ตอนที่ 179 ปลดปล่อยบ้านตระกูลอัน

รักเล่ห์เร้นใจ

อันโฮ่วสยงพอรู้ว่าบ้านตระกูลอันถูกเซียวจิ่งสือตัดหนทางถอยเพราะอันซิง ก็ด่าเธอไปยกใหญ่ แล้วสั่งให้เธอทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้เซียวจิ่งสือยอมปล่อยบ้านตระกูลอัน

 

 

เพื่อให้เซียวจิ่งสือปล่อยบ้านตระกูลอัน อันซิงจึงต้องนำรูปถ่ายที่เดิมตั้งใจจะปล่อยอัพโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ตเพื่อทำลายหลินหว่านมาข่มขู่เซียวจิ่งสือ โดยหวังว่าเขาจะรับปากปล่อยบ้านตระกูลอัน

 

 

แน่นอนว่า พอบ้านตระกูลอันกลับมารุ่งได้แล้ว เธอย่อมจะเอาคืน แค้นนี้จากหลินหว่านแน่

 

 

เซียวจิ่งสือฟังคำพูดอันซิงแล้ว หรี่ตาลง เขานึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ เซียวจิ่งสืออยากจะได้รูปถ่ายของหลินหว่านกลับมา เวลาเดียวกันก็อยากล้มบ้านตระกูลอันให้ได้ แต่เขาเกรงว่าถ้าบีบอันซิงมากไป ไม่แน่ว่ายัยบ้านี่จะปล่อยรูปของหลินหว่านขึ้นอินเทอร์เน็ตจริงๆ ทำเรื่องให้เสียหายกันไปหมด

 

 

“ได้ ฉันรับปากเธอ” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเย็น

 

 

อันซิงฟังแล้วถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ดูท่าหลินหว่านนี่เป็นจุดอ่อนของเซียวจิ่งสือจริงๆ ซะด้วย อันโฮ่วสยงฟังแผนของเธอแล้วยังหัวเราะเยาะเธออยู่เลย อันซิงเชื่อว่าต่อไปขอเพียงบีบหลินหว่านให้อยู่หมัด ก็เท่ากับควบคุมเซียวจิ่งสือไว้ได้แล้ว

 

 

“คุณหนูอัน อย่างนั้นผมนำรูปกลับมาได้หรือยัง” เซียวจิ่งสือถามอันซิง

 

 

“รอเดี๋ยวค่ะ คุณยังต้องปล่อยตัวคนที่ร่วมมือกับบ้านตระกูลอันที่คุณจับตัวไว้ด้วย” อันซิงเพิ่มเงื่อนไขทันควัน “รอให้บ้านตระกูลอันปลอดภัยแล้ว ฉันค่อยให้รูปถ่ายกับคุณ ไม่อย่างนั้น ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณจะไม่ผิดคำพูด? คุณเซียว ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อบ้านตระกูลอัน ไม่อย่างนั้น พวกเราก็พังไปด้วยกันนี่แหละ!”

 

 

“ได้…” เซียวจิ่งสือได้แต่กัดฟันรับปาก

 

 

ภายในห้องที่ทั้งแคบทั้งสกปรก คนคนหนึ่งถูกขังอยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว เขาก็คือท่านประธานที่ร่วมมือกับบ้านตระกูลอันคิดจะทำเรื่องเลวร้ายกับหลินหว่านคืนนั้นในห้องพักของโรงแรม

 

 

หลังจากถูกหลินหว่านทำร้าย เขาก็ไล่ตามเธอไป พอเห็นหลินหว่านบุกเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง เขาจึงกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ที่ไหนได้ วันรุ่งขึ้นกลับมีคนไปจับตัวเขามาที่นี่ จากคำพูดของฝ่ายตรงข้ามทำให้เขารู้ว่า พวกเขาเป็นคนของเซียวจิ่งสือ จับตัวเขามาเพราะเรื่องของหลินหว่าน

 

 

ทันใด ประตูถูกผลักออก ที่หน้าประตูมีเงาร่างสองยืนอยู่ เขาเห็นดังนั้นก็รีบโผเข้าไปร่ำร้องว่า “คุณหนูอัน คุณมาแล้ว! ช่วยผมออกไปด้วยเถอะ…คุณเซียว ขอโทษครับ! ผมผิดไปแล้ว! ปล่อยผมไปเถอะนะครับ! ผมไม่กล้าคิดร้ายกับคุณหลินอีกแล้ว…”

 

 

เซียวจิ่งสือมองดูคนตรงหน้าอย่างเย็นชา จับตัวเขามา เดิมทีคิดจะสั่งสอนเขาให้สมใจสักตั้ง พอคิดว่าเขาวางแผนทำลายหลินหว่าน เซียวจิ่งสือก็อารมณ์ขึ้น อยากให้เจ้านี่หายตัวไปจากโลกนี้ทันที!

