อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 680 กลับแพ้เป็นชนะ
ฝูกวงมีเวลาผ่อนลมหายใจสักพัก จึงรีบยิงพลุขึ้นฟ้าส่งสัญญาณ

ชายแก่ชุดดำหรี่ตาลง ความอาฆาตไม่ลดลงกลับมีเพิ่มขึ้น

เขาโบกมือ พวกนักฆ่าชุดดำกลับมาตั้งค่ายกลใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ สามคนต่อหนึ่งกลุ่มหันหลังให้กัน ปลายดาบหันออกมาข้างนอก กลายเป็นเกราะกำบัง พุ่งมาฆ่ากู้ชูหน่วนกับฝูกวง

หากเพียงแค่พวกเขารวมกลุ่มกันสามคนยังดี แต่พวกเขากลับให้ความร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี ฝ่ายหนึ่งลุก ฝ่ายหนึ่งป้องกัน ฝ่ายหนึ่งเฝ้าระวัง ผลัดกันฆ่าฟัน และยังรวดเร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาหายใจเลย

“ต่อให้พวกเจ้าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง พวกเจ้าก็ไปหายมมบาลแล้ว”

กู้ชูหน่วนไม่กล้าประมาท ค่ายกลนี้โหดเหี้ยมยิ่งกว่าค่ายกลเมื่อกี้

โดยเฉพาะกระบวนท่าเพลงดาบของพวกเขานั้นโหดเหี้ยม คาดเดาไม่ถูกว่าจะไปทางไหน อยากที่จะทำให้พวกเขาแตกกระจาย แต่ต่อให้พวกเขาต่อสู้ยังไง ก็ไม่สามารถที่จะทำให้แตกกระจายได้

“ฉ่าๆ ฉ่า…….”

ค่ายกลเปลี่ยนแปลง ค่ายกลเกราะกำบังกลายเป็นค่ายกลงูพิษ หรือกลายเป็นค่ายกลตะขาบ หรือกลายเป็นแมงป่องโผล่ออกมาอย่างไม่รู้จบ แต่ละกระบวนท่าล้วนมุ่งหมายเอาชีวิต

ฝูกวงสู้ไม่ไหว บนร่างกายถูกแทงไปหลายแผล ยิ่งทำให้เป็นฝ่ายเสียเปรียบ บ่อยครั้งที่ตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิต

กู้ชูหน่วนก็ไม่แพ้กัน

ถึงแม้จะสามารถปกป้องตนเองได้ แต่เป็นแบบนี้นานไป เมื่อเทียบกันแล้ว ไม่เป็นผลดีต่อนางเลย

ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ค่ายกลนี้เหมือนทำมาเพื่อนางโดยเฉพาะ รู้จุดอ่อนและจุดแข็งของนางทั้งหมด

นางต้องปกป้องตนเองไปด้วย และยังต้องปกป้องฝูกวงไปด้วย จึงไม่สามารถที่จะทำลายค่ายกลได้ในทันที

หรือควรที่จะพูดว่า นางสามารถทำลายค่ายกลได้ แต่จะต้องไม่มีชายแก่ชุดดำอยู่ด้วย เพราะไม่ว่านางจะทำลายค่ายกลด้วยวิธีใด ชายแก่ก็ล้วนสามารถลงมือจู่โจม จนทำให้นางถึงแก่ชีวิต

ฝูกวงพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “นายหญิงกู้ ชีวิตของข้าไร้ค่า ท่านไม่ต้องเสียเวลาเพื่อข้า ท่านรีบหาทางหนีไป”

“ไม่ต้องพูดมาก จะไปก็ต้องไปด้วยกัน ก็แค่ค่ายกลเท่านั้นเอง จะทำให้ข้าตายอยู่ที่นี่หรือ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ออกมา…..”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ขยับเขยื้อน ยังคงนอนหลับใหล กู้ชูหน่วนเรียกต่อเนื่องอยู่หลายที ก็ยังไม่ออกมา

เลว่อิ่งรีบเอามือกุมท้องของตนเองไว้ เจ็บปวดจนเหงื่อไหลไม่หยุด เห็นกู้ชูหน่วนกำลังจะตกอยู่ในอันตราย ก็ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน สามารถหยิบดาบขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง แล้วรับกระบวนท่าที่หมายจะฆ่านางพวกนั้น

ชายแก่ชุดดำโกรธโมโหจัด

ฝ่ามือหนึ่งฟาดตบตรงหน้าอกเลว่อิ่งอย่างรุนแรง จากนั้นก็ตบหน้าเขาอีกหลายที พร้อมพูดขึ้นว่า “เกลือเป็นหนอน ทำภารกิจล้มเหลวแล้วยังกล้าที่จะช่วยชีวิตนางอีก”

“ท่าน…..นายท่าน….. นางเคยช่วยชีวิตข้า สามารถ…..”

“ไม่ได้ อย่าลืม เจ้าเป็นนักฆ่าคนหนึ่ง เป็นนักฆ่าเลือดเย็นไร้ความปรานี ที่ผ่านมาข้าเคยสอนเจ้า ล้วนเรียนรู้เข้าไปในท้องสุนัขหมดแล้วหรือ?”

ไม่รอให้เลว่อิ่งพูดเสร็จ ชายแก่ชุดดำมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาใบนั้นของเขา แล้วก็ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร ยกเท้ากระทืบเตะลอยออกไป

“ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยังกล้าคิดปกป้องนาง คอยดูว่าเดี๋ยวข้าจะสั่งสอนเจ้ายังไง”

“ปัง…..”

“พัฟๆ พัฟ…..”

ตรงไม่ไกลมีเสียงกระอักเลือดดังขึ้น

ชายแก่ชุดดำหันไปมอง กลับเห็นกู้ชูหน่วนฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่ทันระวัง ทำลายค่ายกลโดยไม่รู้ว่าทำลายได้ด้วยวิธีอะไร นักฆ่าทั้งสิบแปดคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระอักเลือด

ถึงแม้กู้ชูหน่วนก็มีสีหน้าขาวซีด แต่เมื่อเทียบกับลูกน้องของเขาแล้วก็ถือว่าดีกว่าอย่างมาก

เพียงแค่มีฝีมือระดับสาม กลับสามารถเอาชนะนักฆ่ายอดฝีมือทั้งสิบแปดคนของเขาได้…..

ผู้หญิงคนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ

เวลาผ่านไปก็พอประมาณแล้ว ชายแก่ชุดดำก็กลัวที่จะต้องยืดเยื้อต่อไปอีก คนของกู้ชูหน่วนใกล้จะมาถึงแล้ว ถึงตอนนั้นจะเดือดร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาหัวเราะเย้ย ค่อยๆ เดินไปหากู้ชูหน่วน อย่างไม่ปิดบังความอาฆาต