TQF:บทที่ 704 นายน้อยวิหารสวรรค์(1)

 

“อู๋เซอ พวกเจ้ามาก็ดีแล้ว อาจารย์กำลังจะให้คนไปเรียกอยู่พอดี”

 

“อาจารย์สั่งมาได้เลย” โม่อู๋เซอพูดด้วยความเคารพ

 

เจ้าโถงพยักหน้า เหลือบมองโม่ซวนซุนอีกครั้ง ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “คืออย่างนี้ อาจารย์อาเล็กได้รับการสืบสานจากอาจารย์ปู่รุ่นแรกของเราแล้ว ที่โถงวิหารสวรรค์ของเราไม่มีคนรับสืบสานจากอาจารย์ปู่รุ่นแรกได้อย่างสมบูรณ์มาหลายหมื่นปีแล้ว ดังนั้น อาจารย์อาเล็กที่ได้รับการสืบสานถือเป็นเจ้าโถงวิหารสวรรค์ของพวกเรา หวังว่าอาจารย์อาเล็กจะรับตำแหน่งนี้ไว้แล้วนำพาโถงวิหารสวรรค์ของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไป”

 

“เรื่องนี้…”

 

แม้จะคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเรื่องนี้ ยังไงซะกฎของโถงวิหารสวรรค์ก็คือใครที่ได้รีบการสืบสานมากที่สุดได้เป็นเจ้าโถง ไม่เกี่ยวกับอายุ และไม่เกี่ยวกับฐานะ

 

โม่อู๋เซอที่เคยเป็นเจ้าโถงสาขาย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูกศิษย์ตัวเองเขาไม่อยากจะฝืนใจจริงๆ จึงทอดสายตาไปด้านข้างเพื่อเป็นการสอบถาม

 

โม่ซวนซุนไม่อยากสนใจ แต่อาจารย์หญิงเอามือกระตุกแขนเสื้อเขาเป็นนัยว่าเขาต้องตัดสินใจ

 

โม่ซวนซุนค่อยๆเงยหน้าขึ้น สายตาเย็นชาสบเข้ากับทุกคน ถึงเขาจะเจ็บใจแต่ก็ต้องยอมเอ่ยปาก “ข้ายุ่งมาก มีเรื่องต้องจัดการ”

 

“ไม่เป็นไร อาจารย์อาเล็กอยากจะจัดการเรื่องอะไรก็เอาเวลาไปจัดการได้ตลอด ตอนที่ท่านไม่อยู่มีตาแก่อย่างพวกเราคอยดูแลโถงวิหารสวรรค์ไว้ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”

 

เจ้าโถงรีบรับคำด้วยความตื่นเต้น มีความปิติอยู่บนใบหน้า ส่วนคนอื่นก็เฝ้ารอและยินดีเช่นกัน

 

แม้แต่ตาแก่ซอมซ่อเองที่นิ่งเงียบมาตลอดก็มีความคาดหวังอยู่ในแววตา หวังจากใจจริงว่าลูกศิษย์ของตัวเองคนนี้จะรับสืบทอดตำแหน่งเจ้าโถง

 

“…..”โม่ซวนซุนไม่ตอบ สายตาของเขาทอดไปยังตาแก่ซอมซ่อ จ้องมองด้วยแววตาไร้ความรู้สึก

 

ตาแก่ซอมซ่อรู้สึกหนาวแปลกๆ ขณะเดียวกันก็เข้าใจความหมายของเขาทันที อดยิ้มเฝื่อนๆออกมาไม่ได้

 

เขากำลังถามว่าจัดการยัยหยินเฟิ่งไปหรือยัง

 

เจ้าคิดเจ้าแค้นจริงนะไอหนุ่มนี่ ไม่ยอมปล่อยนางไปจริงๆ

 

ไม่ต้องบอกก็รู้ อยากให้เขาอยู่รับตำแหน่งเจ้าโถง เช่นนั้่นก็ต้องจัดการยัยหยินเฟิ่ง

 

สายตาของเขาทอดไปที่ชายวัยกลางคนอาจารย์ของหยินเฟิ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ “เขาคืออาจารย์ของหยินเฟิ่ง”

 

“หืม..” สายตาเย็นชาของโม่ซวนซุนหันไป มีพลังลมปราณถาโถมเข้าหาเขา

 

ทุกคนแอบตกใจนิดหน่อย สายตาแต่ละคนมองไปที่ชายวัยกลางคนอย่างควบคุมไม่ได้ สีหน้าเขาได้ตอนนี้อัดอั้นจนหน้าแดงไปหมด พลังเซียนทั้งร่างโป่งขึ้นเหมือนต่อสู้อยู่กับอะไรบางอย่าง มีเหงื่อไหลซึมออกจากหน้าผาก

 

ตาแก่ซอมซ่อและเจ้าโถงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง พวกเขาอ้าปากนิดหน่อยก่อนจะเงียบลงอีกครั้ง

 

“พรวด….”