 

 

“คุณเซียว ยังไม่ปล่อยคนอีก?” อันซิงถามเซียวจิ่งสือ พอเห็นสภาพไอ้ประธานหื่นนั่นแล้ว เธอแอบนึกในใจว่าเซียวจิ่งสือร้ายกาจได้ปานนี้เชียว

 

 

“ปล่อยมัน!” เซียวจิ่งสือสั่งการกับผู้ติดตามด้านหลังเขาด้วยสีหน้าเย็นชากระด้าง ผู้ติดตามได้ฟังก็เข้าไปแก้มัดชายคนนั้น แล้วปล่อยเขาเป็นอิสระ

 

 

“ขอบคุณคุณเซียว! ขอบคุณคุณเซียว!” ชายคนนั้นพอได้เป็นอิสระก็รีบเข้ามาประจบเซียวจิ่งสือ จากนั้นลนลานวิ่งเข้าไปหาอันซิง

 

 

อันซิงได้ตัวคนแล้วก็จะจากไป เสียงเย็นเยียบของเซียวจิ่งสือดังมาจากด้านหลัง “คุณหนูอัน ผมปล่อยคนแล้ว ผมก็น่าจะได้รูปกลับมาแล้วล่ะมั้ง”

 

 

“คุณเซียว ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะ รอให้บ้านตระกูลอันพ้นจากอันตรายแล้ว ฉันจึงจะมอบภาพถ่ายให้คุณ” อันซิงชะงัก หันมาประจันหน้ากับเซียวจิ่งสือ

 

 

“แต่เผื่อว่า คุณหนูอันไม่รักษาคำพูดล่ะ?” เซียวจิ่งสือพูดต่อว่า “เอาอย่างนี้ คุณหนูอันมอบรูปถ่ายให้ผมตอนนี้เถอะ อย่างนี้ผมจะได้ปล่อยบ้านตระกูลอันไปตอนนี้เลย”

 

 

อันซิงไม่โง่ เธอรู้ว่าภาพถ่ายในมือเธอพวกนั้น เป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถข่มขู่เซียวจิ่งสือได้ในตอนนี้ พอมอบให้เซียวจิ่งสือแล้ว ไม่แน่ว่าเซียวจิ่งสือได้ไปแล้ว ก็จะหันมาเล่นงานบ้านตระกูลอันต่ออีก

 

 

อันซิงพูดว่า “แต่…เซียวจิ่งสือ วันนี้ฉันไม่ได้เอาทรัมป์ไดร์ฟที่ใส่รูปมาด้วย ดังนั้นเรื่องรูปถ่ายเราไว้พูดกันคราวหน้าเถอะ” อันซิงพูดจบ ก็จากไปพร้อมกับคนร่วมมือกับตระกูลอัน

 

 

“ปัดโธ่…” เซียวจิ่งสือรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอกอย่างไรอย่างนั้น เขาอัดกำปั้นเข้าใส่ประตูที่อยู่ด้านข้างอย่างแรง

 

 

เซียวจิ่งสือไม่ได้บอกเรื่องบ่ายวันนี้กับหลินหว่าน รวมทั้งที่พบกับอันซิงและปล่อยตัวคนร่วมมือกับบ้านตระกูลอัน

 

 

ประการแรก เพราะเกรงว่าหลินหว่านจะหึงเขากับอันซิง ประการที่สอง เพราะเซียวจิ่งสือไม่อยากให้หลินหว่านรู้ว่า เขาปล่อยตัวไอ้คนที่ทำร้ายเธอ แล้วเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนเบื้องหน้าทำอย่างหนึ่ง ลับหลังทำอีกอย่างหนึ่ง

 

 

