หลังจากได้ยินคำถามของนาง ชายคนนั้นโค้งทันที “ศิลาวิญญาณจำนวนเท่าไรก็ตามที่ท่านเทพธิดายินดีให้เราก็ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับเราแล้วขอรับ”
โม่เทียนเกออดยิ้มไม่ได้หลังจากนางได้ยินเช่นนั้น ทุกคนชอบการถูกพูดยกยอด้วยความเคารพทั้งนั้น ถึงแม้เขาอาจจะไม่ได้พูดอย่างจริงใจ แต่คำพูดของเขาก็ยังน่าฟัง อีกอย่างชายคนนี้ก็ดูจริงจังและไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาแค่ทำแบบขอไปที สำนักเจิ้งฝ่าถือว่าประสบความสำเร็จในแถบทิศเหนือสุดนี้จริงๆ พวกเขาสามารถเลี้ยงดูพวกมนุษย์จนเคารพผู้ฝึกตนได้อย่างจริงใจเช่นนี้ได้
โม่เทียนเกอควานหาในกระเป๋าเอกภพ นางหยิบเอาศิลาวิญญาณจำนวนหนึ่งออกมาจากนั้นจึงยื่นให้กับชายคนนั้น “ส่วนเกินก็ถือว่าเป็นรางวัลของเจ้าสำหรับการตอบคำถามข้าแล้วกัน” ดอกบัวหิมะดอกนี้อายุน่าจะประมาณสิบปี ดังนั้นมันจึงไม่ถือว่ามีค่ามากนักต่อผู้ฝึกตน นางคาดคะเนคร่าวๆ โดยดูจากราคาของพืชวิญญาณในคุนอู๋ ดังนั้นดอกบัวหิมะดอกนี้ก็น่าจะมีราคาประมาณสิบศิลาวิญญาณ
ครั้นเห็นศิลาวิญญาณหลากสีสิบสองอันที่นางยื่นมาให้ ชายผู้นั้นก็ทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ เขายิ้มกว้างจนตาหยี เขาพยักหน้าซ้ำๆ และพูดว่า “ขอบพระคุณท่านเทพธิดามากสำหรับรางวัลขอรับ” หลังจากเขาพูดเช่นนั้น เขาและกลุ่มของเขาก็คุกเข่าลงอีกครั้งและก้มหัวคำนับให้นาง
โม่เทียนเกอสะบัดแขนเสื้อและจู่ๆ เส้นใยพลังวิญญาณก็ฉุดพวกเขาให้ลุกขึ้นและหยุดการเคลื่อนไหวของพวกเขา คนพวกนี้คุกเข่าทันทีโดยไม่มีเหตุผล นางทนไม่ได้จริงๆ!
“เจ้าพูดว่า… น้ำจากการต้มดอกบัวหิมะนี้จะทำให้ข้าต้านทานลมหนาวได้ ผู้ฝึกตนจากสำนักเจิ้งฝ่าก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันหรือ”
ตอนนี้พอเขาได้รับศิลาวิญญาณจากโม่เทียนเกอ ชายคนนั้นยิ่งนอบน้อมกับนางเข้าไปใหญ่ ขณะที่โค้งคำนับเขาตอบว่า “พวกเราชาวมนุษย์ใช้วิธีนี้ อย่างไรก็ตาม ตามคำของท่านเทพเซียนของเผ่าข้า มีอีกวิธีในสำนักเจิ้งฝ่าที่พวกผู้ฝึกตนใช้กัน ไม่เพียงแต่มันจะช่วยให้พวกเขาต้านทานลมหนาวได้แล้ว แต่มันยังสามารถเพิ่มพลังวิญญาณภายในร่างกายของผู้ใช้ได้อีกด้วย”
“โอ้” ความสนใจของโม่เทียนเกอถูกกระตุ้น “วิธีนั้นอนุญาตให้บอกต่อกับคนนอกได้หรือไม่”
“นี่… ข้าก็ไม่แน่ใจ” หลังจากเขาพูดเช่นนั้น เขารีบเสริม “ถ้าท่านเทพธิดาไม่ได้รีบ ท่านสามารถมาที่เผ่าและเป็นแขกของเราได้ ที่จริงแล้วท่านเทพเซียนของเราเพิ่งจะกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เองขอรับ”
โม่เทียนเกอไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้นางก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไร ดังนั้นการไปที่เผ่านี้เพื่อดูให้ทั่วสักหน่อยคงไม่น่าเป็นปัญหา มันคงจะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้านางมีความเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้นเกี่ยวกับแถบทิศเหนือสุดนี้จากท่านเทพเซียนของพวกเขา
ด้วยความคิดนี้สั่งสมอยู่ในใจ โม่เทียนเกอยิ้มแย้มเมื่อนางพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น ข้าคงต้องรบกวนเจ้าด้วย”
