาดของความเป็นพี่ชายทันที

 

 

พี่น้องผู้ชายในบ้านมีมากเพียงพออยู่แล้ว บัดนี้มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นสาวน้อยคนสวยอัธยาศัยดีเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แน่นอนว่านางย่อมต้องเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนอย่างแน่นอน

 

 

“ข้ารู้ดี”

 

 

เผชิญหน้ากับพี่ชายของภรรยาเข้า ซย่าโหวฉิงเทียนจากเดิมที่ไม่เคยออมมือแม้กระทั่งกับคนกันเองก็ตาม แต่คราวนี้กลับต้องยอมลงให้เสียบ้างเช่นกัน

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้ปกป้องนางถึงเพียงนี้ ทำให้อวี้เฟยเยียนปลื้มใจเป็นอย่างมาก

 

 

ได้ยินมานานว่าชาวเผ่าตันรักพวกพ้องยิ่งนัก วันนี้ได้มาเห็นก็เป็นความจริงอย่างที่ว่าเอาไว้ไม่ผิด

 

 

“พี่ชาย ท่านเป็นหลานคนที่เท่าไหร่ของบ้านหรือคะ?”

 

 

อวี้เฟยเยียนเอ่ยถามขึ้นด้วยความสนใจใคร่รู้

 

 

“คนที่หกนะ” ตี้อู่เฮ่ออี้กล่าวตอบพร้อมกับรอยยิ้ม

 

 

ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่เลยว่า คราวนี้ที่แอบหนีออกมากลับไปจะแก้ตัวอย่างไร นี่เป็นโอกาสดี เพราะเขากลับได้เจอลูกสาวของท่านอาน้อยเสียนี่

 

 

ขอเพียงเขาพาอวี้เฟยเยียนกลับไปได้ ก็เท่ากับได้ทำคุณไถ่โทษ

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ตี้อู่เฮ่ออี้จึงรีบเชื้อเชิญอวี้เฟยเยียนและซย่าโหวฉิงเทียนให้เดินทางไปยังเผ่าตันซ้ายกลับเขาอย่างสุดฤทธิ์

 

 

มีน้องสาวไปด้วย ท่านปู่ท่านพ่อคงจะเมตตาเขาอยู่บ้างสิน่า!

 

 

“ฉิงเทียน เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?” อวี้เฟยเยียนเอ่ยถามความคิดเห็นของซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

นางไม่เคยไปที่เมืองอู๋โยวมาก่อน หากว่าหลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่นางคิดจะเดินทางไปที่นั่นพร้อมกับซย่าโหวฉิงเทียนละก็ นางก็ต้องถามเขาเสียก่อนว่ามีแผนการอะไรอย่างอื่นหรือไม่

 

 

ส่วนซย่าโหวฉิงเทียน หลังจากที่รู้ว่าตี้อู่เฮ่ออี้คือท่านลุงน้อยของอวี้เฟยเยียนแล้ว เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่เผ่าตันซ้ายแห่งเมืองอู๋โยวพร้อมกับอวี้เฟยเยียนเพื่อไปทำความรู้จักกับญาติพี่น้องของนาง

 

 

ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็คิดว่าอวี้เฟยเยียนควรจะไปเยี่ยมบ้านญาติทางฝ่ายมารดาบ้าง

 

 

เมื่อรู้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนยินยอมที่จะไปที่ฝ่ายตันซ้ายด้วยกัน ทำให้ตี้อู่เฮ่ออี้ดีใจเป็นอย่างมาก

 

 

“เช่นนั้นน้องเขย ตกลงตามนี้นะ!”

 

 

สบอากาสที่ตี้อู่เฮ่ออี้กำลังดีใจ อวี้เฟยเยียนจึงเบี่ยงหัวข้อสนทนาไปที่เชียนเย่เสวี่ยทันที

 

 

“พี่ชาย คราวนี้ ท่านจะพาเสวี่ยกลับไปด้วยไหม?”

 

 

คำถามนี้ไม่เพียงแต่อวี้เฟยเยียนเท่านั้นที่อยากรู้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เชียนเย่เสวี่ยต้องการจะรู้เช่นเดียวกัน

 

 

“พาไปสิ!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้ใบหน้าแดงก่ำขณะที่มองไปที่เชียนเย่เสวี่ย

 

 

“บ้านของข้าก็คือบ้านของเจ้า ข้าจะต้องพาเจ้ากลับไปด้วยอยู่แล้ว!”

 

 

“เจ้าว่าอย่างไรข้าก็ว่าตามกัน!”

 

 

ลูกสะใภ้จะได้พบพ่อแม่สามีทั้งที ทำเอาเชียนเย่เสวี่ยถึงกับออกอาการเขินอายอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่คำพูดของตี้อู่เฮ่ออี้ทำให้นางมั่นใจ

 

 

เพราะไม่ว่านางและเขาจะใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีและมีความสุขเพียงใดบนแผ่นดินหลัวอวี่นี่ สักวันหนึ่งก็ต้องกลับหาพ่อแม่ของเขาที่เมืองอู๋โยวอยู่ดี

 

 

“แต่ข้าได้ยินมาว่า ชาวเผ่าตันสายตรงจะอนุญาตให้แต่งงานกับคนในชนเผ่าเท่านั้น พี่ เรื่องนี้จะมีปัญหาอะไรไหม?”

