ออกแบบสวน

 

ซูจิ้งต้องใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงในการเดินทางไปเมืองไฮ่หลัน

ตระกูลเฉียนนั้นถึงมาจะตั้งรกรากที่เมืองหลวงแต่ก็มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองไฮ่หลัน

พวกเขามีธุรกิจมากมายอยู่ที่นั่น อีกทั้งผู้ว่าการเมืองเองก็ยังเป็นคนตระกูลเฉียนอีกด้วย

ลุงของเฉียนหยินหนิงและเฉียนไจบิงที่ชื่อเฉียนจานฮวงเองก็เป็นถึงเจ้าของบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ในเมือง

 

ซูจิ้งตอนนี้หยุดอยู่ที่หน้าประตูชุมชนแห่งหนึ่ง เฉียนหยินหนิงและเฉียนไจบิงก็ได้เดินมาหาเขา

เฉียนไจบิงได้ถามซูจิ้งว่า “คุณซู ฉันได้ยินมาว่าคุณอยากพบลุงของฉัน ฉันเข้าใจว่าโดยปกติคุณจะไม่ขอพบคนอื่นถ้าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พอจะบอกฉันได้ไหมว่ามีเรื่องอะไร เรื่องใหญ่รึเปล่า”

 

“ไม่มีอะไรมากหรอกขอผมจะถามเขาเรื่องใครซักคนน่ะ” ซุจิ้งตอบออกมา

 

“ใคร สวยรึเปล่า” เฉียนหยินหนิงถามแบบกระเช้าเย้าแหย่

 

“ผมมาแฟนแล้วนะ จะหามาเพิ่มเพื่อ…” ซูจิ้งตอบพร้อมรอยยิ้มพร้อมพูดต่อว่า “เขามีชื่อว่าหลัวเทียนฟู่นะ ตอนนี้น่าจะเป็นผอ.สถาบันวิจัยของลุงคุณ ผมอยากซื้อตัวเขาน่ะ”

 

เฉียนไจบิงและเฉียนหยินหนิงถึงกับอ้าปากหวอขึ้นมา ความต้องการของซูจิ้งช่างหาญกล้ายิ่งนัก เขารู้จักเหลาเทียนฟู่เป็นอย่างดีนั่นก็เพราะว่าเฉียนจานฮวงให้ความสำคัญต่อเขาอย่างมาก

พวกเธอยังรู้อีกว่าถึงแม้ที่นี่จะไม่ได้สร้างผลกำไร ไม่มีการวิจัยงานด้านวิทยศาสตร์และเทคโนโลยี หรือสนับสนุนอัจฉริยะบุคคลก็ตาม แต่เขาก็มีความทะเยอทะยานสูง

 

“ทำไมหล่ะ ยากที่จะดึงตัวมางั้นหรอ” ซูจิ้งถามออกมา

 

“มันไม่ยากที่จะพอนายมาที่นี่เพื่อแนะนำตัวให้เธอรู้จักลุงของฉันหรอก แต่เรื่องซื้อตัวนี่ไม่ใช่แค่เรื่องที่เราสามคนจะทำได้เลยนะ ฉันว่าเรียกคุณปู่มา…” หยินหนิงพูดยังไม่ทำจบดีซูจิ้งก็พูดมาว่า

“ไม่ต้องหรอก แค่คุณพาผมไปหาลุงคุณก็พอแล้ว ที่เหลือผมจัดการเอง” ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“สิ่งที่นายกำลังจะทำเหมือนไปขุดหัวใจเขาออกมา นายคิดว่ามันง่ายหรอทีจะสำเร็จน่ะ” เฉียนไจบิงพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“แต่หนูไม่คิดอย่างนั้นนะ คุณลุงเองเขาก็รู้ว่าซูจิ้งเป็นคนช่วยชีวิตคุณปู่ บางทีเขาอาจจะยอมเจ็บปวดเพื่อตอบแทนบุญคุณแทนคนที่เขารักก็ได้นะ อีกอย่างถ้าหนูขอเขา ลุงเขาไม่เคยปฏิเสธหนูเลยนะ” เฉียนหยินหนิงพูดออกไปด้วยร้อยยิ้ม

 

“ก็ได้แต่ลองหล่ะนะ” เฉียนไจบิงพูดพลางส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม เธอพลางคิดไปว่าคำขอที่หยินหนิงเคยขอลุงของพวกเธอตอนเด็กๆนี่เทียบไม่ได้สักเสี้ยวของคำขอของซูจิ้ง ตอนนั้นไม่แปลกที่จะทำตามแต่นี้มันต่างกันเกินไป

 

เฉียนไจบิงและเฉียนหยินหนิงพาซูจิ้งเข้าไปในชุมชน

ที่ตึกๆหนึ่งของชุมชนซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวที่เต็มไปด้วยพืชพรรณที่สวยงาม

