มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 596
การต่อสู้ในครั้งนี้ เขาได้แพ้อย่างสมบูรณ์แบบ ร่างยุทธ์ร่างเนื้ออันเป็นที่น่าภูมิใจ ถูกอีกฝ่ายกดขี่จนไม่อาจต่อต้าน

จากการพ่ายแพ้ของหลี่จ้าน สีหน้าของเจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดแย่ลงไปจนแทบดูไม่ได้ในทันที

“เจ้ายุทธจักรพลานุภาพ เหมือนว่าข้าจะโชคดีที่ได้รับชัยชนะนะ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิว

เมื่อคำพูดนี้ได้ยินเข้าหูเจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียน กลับแสลงหูยิ่งนัก ลูกศิษย์ที่เขาฝึกฝนมาอย่างยากลำบาก คิดไม่ถึงว่าจะแพ้!

ถ้าหากถูกคนที่มีผลการฝึกตนในแดนเดียวกันเอาชนะได้ ก็ไม่ใช่ว่าเจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนจะยอมรับไม่ได้ แต่จักรพรรดิยุทธ์ขั้นเจ็ดเอาชนะมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่มกุฎยุทธ์ขั้นสี่ธรรมดา เจ้าหนุ่มที่ชื่อหลัวซิวผู้นี้ทำได้อย่างไรกัน?

ต้วนฉือเทียนมองดูเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวแวบหนึ่ง แม้เขาจะยอมรับว่าหวูชิวผู้นี้แผนการไหวพริบไม่น้อย แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะฝึกฝนอัจฉริยะเช่นนี้ออกมาได้

“ข้ากล้าเล่นกล้าเสีย!” ต้วนฉือเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้ง จากนั้นก็ได้พลิกมือเอาม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมา แล้วโยนกับเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิว

แม้ว่าพลังเก้าภพจะเป็นวิชากลั่นร่างระดับสุดยอด แต่เคล็ดวิชานี้ก็ฝึกฝนได้ยากเช่นเดียวกัน

บนเวทีประลองยุทธ์ หลังจากที่หลี่จ้านได้ยอมแพ้ ก็ได้กลับไปที่แท่นบัวเพลิงอัคคีด้วยใบหน้าเสื่อมโทรม ตามกฎในการประลอง ผู้ที่ได้แพ้หนึ่งครั้งแล้ว ไม่อนุญาตให้ขึ้นเวทีอีกครั้ง

หลังจากที่ได้อันดับหนึ่งของแต่ละกลุ่มมา พวกคนที่สู้แพ้เหล่านั้น ก็จะไปแย่งชิงรายชื่อสิบอันดับที่เหลือของแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง

ในกลุ่มที่สาม หลัวซิวเอาชนะหลี่จ้าน ก็ได้กลายเป็นที่กล่าวถึงขึ้นมาในทันที มีชื่อเสียงขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว

“หลัวซิวผู้นี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ ได้ชนะได้แม้กระทั่งหลี่จ้าน”

“ที่น่ากลัวที่สุดก็คือเขาต่อสู้มาเป็นเวลานาน กลับไม่เห็นว่าสูญเสียพลังไปเลยสักนิด หรือว่าในมือของเขามีสมบัติวิเศษบางอย่างอยู่ ทำให้เขาสามารถเติมเต็มพลังจิตแท้ที่สูญเสียไปได้อย่างรวดเร็ว?”