 

 

อวี้เฟยเยียนได้เอ่นในสิ่งที่เชียนเย่เสวี่ยกำลังเป็นกังวลใจออกมา

 

 

“นั่นมันเป็นเพียงข่าวที่เขาเที่ยวเอาไปลือแบบผิดๆนะสิ!”

 

 

ด้วยเกรงว่าเชียนเย่เสวี่ยจะเข้าใจผิด ตี้อู่เฮ่ออี้จึงรีบอธิบายทันทีว่า

 

 

“นั่นเป็นเพราะชาวเผ่าตันสายตรงสืบทอดวิชาความรู้ซึ่งเป็นหัวใจแห่งวิชาแพทย์ของเผาตันเอาไว้ ดังนั้นปกติแล้วจึงจะไม่แต่งงานออกไปหรือแต่งบุคคลภายนอกเข้ามา”

 

 

เพราะเคยมีคนใช้การแต่งงานเพื่อช่วงชิงวิชาแพทย์แห่งเผ่าตันไป ในตอนนั้นหัวหน้าเผ่าจึงปฏิเสธออกไปทั้งที่ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น ภายหลังจึงกลายเป็นความเคยชินขึ้นมาว่า ลูกหลานชาวเผ่าตันไม่ว่าหญิงหรือชายมักจะแต่งงานกับคนในชนเผ่าเอง

 

 

“เช่นนั้นความหมายของเจ้าก็คือ เจ้ายังคงจะหาหญิงสาวชาวเผ่าตันมาแต่งงานด้วยอย่างนั้นสิ?”

 

 

เชียนเย่เสวี่ยเลิกคิ้วถามขึ้น สีหน้าเริ่มโกรธเคืองขึ้นมาเป็นริ้วๆ

 

 

“ไม่นะ ข้ามีเจ้าแล้วทั้งคน แล้วจะไปหาคนอื่นอีกได้อย่างไรกัน!”

 

 

เห็นเชียนเย่เสี่ยท่าทางโกรธเคือง ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ร้อนใจจนใบหน้าแดงระเรื่อ

 

 

“ขอเพียงแต่ เจ้ายินดีที่จะใช้ชีวิตร่วมกันกับข้า”

 

 

เอ่ยถึงตรงนี้ ใบหน้าเรียวงามสดใสของตี้อู่เฮ่ออี้ก็เริ่มแดงก่ำ

 

 

“โอ้ว——”

 

 

มองดูท่าทางร้อนอกร้อนใจของตี้อู่เฮ่ออี้ แล้วค่อยเหลือบมองสีหน้าเขินอายของเชียนเย่เสวี่ย อวี้เฟยเยียนถึงได้เข้าใจกระจ่างชัดแจ่มแจ้ง

 

 

“พี่ชาย นี่ท่านกำลังขอเสวี่ยแต่งงานใช่ไหม?”

 

 

“ข้า ข้า…”

 

 

โดนอวี้เฟยเยียนล้อเลียนเข้าให้ ทำเอาตี้อู่เฮ่ออี้ถึงกับติดอ่างขึ้นมาทันที

 

 

“ลูกผู้ชายก็กล้าๆหน่อยเอ่ยตรงๆไปเลย!”

 

 

เมื่อครู่ถูกท่านลุงน้อยของภรรยากระข่มขู่ ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนขุ่นเคืองใจอยู่ไม่น้อย ตอนนี้จึงแสดงออมาอย่างชัดเจน

 

 

ได้ซย่าโหวฉิงเทียนกระตุ้นเข้า ในที่สุดตี้อู่เฮ่ออี้ก็รวบรวมความกล้า กุมมือทั้งสองข้างของเชียนเย่เสวี่ยขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำของตน

 

 

“เสวี่ย เจ้ายินดีที่เป็นเจ้าสาวของข้าหรือไม่?”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้โตมาจนถึงป่านนี้ เคยทำเรื่องบ้าบิ่นอยู่สองเรื่อง

 

 

เรื่องแรก ก็คือทิ้งจดหมายลาเอาไว้แล้วแอบหลบหนีออกมาจากชนเผ่า เรื่องที่สอง ก็คือในเวลานี้ที่กล้าขอเชียนเย่เสวี่ยแต่งงานโดยมีซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนเป็นประจักษ์พยาน

 

 

คราวนี้ ทำเอาหญิงแกร่งในสายตาทุกคนเช่นเชียนเย่เสวี่ยถึงกับหน้าแดงทันที

 

 

“ข้ายังต้องขอคิดดูก่อน!”