การตอบตกลงข้อเสนอนี้ทำให้เขาประหลาดใจ แต่ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกยินดีและตอบกลับคำพูดสุภาพของนางทันทีด้วยความเคารพ “ไม่เป็นการรบกวนเลยขอรับ เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้ท่านเทพธิดามาเป็นแขกของเผ่าเรา ท่านเทพธิดา เชิญทางนี้ขอรับ”
โม่เทียนเกอมองพายุหิมะที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่งและจึงพูดว่า “ให้ข้าพาพวกเจ้าไปเถิด” ขณะที่นางพูด นางยกมือขึ้นเพื่อเรียกผ้าเช็ดหน้าไหมขาวมา จากนั้นนางใช้ศาสตร์หนึ่งและในชั่วพริบตา ผ้าเช็ดหน้าไหมขาวก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ตามมาด้วยการสะบัดแขนเสื้อ พลังวิญญาณไหลทะลักออกมาและรวบมนุษย์มากกว่าสิบสองคนขึ้นไปบนนั้น
เห็นได้ชัดว่าเป็นครั้งแรกของพวกมนุษย์ที่ได้มีประสบการณ์นี้ ชายคนที่นำกลุ่มตัวสั่นด้วยทั้งความตกใจและความตื่นเต้นขณะที่เขายืนอยู่บนผ้าเช็ดหน้าไหมขาว “ท่านเทพธิดา นี่…”
“มีอะไรหรือ เจ้าไม่อยากเหาะรึ”
ชายคนนั้นรีบส่ายหน้า “แน่นอนว่าเราอยากขอรับ เราจะปลอดภัยกว่ามากที่ท่านเทพธิดาพาเรากลับไป ต้องขอบพระคุณท่านเทพธิดาอย่างสูง” พูดเช่นนั้นแล้ว เขาก็ทำท่าจะคุกเข่าอีกครั้ง
โม่เทียนเกอรู้สึกช่วยไม่ได้ คนพวกนี้ให้ความเคารพต่อผู้ฝึกตนมากเกินพอดี พวกเขาคุกเข่าแทบจะทุกครั้งที่มีโอกาส!
นางยกมือขึ้นเพื่อหยุดท่าทีของพวกเขา “ยืนขึ้นเถอะ เจ้า มาบอกทางข้าหน่อย”
“ขอรับๆ ท่านเทพธิดา เผ่าของเราอยู่ทางนั้น…”
เผ่าสิงโตทะเลอยู่ไม่ไกลมากนัก ถึงแม้โม่เทียนเกอจะไม่กล้าเหาะเร็วเกินไปเพราะนางพาคนพวกนี้มาด้วย แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็สามารถมองเห็นหลังคาบ้านแออัดและขาวโพลนอยู่เบื้องล่าง
กลายเป็นว่าแถบทิศเหนือสุดขาดวัตถุต่างๆ สิ่งเดียวที่พวกเขาไม่ขาดคือน้ำแข็ง ดังนั้นพวกมนุษย์ที่นี่จึงใช้น้ำแข็งในการสร้างบ้าน อุณหภูมิในแถบทิศเหนือสุดนั้นต่ำมาก ต่ำเสียจนแม้แต่หยดน้ำก็ยังกลายเป็นน้ำแข็งได้ บ้านที่สร้างจากน้ำแข็งของพวกเขาสามารถกันลมได้ เพราะฉะนั้นไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่รู้สึกหนาว แต่พวกเขายังรู้สึกอบอุ่นด้วยซ้ำไป
โม่เทียนเกอรู้เรื่องทั้งหมดนี้เมื่อชายคนนั้นแนะนำเผ่าของเขาให้นางฟัง ชายคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคนเก็บดอกบัวคือหัวหน้าเผ่าของเผ่าสิงโตทะเล ไห่ปั๋ว คนของแถบทิศเหนือสุดไม่มีแซ่ในตอนแรกเริ่ม แต่หลังจากที่สำนักเจิ้งฝ่าก่อตั้งขึ้นแล้วเท่านั้นพวกเขาจึงเริ่มใช้แซ่กัน ชนเผ่าทุกคนในเผ่าสิงโตทะเลใช้ “ไห่” เป็นแซ่ของพวกเขา
จากด้านบน บ้านน้ำแข็งกลุ่มใหญ่ดูเหมือนจะกำลังส่องประกายวิบวับและโปร่งแสง กระจายอยู่ท่ามกลางพายุหิมะรุนแรงในอากาศ ดูสวยงามอย่างที่สุด
“ท่านเทพธิดา ตรงนั้นขอรับ”
ตามที่ไห่ปั๋วชี้บอก โม่เทียนเกอร่อนลงจอดที่พื้นที่โล่งระหว่างบ้าน
มีคนอยู่มากมายบนพื้นที่โล่งตรงนั้น แต่ละคนกำลังวุ่นวายอยู่กับธุระของตัวเอง พวกผู้หญิงหากไม่กำลังเย็บปักถักร้อยก็กำลังตากของให้แห้งภายใต้แสงอาทิตย์ พวกผู้ชายกำลังซ่อมเครื่องมือแทบทุกชนิดหรือไม่ก็จัดการกับซากสัตว์ต่างๆ พอเห็นพวกเขาลงมาจากบนฟ้า คนพวกนั้นก็เริ่มรวมตัวเข้ามาล้อมรอบพวกเขา
เมื่อพวกเขาลงถึงที่พื้น โม่เทียนเกอเก็บผ้าเช็ดหน้าไหมขาว ในวินาทีถัดมา นางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา นางถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มคนที่กำลังคุกเข่าอยู่อีกครั้ง!
