เป็นไปไม่ได้
“พ่อ ทำไมถึงอยากให้ผมรีบกลับมานักล่ะ เอ๊ะ พี่หยินหนิงกับพี่ไจบิงเองก็อยู่ที่นี่ด้วยแหะ” ชายหนุ่มตัวสูงคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้นมาทันทีที่เขาเข้ามา และหัวเราะดีใจเมื่อได้เห็นญาติผู้พี่ของเขา
“ไจซวนให้พ่อได้แนะนำคนคนหนึ่งให้ลูกได้รู้จักก่อนนะ นี่คือคุณซูจิ้ง” เฉียนจานฮวงกล่าวแนะนำซูจิ้ง
“สวัสดีครับพี่ชายซู” เฉียนไจซวนได้ข่าวคราวของซูจิ้งบนอินเตอร์เนตมาตั้งนานแล้ว เขานั้นค่อนข้างที่จะปลื้มซูจิ้งอยู่พอสมควร ยิ่งเขารู้ว่าซูจิ้งเป็นคนช่วยปู่ของเขาและไจบิงด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาเคารพและเทิดทูนซูจิ้งยิ่งกว่าเดิม และเขามีความสุขอย่างมากเมื่อได้เห็นซูจิ้ง
“สวัสดีครับ” ซูจิ้งกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้ม
เฉียนจานฮวงและเฉียนหยินหนิงและทุกคนในที่นี้ก็ยังคงสงสัยอยู่ว่าซูจิ้งจะถามหาไจซวนทำไม
พวกเขาสงสัยจนอดไม่ได้ที่ต้องถามออกมาแต่ซูจิ้งก็ยังคงอุบเงียบและพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มออกมาว่า
“ตอนที่ผมเข้ามาที่นี่เห็นว่ามีสระว่ายน้ำของชุมชนอยู่ เท่าที่ดูก็เป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่และดูดีเหมาะกับการว่ายทดสอบร่างกายเลย งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ไจซวนนายลองว่ายน้ำให้ฉันดูหน่อยสิ”
ทุกคนในตอนนี้ต่างรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ทุกคนก็ยังทำตามที่ซูจิ้งบอกโดยพากันยกโขยงกันไปสระว่ายน้ำของชุมชนด้วยกัน ในระหว่างนั้นซูจิ้งได้ให้ผลไม้ลูกสีแดงเม็ดเล็กๆให้ไจซวนโดยที่คนอื่นไม่ทันได้สังเกต
ซักพักเมื่อพวกเขาได้ไปถึงที่สระว่ายน้ำ ไจซวนได้เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำพร้อมทั้งอบอุ่นร่างกาย ด้วยความประหม่านิดหน่อยเขาได้หันมาบอกกับทุกคนก่อนที่จะว่ายน้ำว่า “ผมบอกไว้ก่อนนะว่าวันนี้ผมค่อนข้างเหนื่อยและอาจทำได้ไม่ค่อยดีนะ ขนาดวันนี้ว่ายแบบฟรีสไตล์ 200 ม. ผมยังต้องใช้เวลาตั้ง 1 นาที 50 วินาทีแน่ะ อย่ามาหัวเราะทีหลังก็แล้วกัน”
“เอาน่า แค่ลองว่ายให้ดูก็พอ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ได้” ไจซวนยืนอยู่ที่แท่นกระโดดที่ขอบสระว่ายน้ำ คนอื่นๆก็ยังคงงงอยู่ดีว่าทำไมถึงต้องให้ไจซวนมาว่ายน้ำอย่างนี้ด้วย เฉียนจานฮวงทำหน้าที่เป็นคนจับเวลาด้วยนาฬิกาจับเวลา ต่อให้อาจมีการคลาดเคลื่อนไปบ้างแต่ก็ไม่น่าจะเกิน 1 วินาที
“เริ่ม” ทันใดนั้นเฉียนจานฮวงได้กดนาฬิกาจับเวลาทันที และเฉียนไจซวนได้กระโจนออกไปพร้อมกัน
หลังจากกระโจนลงไปในน้ำเขาได้ทำการว่ายไปยังอีกฝั่งเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
แต่ในตอนนี้ความรู้สึกที่เขาได้รับมันเปลี่ยนไปจากทุกที เขารู้สึกดีและว่ายน้ำอย่างมีความสุขเรียกว่ามีชีวิตชีวา
เขาไม่รู้สึกถึงแรงต้านของน้ำแม้แต่น้อยเหมือนเขากลายเป็นสัตว์น้ำที่รู้สึกดีเวลาได้อยู่ในน้ำหลังจากที่อยู่บนบกมานาน