“หึ ๆ สมบัติวิเศษที่สามารถเติมเต็มพลังจิตแท้ได้นั้นไม่ใช่สิ่งธรรมดาอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าโชคชะตาของหลัวซิวผู้นี้จะไม่เลวเลยจริง ๆ”

ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์ และหลังจากที่หลัวซิวได้เอาชนะหลี่จ้าน ก็ไม่ได้รอรับการท้าประลองอยู่ต่อไป แต่กลับได้ลอยตัวขึ้น กลับไปยังแท่นบัวเพลิงอัคคีของตน

ตามกฎในการประลอง ผู้แพ้งไม่สามารถขึ้นประลองได้อีก แต่ผู้ที่ชนะนั้นสามารถกลับไปที่แท่นบัวเพลิงอัคคีเพื่อฟื้นฟูพลังได้

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวได้รับพลังเก้าภพมา ก็ได้มองไปยังหลัวซิวอย่างภาคภูมิใจแวบหนึ่ง

“เจ้าหนุ่มคนนี้ยังได้ปิดบังฝีมือที่แท้จริงของตน ไม่แน่ว่าอาจจะได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งมาจริง ๆ ก็ได้”

เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวแอบกล่าวอยู่ในใจ แม้จะคิดเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก เพราะถึงอย่างไรเสียการประลองยุทธ์ในครั้งนี้ อัจฉริยะของแต่ละแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ได้มาจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกัน ส่วนหลัวซิวนั้นอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี คิดจะเอาชนะคนพวกนั้นคงไม่ง่ายนัก

“” อายุเพียงแค่นี้ก็รู้จักปิดบังความสามารถของตนเองแล้ว ข้าสงสัยจริง ๆ เลยว่า เจ้าปิดบังความสามารถเอาไว้เท่าไหร่กันแน่ และยังมีไม้ตายอะไรอยู่อีก?”

ในขณะเดียวกันนั้น ยังมีสายตาอีกสองสายที่ได้มองมายังหลัวซิว เจ้าของของสายตาทั้งสองสายนี้ คือเหยียนเยว่เอ๋อร์และลู่เมิ่งเหยานั่นเอง

“สู้ ๆ!” เหยียนเยว่เอ๋อร์โบกมือให้กับหลัวซิว นางเชื่อว่าเมื่อผ่านการประลองในครานี้ไป ชื่อของหลัวซิวจักต้องโด่งดังไปทั่วโลกแสงดาวอย่างแน่นอน ไม่มีผู้ใดไม่รู้ ไม่มีผู้ใดไม่ทราบ

หลู่เมิ่งเหยาก็จับจ้องมายังหลัวซิวเช่นเดียวกัน ในสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

“เดิมคิดว่าเมื่อข้าได้กราบเจ้ายุทธจักรหยกนาราเป็นอาจารย์ก็จะเป็นเหมือนดั่งปลาทะยานข้ามประตูมังกร นับจากนี้ไม่ใช่คนในโลกเดียวกันกับเขาอีกต่อไป”

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มอันขมขื่นก็ได้ปรากฏขึ้นที่มุมปากของลู่เมิ่งเหยา ความทรงจำในอดีตทะลักออกมาเหมือนกับน้ำพุ

เมื่อตอนที่อยู่เขตการปกครองโตว้ไห่ในปีนั้น ได้พบเข้ากับเจ้ายุทธจักรหยกนาราโดยบังเอิญ ตอนนั้นได้เกิดความสัมพันธ์ขึ้นระหว่างตนเองกับหลัวซิวแล้ว เจ้ายุทธจักรหยกนาราต้องการพาตนไป ตอนนั้นนางไปอยากจะไปเลยสักนิด

แต่ได้รู้จากปากเจ้ายุทธจักรหยกนาราในเวลาต่อมาว่า ตนนั้นมีร่างพรสวรรค์ที่หาได้ยาก มีอนาคตที่ไร้ขอบเขต ไม่ใช่คนในโลกเดียวกันกับเขา ความแตกต่างนับวันจะยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

เจ้ายุทธจักรหยกนาราได้ชี้ทางของอนาคตที่เจิดจรัสให้กับนาง สุดท้ายนางก็ไม่อาจยืนหยัดความคิดของตนเองได้ พ่ายแพ้ให้กับเส้นทางของอนาคตที่สดใสที่เจ้ายุทธจักรหยกนาราได้มอบให้ ไปแล้วไม่หวนกลับ

บทที่ 595

บทที่ 597