ที่นี่คือชุมชนของเหล่าคนรวยอย่างไม่ต้องสงสัย

พวกเขาไปถึงบ้านหลังหนึ่งโดยที่ประตูบ้านกำลังเปิดอยู่

ตอนนั้นมีรถบรรทุกคนหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูบ้าน โดยในรถบรรทุกเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้สวยๆหลายต้น

พวกเขาเห็นว่ามีคนกำลังขนลงพร้อมนำไปปลูกไว้ในสวน โดยมุมหนึ่งของสวนได้จัดเสร็จแล้วและมันดูสวยงามมาก

 

“ดูเหมือนว่าคุณลุงกำลังแต่งสวนนะ นี่เขาถึงกับหานักแต่งสวนมาเลยหรอเนี่ย” เฉียนหยินหนิงพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ฉันคิดว่างั้นนะ” ไจบิงพบักหน้ารับ แล้วพวกเขาก็เดินเข้าไป

 

“หยินหนิง ไจ่บิง ลมอะไรพาพวกเธอมาหาลุงกันเนี่ย” เสียงหัวเราะของชายคนหนึ่งที่อายุประมาณ 50 ปี ดังออกมา ตัวของเขาตอนนี้เปื้อนดินและพืชอยู่เต็มตัวไปหมด เขาเดินออกมาจากหลังต้นไม้ต้นหนึ่งมาหาทั้งสองอย่างรวดเร็ว ซึ่งบริเวณต้นไม้มีหญิงอายุประมาณ 50 ปี หันมาหาพร้อมยิ้มให้ทั้งสองคน

 

“สวัสดีค่ะลุงใหญ่ ป้าใหญ่” เฉียนไจบิงและเฉียนหยินหนิงกล่าวทักทายทั้งสองคน

“ข้างนอกมีแต่ฝุ่นนะ เราเข้าไปคุยกันข้างในกันดีกว่า” เฉียนจานฮวงและภรรยาของเขากล่าวทักทายแล้วนำทุกคนเข้าไปในบ้าน

 

“อ้อ พวกเราพาใครบางคนมาแนะนำให้คุณลุงรู้จักค่ะ ลุงเองก็เคยบอกว่าอยากเจอซูจิ้งซักครั้งด้วย” เฉียนหยินหนิงแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน

 

“สวัสดีคุณซู ฉันอยากไปพบคุณตั้งนานแล้ว ไม่คิดว่าคุณจะเป็นฝ่ายมาหาซะเอง” เฉียนจานฮวงและภรรยาเองก็สังเกตุเห็นซูจิ้งมาซักพักใหญ่แล้วแต่ไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่าแค่นั้นเอง

 

“สวัสดีครับลุงเฉียน” ซูจิ้งแสดงท่าทางคำนับ

 

“เราอย่ามามันยืนกันอยู่เลย เรามานั่งคุยกันดีกว่า” ภรรยาของเฉียนจานฮวงกล่าวออกมา

ภรรยาของเฉียนจานฮวงกล่าวออกมาอย่างอบอุ่นต่อซูจิ้งพร้อมทั้งได้นำกระบอกชาออกมาเพื่อเรียมนำมาชง

เฉียนจานฮวงนั้นค่อนข้างจะปลื้มซูจิ้งค่อนข้างมากเพราะเขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตผู้อาวุโสตระกูลเฉียน เขาได้กล่าวซูจิ้งว่าเป็นยอดคนของรุ่นนี้ นั่นทำให้ซูจิ้งถึงกับเขินกันเลยทีเดียว เฉียนจานฮวงเองก็เริ่มดูออกว่าซูจิ้งนั้นเริ่มทำตัวไม่ถูกเขาก็เลยเริ่มเข้าเรื่องเลยว่าซูจิ้งมาหาเขาทำไม

 

ซูจิ้งเมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจะเริ่มการคุยเพื่อซื้อตัวเหลาเทียนฟู่ เขาหันไปมองสวนทางหน้าต่างแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณเฉียน คุณกำลังแต่งสวนใหม่ใช่ใหม่ใช่ไหมครับ สวยดีนะ ว่าแต่คุณจ้างใครมาแต่งสวนกันล่ะ”

 

“คนนั้นไง ปรมาจารย์ซุน” เฉียนจานฮวงชี้ไปที่ชายวัยกลางคนดูภูมิฐานที่กำลังสั่งงานคนสวนอยู่ข้างนอก แล้วเขาก็พูดว่า “แน่นอนว่ามีบางส่วนที่ฉันออกแบบเอง มันดูดีรึเปล่า คุณซูเองก็สนใจในเรื่องจัดสวนด้วยอย่างงั้นหรอ ถ้าไม่ว่าอะไรผมเองสามารถจะแนะนำคุณซุนให้กับคุณแล้วขอให้เขาจัดสวนให้คุณอีกคนคุณว่าดีไหม”

 

“คุณลุงพลาดแล้วล่ะ” เฉียนหยินหนิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ต่อให้เป็นปรมาจารย์ซุนหนูก็กลัวว่าจะเทียบผีมือไม้ได้แม้แต่ปลายรองเท้าของซูจิ้งนะหนูว่า” เฉียนไจบิงหัวเราะออกมา