 

เขาอ้าปากกระอักเลือดออกมา ส่งผลให้เสื้อผ้าเขาเป็นสีแดงทันที เขาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากเบาๆ ไม่ได้โกรธหรือแค้นเคือง

 

“เฮอะ…”โม่ซวนซุนสบถเบาๆและเก็บลมปราณของตัวเองกลับมา พูดเรียบๆ “ตอนนี้ยังไม่รับตำแหน่ง พวกเจ้ารับหน้าไปก่อน เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลัง”

 

“ได้ๆ อาจารย์อาเล็กยังไม่อยากรับตำแหน่ง งั้นพวกเราให้อาจารย์อาเล็กเป็นนายน้อยสวรรค์ก่อน อยากจะรับตำแหน่งเจ้าโถงเมื่อไหร่ก็ได้ แบบนี้ดีมั้ย”

 

เจ้าโถงดีใจเป็นอย่างมาก มีความเอาใจอยู่ในน้ำเสียง กลัวมากว่าเขาจะไม่พอใจ

 

โม่ซวนซุนเหลือบมองเขา ไม่ตอบตกลงและไม่ปฏิเสธ ถือว่ายอมรับข้อเสนอของเขา

 

ทุกคนดีใจกันหมด แม้แต่ตาแก่ซอมซ่อก็มีแววยินดีปรีดาอยู่บนใบหน้า ขอแค่ลูกศิษย์คนนี้ยอมอยู่ต่อพวกเขาก็ถือว่ามีหวัง

 

“อาจารย์อาเล็ก เพราะการปรากฏตัวของกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนในช่วงนี้ทำให้สำนักต่างๆไม่สบายใจ แล้วยังมีคนของสำนักมารที่ถูกล้างบางไป พวกเขาหวังว่าพวกเราโถงวิหารสวรรค์จะชี้แนะทิศทางให้พวกเขาได้พบทางสว่าง”

 

เจ้าโถงพูดถึงเรื่องที่ปวดหัวที่สุดในช่วงนี้ พวกเขาไม่สามารถแอบดูลิขิตสวรรค์ได้ จึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่โม่ซวนซุน

 

หรือก็คือพวกเขาอยากจะดูว่าโม่ซวนซุนที่ได้รับการสืบสานทั้งหมดมาจะฝืนสวรรค์ได้อย่างไร จะแอบดูลิขิตสวรรค์ท่ามกลางหนทางแห่งทางทั้ง 3000 หนทางได้รึเปล่า

 

“กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน?” สีหน้าของโม่ซวนซุนขรึมไป เขารู้ว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุน ไม่คิดว่าจะได้ยินข่าวคราวจากที่นี่

 

สีหน้าของสามีภรรยาโม่อู๋เซอเปลี่ยนไปนิดหน่อย พวกเขารู้ทันทีว่ากลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนเป็นที่สนใจและเขม่นของผู้อื่น เกรงว่ามีคนจะกระทำไม่ดีต่อกลุ่มทหารับใช้ซื่อหุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่มาขอความช่วยเหลือจากโถงวิหารสวรรค์

 

ดูเหมือนทุกคนจะรู้สึกได้ถึงสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของพวกเขา 3 คน ตาแก่ซอมซ่อกำลังจะเอ่ยถามโม่ซวนซุนก็กระตุกยิ้มมุมปากเย็นๆและเอ่ยขึ้น “เรียกพวกเขามาพบข้า ข้าอยากจะเห็นจริงๆว่าจะมีสักกี่คนที่อยากเห็นผลลัพธ์นี้”

 

แย่แล้ว

 

สีหน้าของเจ้าโถงเปลี่ยนไป เขานึกไปถึงข่าวที่มหาผู้อาวุโสส่งมาให้เมื่อช่วงก่อน รู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ

 

“จะให้ข้าสืบดูลิขิตสวรรค์ บอกพวกเขาให้เตรียมค่าตอบแทนมาเยอะๆหน่อย ถึงเวลาไม่มีจ่ายจะน่าขายหน้าเกินไป”โม่ซวนซุนทิ้งไว้อีกประโยค

 

จากนั้นเขาก็กวาดตามองใบหน้าทุกคนและพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าเข้าคลังสมบัติได้รึเปล่า”

 

“ได้ อาจารย์อาเล็กไปได้ตลอด อยากได้อะไรไปหยิบมาใช้ได้เลย”

 

เจ้าโถงใจดีมาก ไม่ทันทีเขาจะเรียกร้องอะไรก็ให้เชร็คเปล่าที่เขาเติมตัวเลขลงไปตามใจฉันได้เลย