ครั้นรู้สึกทำอะไรไม่ถูก นางก็หันไปหาไห่ปั๋ว พูดว่า “ข้าไม่ชอบพฤติกรรมเช่นนี้ บอกพวกเขาให้หยุดคุกเข่าที”
ไห่ปั๋วพยักหน้า ก้าวไปข้างหน้าแล้วจึงพูดอย่างดัง “ทุกคนยืนขึ้น ท่านเทพธิดาไม่ชอบให้คนคุกเข่าให้นาง ไปจัดการธุระของตัวเองได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินหัวหน้าเผ่า ในที่สุดพวกเขาจึงยืนขึ้นทีละคน บางคนกลับไปทำงานของตัวเองขณะที่บางคนเข้ามาเพื่อพูดคุยกับครอบครัวของพวกเขา
ไห่ปั๋วหันมาพูดกับโม่เทียนเกอ “ท่านเทพธิดา ทางนี้ขอรับ ท่านเทพเซียนของเราอยู่ที่นี่”
โม่เทียนเกอพยักหน้าแล้วจึงตามไห่ปั๋วไปทางบ้านน้ำแข็งหลังที่สูงที่สุดท่ามกลางบ้านที่อยู่กันเป็นกระจุก
ขณะที่พวกเขาเดินอยู่ ไห่ปั๋วอธิบาย “ท่านเทพเซียนของเราเป็นศิษย์ทางการของสำนักเจิ้งฝ่า ถ้าท่านมีอะไรต้องการถาม เขาจะรู้คำตอบอย่างแน่นอน! มา มา! ท่านเทพธิดา ตรงนี้ขอรับ” เขายกม่านหนังสัตว์ที่ทำหน้าที่เสมือนประตูเข้าไปสู่บ้านน้ำแข็งเปิดออกและจึงเชิญโม่เทียนเกอเข้ามาข้างใน
ด้วยรอยยิ้ม โม่เทียนเกอรับคำเชิญและเข้าไป ตอนที่นางกำลังเหาะอยู่เหนือเผ่าของพวกเขา นางก็รู้สึกได้ถึงตัวตนของผู้ฝึกตนระดับการสร้างฐานแห่งพลังงาน ตอนนั้นนางไม่เคยคิดว่าเผ่าที่มีคนแค่หลายร้อยคนจะมีผู้ฝึกตนระดับการสร้างฐานแห่งพลังงานอยู่ในหมู่พวกเขาด้วย
ด้านในคือห้องนั่งเล่นเล็กๆ แต่วิธีตกแต่งนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับห้องในดินแดนใจกลางและคุนอู๋ ความแตกต่างอยู่ในวัตถุที่ใช้ เครื่องเรือนส่วมใหญ่ทำจากน้ำแข็ง แม้ว่าผ้าม่านจะทำจากหนังสัตว์ ยังมีถ้วยชาและของอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนทำมาจากไม้แกะสลักอีกด้วย
เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้องนั่งเล่น ไห่ปั๋วไปยืนอยู่ด้านหน้าประตูผ้าม่านอีกบานหนึ่ง เขาส่งเสียงเรียกดังๆ “ท่านเทพเซียน ไห๋ป๋อขออนุญาตเข้าพบขอรับ!” ทันทีหลังจากนั้น เขายืนอย่างนอบน้อมอยู่ตรงนั้นและรอคอย
หลังจากชั่วขณะ เสียงหนึ่งดังออกมาจากข้างใน “เกิดอะไรขึ้น”
ไห่ปั๋วตอบด้วยความเคารพ “ท่านเทพธิดาต้องการพบกับท่านเทพเซียนขอรับ”
เมื่อไห่ปั๋วพูดจบ โม่เทียนเกอปล่อยแรงเคลื่อนไหวของผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานของนางออกไปเล็กน้อย แน่นอนว่าเสียงของใครบางคนที่กำลังเคลื่อนไหวดังออกมาจากด้านใน และในไม่ช้า ใครคนหนึ่งก็ยกม่านขึ้นเปิดและเดินออกมา
นั่นคือชายหนุ่มร่างสูงผอมที่มีเครื่องหน้าชัดเจนซึ่งส่วมใส่ชุดคลุมลัทธิเต๋าของสำนักเจิ้งฝ่า
โม่เทียนเกอยกมือขึ้นเตรียมพร้อมจะทักทายเขา แต่หลังจากมองคนผู้นั้นให้ชัด นางก็ต้องตกตะลึงถึงที่สุด “ท่านนี่เอง!”