 

“เธอหมายความว่ายังไงล่ะนั่น” เฉียนจานฮวงเองถามออกมาว่าเขาทำอะไรพลาดไป

 

“เดี๋ยวหนูจะให้คุณลุงดูรูปอะไรซักหน่อยนะคะ” เฉียนหยินหนิงนำรูปสวนบ้านซูจิ้งที่เคยถ่ายไว้ในโทรศัพท์ออกมาให้ดู มันเป็นรูปถ่ายจากหลายมุมมองแต่ทุกรูปกลับเป็นรูปสวนที่สวยมากๆไม่ว่าจะถ่ายจากมุมไหนก็ตาม

 

“ว้าว” เฉียนจานฮวงและภรรยาต้องอุทานออกมาอย่างดัง

 

“ฉันไม่เคยเห็นสวนที่ดูสวยขนาดนี้มาก่อนเลย” ภรรยาของเฉียนจานฮวงกล่าวชมออกมาด้วยความประทับใจ เธอเองก็ไม่เคยสนใจเรื่องแต่งสวนมากก่อน เธอนั้นไม่เข้าใจว่าเฉียนจานฮวงนั้นจะทำไปทำไมแต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วพร้อมทั้งเธอก็อยากได้สวนแบบนี้ไว้ในแบบสักส่วนก็ยังดี

 

“สมบูรณ์แบบมาก เจ้าสวนนี่อยู่ที่ไหนกัน” เฉียนจานฮวงถามออกมาด้วยความตื่นเต้น

 

“สวนนี้เป็นสวนหลังบ้านคุณซูค่ะ เขาแต่งสวนของเขาเอง” ไจบิงตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม

 

“โอ้พระเจ้า ฉันคิดว่าสวนที่ฉันออกแบบมาก็เกือบจะเลือกได้ว่าสมบูรณ์แบบแล้วนะ แต่พอเทียบกับของซูจิ้งนี่สวนของฉันเทียบไม่ติดเลยซักนิด

ฉันอุตส่าห์ทุ่มทุนสร้างไปขนาดนี้พอเทียบกันแล้วถือว่าสวนบ้านฉันนี่น่าเกลียดได้เลย” เฉียนจานฮวงและภรรยานึกไม่ถึงว่าซูจิ้งเองจะมีฝึมือด้านนี้ด้วยเหมือนกัน

 

“ลุงเฉียน พอจะให้ผมแต่งสวนให้คุณได้ไหมครับ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ที่นี่น่ะหรอ มันจะเป็นการรบกวนคุณมากไปรึเปล่า” ตาของเฉียนจานฮวงส่องประกายขึ้นมา นี่เขายังไม่ได้ตอบแทนน้ำใจที่ซูจิ้งมีให้ตระกูลเฉียนเลย กลายเป็นซูจิ้งเอ่ยปากช่วยเหลือเขาซะอีก แถมซูจิ้งก็ยังมาในฐานะแขกด้วย เขายังไม่ได้คุยเรื่องที่เขาจะขอเลย เขาเองก็เริ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

 

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเสร็จจากแต่งสวนนี้เราค่อยคุยกันก็ได้” ซูจิ้งพูดออกมา

 

“ได้ๆ ขอบคุณนายมากนะ” เฉียนจานฮวงหัวเราะพร้อมพูดออกด้วยความยินดีเพราะเขาจะได้มีสวนสุดเปอร์เฟคแบบในรูปถ่ายนั่นบางแล้ว เขานั้นไม่ได้กังขากับความสามารถในแต่งสวนของซูจิ้งเลยซักนิด ให้พูดตรงๆขอแค่สวนซักครึ่งนึงของบ้านซูจิ้งก็พอใจแล้ว

 

“งั้นผมขอออกไปดูก่อนนะ” ซูจิ้งพูดพร้อมเดินออกไปจากบ้านพร้อมสำรวจดูสวนโดยรอบ โดยมีตระกูลเฉียนทั้งสี่คนเดินตามเขาไป เฉียนจานฮวงยังบอกให้คนงานหยุดงานก่อนนั่นทำให้ปรมาจารย์ซุนรู้สึกประหลาดในเล็กน้อย แต่เมื่อเขาทราบเรื่องราวแล้วเขาก็ได้นึกทะนงตัวขึ้นมาว่าเขานั้นเป็นถึงระดับปรมาจารย์ ต้องมายอมให้เด็กแค่ชอบการแต่งสวนเนี่ยนะ เขาเองก็แอบจ้องไปที่ซูจิ้งพักใหญ่จนนึกออกว่าเคยเห็นที่ไหน ตอนนี้ซูจิ้งกำลังเป็นที่นิยมของชาวจีนและออกข่าวบ่อยๆ แต่เขาจะรู้เรื่องแต่งสวนด้วยอย่างนั้นหรอ