 

โม่ซวนซุนพยักหน้าอย่างพอใจ ความโกรธเคืองในตัวสงบลงไปไม่น้อย ในที่สุดเขาก็ไม่เห็นผู้คนตรงหน้าเป็นอริแล้ว

 

ส่วนหรงจิ้งซือที่อยู่ข้างเขาดูเหมือนจะรู้ว่าลูกศิษย์ตัวเองคิดอะไรอยู่ มองอาจารย์ที่กำลังยินดีปรีดาด้วยสายตาสงสาร เกรงว่าถ้าเขารู้ว่าคลังสมบัติถูกยกคลังจนว่างเปล่าคงจะยิ้มไม่ออก

 

ลูกศิษย์ตัวดีของตัวเองคิดอะไรอยู่นางรู้อยู่แก่ใจ อดสงสารอาจารย์ไม่ได้

 

การพูดคุยครั้งนี้ถือว่าทุกฝ่ายสบายใจ ต่างออกกันไปด้วยความดีใจ

 

เมื่อกลับปราสาทไปกับอาจารย์และอาจารย์หญิง หรงจิ้งซืออดถามขึ้นไม่ได้ “ซุนเอ๋อ เจ้าบอกว่าวัน 2 วันนี้เราจะไปจากที่นี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่บอกเหล่าผู้อาวุโสให้เข้าใจล่ะ”

 

“อาจารย์หญิง ท่านไม่ได้ยินที่เจ้าโถงพูดเหรอว่าอิทธิพลและสำนักต่างๆเพ่งเล็งกลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนของเสี่ยวเสี่ยวอยู่”โม่ซวนซุนหรี่ตา นัยน์เป็นประกายเย็นยะเยือก

 

หรงจิ้งซือชะงักนิดหน่อย ขมวดคิ้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราก็ยิ่งต้องรีบไปหาเสี่ยวเสี่ยว จะไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับนาง”

 

“รีบทำไม เจ้าคิดว่ายัยเสี่ยวเสี่ยวจะปล่อยให้คนอื่นรังแกง่ายๆเหรอ” โม่อู๋เซอเหลือบมองภรรยาตัวเองและถามลูกศิษย์ “เจ้าคิดจะจัดการกับสำนักต่างๆที่นี่เหรอ”

 

“ในเมื่อพวกเขาคิดจะรวมตัวกันรังแกเสี่ยวเสี่ยว ข้าก็ต้องให้พวกเขาจ่ายมาสักหน่อย จะได้เป็นทรัพยากรใหกับมิติของเสี่ยวเสี่ยวพอดี เรื่องดีๆขนาดนี้ข้าจะพลาดได้ยังไง”โม่ซวนซุนคลี่ยิ้ม แต่กลับมีความเย็นยะเยือกอยู่ในรอยยิ้มนั้น

 

“ก็ดี” หรงจิ้งซือพยักหน้าเห็นด้วย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร กล้ามารังแกคนของตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ “พวกเราต้องรู้จุดประสงค์ของพวกเขาให้ชัดเจนก่อน ถ้าพวกเขาคิดจะชิงกลุ่มทหารรับจ้างของเฉินเสี่ยวเสี่ยวจริงๆละก็ ไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด”

 

กลุ่มทหารรับจ้างซื่อหุนแข็งแกร่งขึ้นอย่างโดดเด่น เกรงว่าจะไปล้ำเส้นผลประโยชน์ของคนมากมาย จะร่วมมือกันจัดการเสี่ยวเสี่ยวก็ไม่แปลก เพียงแต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะอยากเห็นว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไรผ่านโถงวิหารสวรรค์”

 

แม้ว่าโม่อู๋เซอจะไม่ได้ลุยอยู่ข้างนอก แต่พอได้ยินข่าวพวกนี้เขาก็พอจะเดาความจริงออก ถึงอย่างไรก็อยู่มาหลายสิบปี เรื่องความแค้นพวกนี้เห็นมานักต่อนักแล้ว

 

“เฮอะ พวกเขากล้าทำแบบนี้ข้าจะต้องให้พวกเขาชดใช้อย่างสาสมแน่” มีแววอาฆาตอยู่ในตาของโม่ซวนซุน

 

“พวกเขาคิดจะรังแกเสี่ยวเสี่ยวจบไม่ดีแน่ ถึงตอนนั้นเราค่อยไปดูว่าเสี่ยวเสี่ยวเป็นยังไง” หรงจิ้งซือพูดเสียงเบา แววตาเย็นชาและเด็ดขาด เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเป็นลูกสะใภ้ของนางซึ่งก็ถือเป็นลูกของนาง โดนรังแกขนาดนี้ ต่อให้นางจะนิสัยดีแค่ไหนก็ย่อมต้องโมโห

————————