 

 

รู้สึกตื่นเต้นจนฝ่ามือชุ่มเหงื่อ เชียนเย่เสวี่ยจึงคิดที่จะดึงมือกลับ

 

 

ใครจะคาดคิดว่าคราวนี้ตี้อู่เฮ่ออี้กุมมือของนางเอาไว้แน่น เพราะจะไม่ให้เชียนเย่เสวี่ยหลบหนีไปไหนได้

 

 

“เจ้ายังต้องคิดอะไรอีก? หรือว่าเจ้าไม่ชอบข้า? หรือว่าข้าดีกับเจ้าไม่มากพอ? หือว่าเจ้ารังเกียจที่วรยุทธ์ของข้าต่ำกว่าเจ้า?”

 

 

ได้ยินชียนเย่เสวี่ยพูดเช่นนั้น ทำให้ตี้อู่เฮ่ออี้ร้อนใจขึ้นมาในทันทีจนถึงกับมีเหงื่อผุดขึ้นมาที่หน้าผากเป็นหย่อมๆ

 

 

ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ เชียนเย่เสวี่ยก็ยิ่งหน้าแดงมากขึ้นไปอีก

 

 

ทั้งสองคน คนหนึ่งก็คอยซักถามรัวๆ ส่วนอีกคนก็เอาแต่เงียบไม่ยอมตอบ เห็นทีคนข้างๆอย่างอวี้เฟยเยียนต้องสงเคราะห์เสียหน่อยแล้ว

 

 

“เสวี่ย เจ้าก็มาเป็นท่านป้าน้อยของเถอะ! เรือล่มในหนองทองจะไปไหนไงเล่า!”

 

 

อวี้เฟยเยียนมองออก ไม่ว่าจะเป็นหญิงที่แข็งแกร่งสักเพียงไหน แต่เมื่อถูกขอแต่งงานเข้าก็มักจะตอบรับด้วยอาการขวยเขินเอียงอายจนน่าทะนุถนอมไปเสียทุกราย

 

 

เห็นอวี้เฟยเยียนคอยช่วยเหลือตน ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก

 

 

ที่เขาได้ลงเอยกับเชียนเย่เสวี่ย อวี้เฟยเยียนมีความดีความชอบไม่น้อย

 

 

“เสวี่ย ข้าจะดีกับเจ้าให้มาก!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้ไม่เคยสารภาพรักกับหญิงใดมาก่อน จึงมิอาจหยิบยกใครมาเป็นตัวอย่างได้

 

 

สุดท้าย เขาจึงใช้ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นตัวอย่าง

 

 

“ข้าจะดีกับเจ้า ให้มากกว่าที่น้องเขยดีกับน้องสาวเสียอีก”

 

 

หา!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนได้ฟังก็ชักจะไม่สบอารมณ์เสียแล้ว

 

 

“เจ้ามันเทียบอะไรข้าไม่ได้อยู่แล้ว!”

 

 

เพราะมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขากับแมวน้อยน้อยรักกันอย่างลึกซึ้ง เขาดีกับแมวน้อยมากกว่า! มากกว่าเสียจนเจ้าทึ่มนี่จะยกเอามาเปรียบกับตนเองได้!

 

 

ถึงตอนนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนกลับจริงจังขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทำให้อวี้เฟยเยียนต้องปรามเขาลง

 

 

ภารกิจเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก็คือจับคู่ตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยให้จงได้ ซึ่งมันจะสำเร็จได้ก็ต้องให้ตี้อู่เฮ่ออี้แสดงท่าทีออกมาให้ชัดเจน ให้พวกเขาแน่ใจในกันและกัน

 

 

เมื่อมีคำสัญญาของตี้อู่เฮ่ออี้ในวันนี้แล้ว วันหน้าเมื่อไปถึงเผ่าตันซ้าย ต่อให้ความรักของพวกเขาต้องมีอุปสรรคมาแผ่วพานบ้าง ก็มิอาจทำให้ความรักของพวกเขาสั่นคลอนได้

 

 

“ข้าเต็มใจ” น้ำเสียงรับปากของเชียนเย่เสวี่ยเบาหวิวราวกับยุงตอดอย่างไรอย่างนั้น

 

 

มองดูรอยยิ้มที่ปลื้มปริ่มของตี้อู่เฮ่ออี้ก็ทำให้อวี้เฟยเยียนที่อยู่ด้านข้างร้อนใจยิ่งนัก

 

 

ท่านลุงน้อยของเข้าเป็นจอมทึ่มของจอมทึ่มจริงๆ ในเวลาอย่างนี้จะต้องพายเรือตามน้ำรุกให้ถึงที่สุดสิถึงจะถูก!

 

 

“พูดเสียงดังหน่อย! เจ้าพูดเบาเกินไป ข้าไม่ได้ยิน!”

 

 

ด้วยรู้ว่าตี้อู่เฮ่ออี้เป็นพวกซื่อตรง อวี้เฟยเยียนจึงต้องสลัดความเป็นเพื่อนซี้ที่แสนสนิทสนมกับเชียนเย่เสวี่ยทิ้งไป แล้วร้องกระตุ้นขึ้นมา

 

 

น้องสาวถึงกับกรุยทางให้ถึงเพียงนี้แล้ว ตี้อู่เฮ่ออี้จึงมองไปที่เชียนเย่เสวี่ยอย่างคาดหวัง