หลินหว่านกะเวลาที่ปกติเซียวจิ่งสือเลิกงาน มาที่บริษัท ตอนเที่ยงเซียวจิ่งสือพูดยั่วโมโหเธอ พอเธอไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งสือไม่ได้ตามมาหาเธอ

 

 

แต่หลินหว่านก็รู้สึกไม่ดีที่จะตั้งคำถามกับเซียวจิ่งสือ คิดไปคิดมา เธอตั้งใจว่าจะรอให้เซียวจิ่งสือเลิกงาน มาหาเขาที่บริษัท ใช้ข้ออ้างที่บอกว่าจะทำอาหารเย็นให้เขา ออกไปซื้อกับข้าวกับเขา จากนั้นคืนดีกับเขา

 

 

“เฮ้! พวกคุณรู้ไหมเที่ยงนี้คุณหนูใหญ่อันของบ้านตระกูลอัน มาหาท่านประธานของพวกเราที่บริษัทด้วย ท่านประธานเซียวกับเธออยู่ในห้องทำงานด้วยกันสองต่อสองตั้งนาน แล้วยังไม่ให้คนอื่นไปรบกวนด้วย ฉันไปส่งเอกสารให้ประธานเซียว ยังถูกผู้ช่วยของเขาขวางไว้นอกห้องทำงานเลย!”

 

 

ยังไม่ทันได้เข้าบริษัท หลินหว่านก็ได้ยินพนักงานหลายคนแอบซุบซิบกันยามว่าง

 

 

“จริงเหรอ? เมื่อตอนเช้าประธานเซียวยังหวานกับคุณหลินต่อหน้าผู้คนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำไมยังจะไปมีอะไรกับอันซิงได้ล่ะ?”

 

 

“อันนี้ฉันก็ไม่รู้ แต่ว่าอันซิงเป็นคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลอัน แล้วยังเคยหมั้นหมายกับท่านประธานเซียว หรือว่าท่านประธาน…”

 

 

คำพูดต่อมาหลินหว่านได้ยินไม่ชัด แต่จากบทสนทนาของพวกเขา เธอพอจะเดาได้ว่าจะพูดอะไรบ้าง

 

 

“พวกเธออย่าซี้ซั้วพูดแล้ว ลืมแล้วเหรอที่เมื่อวานท่านประธานเซียวสั่งเอาไว้ ว่าจะเล่นงานบ้านตระกูลอันโดยไม่สนว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างนะ”

 

 

ตอนนั้น ก็มีคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น

 

 

“เธอยังไม่ได้ข่าวอีกเหรอ? เมื่อครู่ท่านประธานเซียวเพิ่งสั่งว่า เขาจะปล่อยบ้านตระกูลอัน ให้พวกเราหยุดแผนโจมตีบ้านตระกูลอันด่วน”

 

 

พนักงานที่เอ่ยปากคนแรกแย้งขึ้นอีก

 

 

“หา? ถ้างั้น…หรือว่าอันซิงมาขอร้องท่านประธานเซียวของเราให้ปล่อยบ้านตระกูลอัน จากนั้นท่านประธานก็รับปากงั้นสิ”

 

 

“ฉันรู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างที่เธอพูดนะ ไม่อย่างงั้นทำไมท่านประธานจะพูดกลับไปกลับมา ปล่อยบ้านตระกูลอัน…”

 

 

คำพูดของเธอจู่ๆ ก็ถูกคนก่อนหน้านั้นขัดขึ้น “เอาล่ะๆ ไม่ต้องเถียงกันเรื่องนี้แล้ว พวกเรารีบไปทำงานกันเถอะ ไม่งั้นท่านประธานเซียวมาเห็นเข้า ได้ถูกหักเงินเดือนกันหรอก”

 

 

ดังนั้นเอง ทั้งสามจึงไม่กล้านินทานายกันอีก รีบไปทำงานกันต่อ

 

 

พวกเธอเหล่านั้นไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า ด้านนอกออฟฟิศมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง หลินหว่านได้ยินคำสนทนาเมื่อครู่ของพวกเขาทั้งหมด

 

 

หลินหว่านได้ฟังแล้ว หัวใจเย็นเยือกเหมือนกับตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งอย่างไรอย่างงั้น เธอผิดหวังอย่างที่สุด หลินหว่านหมุนตัวแล้วก้าวเท้าออกไปทีละก้าว ไปจากบริษัท