เมื่อเห็นหลิน ชูจิ่ว ไม่ได้ขยับ ซุยฉีและฉิวฉี ก็ช่วยไม่ได้ที่จะเตือนนางขึ้น “หวาง หวางเฟย เราควรจะเข้าไปข้างในนะเจ้าค่ะ” เมื่อพวกเขาเข้าไป หลิน ชูจิ่ว ก็ไม่ได้กล่าวถึงปัญหานี้อีก

       แน่นอนว่าหลิน ชูจิ่ว จะไม่โกรธ เธออาจเข้ามาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่สามารถกลับไปที่จวนจื่อได้ อย่างไรก็ตาม เธอจะรอให้องค์หญิงฟูอานมาขอโทษเธอก่อนที่เธอจะไป

       เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้รอหลิน ชูจิ่ว หรือกลับไปเรือนของหลิน ชูจิ่ว เขาเพียงแค่ตรงไปยังห้องอักษรของเขาที่เรือนใหญ่ซึ่งซูฉาและหลิวไป๋กำลังรอเขาอยู่  

“หวางเย่ท่านกลับมาแล้ว” ซูฉาเดินไปข้างหน้าพร้อมกับความตื่นเต้น และราวกับว่าเขาเห็นผู้ช่วยชีวิตของเขา เขาร้องไห้ต่อหน้าเขาและกอดขาเขา

       เสี่ยวเทียนเหยามองไปที่ซูฉาและพูดขึ้น”มากไปแล้ว!”

       คำพูดที่เย็นชาของเสี่ยวเทียนเหยา ช่วยขจัดความตื่นเต้นของซูฉา ออกไปทั้งหมด เขาเช็ดน้ำตาและหยุดการแสดงที่มากเกินไปของเขา “ข้าแค่อยากแสดงความตื่นเต้นของข้าในการได้พบท่านอีกครั้ง ท่านไม่รู้หรือว่าข้ากลับหลิวไป๋ยุ่งมากแค่ไหน? ”

“แต่ก็ยังไม่ตาย” ถ้าเจ้ายังไม่ตาย เจ้าก็ไม่ได้ยุ่งมากอะไร

       ซูฉาเกือบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด “ท่านต้องพูดแบบนี้กับคนที่ช่วยท่านด้วยหรือ?”

“เจ้าไม่ใช่คนของเปิ่นหวางหรือ?” เสี่ยวเทียนเหยา หันไปและผลักรถเข็นของเขาไปข้างหน้า

       ตอนนี้ขาของเขาดีมาก แต่เขาก็มีทักษะในการใช้รถเข็นมากเช่นกัน

       ซูฉาและหลิวไป๋ตามหลังเข้าไป แล้วก็พูดพึมพำขึ้น “พวกเราจะไม่เป็นคนของท่านได้อย่างไร?”

“ดี ที่พวกเจ้ารู้ว่าพวกเจ้าเป็นคนของเปิ่นหวาง” เสี่ยวเทียนเหยา ผลักรถเข็นของเขาไปที่ด้านหลังของโต๊ะและมองไปที่ซูฉาและหลิวไป๋ซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามโต๊ะแล้วก็พูดขึ้น “นั่งลง”

“อืม … … ” ชายสองคนให้ความร่วมมือและนั่งลงข้างๆกัน หนึ่งอยู่ทางด้านขวาและหนึ่งอยู่ทางด้านซ้าย

       แต่ทันทีที่เขานั่งลงซูฉาก็เปิดปากขึ้น “เทียนเหยา เจ้าหว่านล้อมให้หวางเฟยกลับมาได้อย่างไร? ข้าคิดว่าหวางเฟย จะไม่ยกโทษให้กับเจ้าเสียแล้วในครั้งนี้ ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะกลับมาพร้อมกับนาง เจ้าทำได้อย่างไร? เจ้าเสียสละอะไรถึงทำให้หวางเฟยให้อภัยเจ้า? ”

       ซูฉา ยอมรับว่าเขาทำตัวราวกับเด็ก แต่เขาก็อยากรู้จริงๆ!

       หลิวไป๋เคยชินกับความอยากรู้อยากเห็นอย่างฉับพลันของซูฉา ดังนั้นเขาจะคอยดูว่าเสี่ยวเทียนเหยาจะจัดการกับเขาอย่างไร  

       ดวงตาของเสี่ยวเทียนเหยานั้นเยือกเย็น ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่คำพูดที่เย็นชาก็ออกมาจากปากของเขา”พูดคำพูดของมนุษย์!”

“ไม่ใช่ว่าข้าก็พูดคำพูดของมนุษย์หรือ?” ร่างกายของซูฉาแทบจะจมดิ่งลง แต่เขารู้สึกไม่ถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้น “ข้าแค่อยากรู้ เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบอะไรถ้าเจ้าไม่ต้องการ ข้าไม่ได้บังคับเจ้า ”

“ถ้าเจ้าไม่รู้วิธีการที่จะพูดคำพูดของมนุษย์ เปิ่นหวางก็ไม่ว่าอะไรที่จะสอนเจ้า” เสี่ยวเทียนเหยา ไม่ได้รู้สึกดีเกี่ยวกับเรื่องนี้

       นี่เป็นภัยคุกคามอย่างแน่นอน ซูฉายอมรับว่าเขากลัวเพราะฉะนั้นเขาจึงรีบเอาความคับข้องใจของเขาลงไป และพูดอย่างจริงจังขึ้น “ฮ่องเต้ได้ค้นพบการกระทำของเราและได้ส่งกองกำลังไปเพื่อสกัดกั้นคนของเรา คนของเราที่ไปที่ดินแดนทางเหนือได้ต่อสู้ และทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับความเสียหาย “

“องครักษ์เงาฮู? เขาถึงขนาดยอมส่งเขาออกไป ไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิงจะสามารถวางแผนจัดฉากกับเขาได้ ” นี่เป็นความอับอายที่ยิ่งใหญ่สำหรับฮ่องเต้ เสี่ยวเทียนเหยา ในเวลานี้มีไม่ได้มีความตั้งใจที่ดี “เมื่อไหร่ที่องครักษ์เงาฮู วางแผนที่จะลงมือ?”

       เขาอยากจะดูความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่จะมาทีหลัง และเมื่อมันเกิดขึ้น เขาอยากดูว่าฮ่องเต้จะยังคงมีพลังในการจัดการกับการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างไร?

“ควรจะเป็นหลังจากสองวัน หลังจากนั้นองค์หญิงฟูอาน ก็น่าจะออกไปจากพระราชวังแล้ว “ซูฉาสามารถเดาได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเมื่อไห่ร่ที่หมอหลวงฉิน ต้องการจะลงมือ

“ผลักดันเขา มันจะเกิดขึ้นก่อนที่องค์หญิงฟูอานจะมาพบหลิน ชูจิ่ว “เขาไม่สามารถปล่อยให้หลิน ชูจิ่ว มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงความสงสัยเพียงเล็กน้อยก็ตาม … …