“ทำไมฉันรู้สึกว่าไจซวนว่ายได้เร็วกว่าปกติล่ะ ฉันตาฝาดไปรึเปล่า” เฉียนจานฮวงพูดออกมา
“ฉันเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ” ภรรยาของเฉียนจานฮวงเองก็พูดสำทับขึ้นมาเช่นกัน
“ไม่ใช่ว่าเจ้าหนูนี่ควบคุมการหายใจตอนว่ายน้ำได้ไม่ค่อยดีไม่ใช่หรอ เขาต้องใช้แรงมากกว่าปกติในตอนที่ออกตัวจนทำให้เขานั้นแข่งไม่ค่อยจะชนะนี่นา” เฉียนจานฮวงพูดออกมา
เฉียนไจซวนตั้งเป้าหมายไว้ว่าเขาจะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำฟรีสไตล์รุ่นระยะ 200 ม. ซึ่งถือว่าเป็นระยะไกล
นั่นหมายความว่าปกติแล้วในการว่ายแข่งจริงควรมีการออมแรงไว้ในตอนเริ่มต้นและเร่งว่ายในตอนท้าย
แต่กับไจซวนนั้นติดนิสัยว่ายเต็มที่ตั้งแต่แรกทำให้เขาไม่ค่อยได้รางวัล
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ายิ่งไจซวนว่ายเท่าไหร่ก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อในสายตาตัวเอง
นั่นก็เพราะว่าทางกายภาพแล้วไม่มีทางเป็นไปได้นั่นเอง
คนอื่นๆที่อยู่รอบๆสระว่ายน้ำเองก็ยังตกใจเช่นกัน
“เขาว่ายได้เร็วจัง”
“เขาต้องเป็นนักกีฬาว่ายน้ำแน่ๆ”
“ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทั่วไปนะ น่าจะเป็นระดับโอลิมปิคเลย”
“พี่ชายว่ายได้โคตรเร็วเลย”
ในตอนนี้เองไจซวนได้ว่ายได้ครบระยะแล้ว เฉียนจานฮวงได้กดนาฬิกาจับเวลาพร้อมทั้งมองไปที่ตัวเลขเวลาที่ขึ้น ตอนนี้เขารู้สึกอึ้งพูดอะไรไม่ออก ทุกคนต่างออเข้ามาดูว่าไจซวนใช้เวลาในการว่ายทั้งหมดกี่วินาที
พวกเขาเห็นจานฮวงนิ่งไปหนึ่งในนั้นจึงถามว่า “ใช้เวลากี่วินาทีน่ะ”
“ฉันต้องกดผิดแน่ๆ ไม่ก็อาจจะอ่านผิดนะ” เฉียนจานฮวงพูดออกมาแต่ไม่ยอมบอกเวลา
“ฉันก็ว่าต้องมีอะไรผิดนะ” ภรรยาของเฉียนจานฮวงเองก็คิดอย่างนั้น
“แล้วได้กี่วินาทีกันแน่ล่ะคร้าบบบบบ” ไจซวนเล้าคำตอบเพราะไม่มีใครตอบเขาซักที
“1.41 วินาที” เฉียนจานฮวงพูดออกมาในขณะที่ยื่นนาฬิกาให้ไจซวนดูเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อในคำพูดของตนเอง
“จะเป็นไปได้ยังไง” เฉียนไจซวนตกใจทันที สถิติโลกสำหรับการว่ายน้ำแบบฟรีสไตล์ระยะ 200 ม. อยู่ที่หนึ่งนาทีสี่สิบสองวินาทีแต่นี่เขาว่ายได้เร็วกว่าอันดับโลกหนึ่งวินาที ด้วยความเร็วขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่ได้ติดทีมชาติกันหล่ะ
“ฉันน่าจะกดเวลาผิดล่ะมั้ง” เฉียนจานฮวงพูดออกมา
“อีกที ลองจับอีกทีนึงนะพ่อ” เฉียนไจซวนรอไม่ไหวที่จะหาคำตอบเลยตัดสินใจว่ายน้ำอีกรอบแทน เฉียนจานฮวงและคนอื่นๆเองก็เห็นด้วย ความจริงพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก แค่พวกเขาไม่เชื่อกันเองเท่านั้น
ไม่กี่วินาทีต่อมา ไม่เพียงแต่เฉียนจานฮวงเท่านั้นแต่ครอบครัวตระกูลเฉียนคนอื่นๆต่างนำโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเข้าสู่โหมดจับเวลากันทุกคน
เมื่อไจซวนว่ายน้ำครบอีกหนึ่งรอบแล้วแล้วทุกคนนำเวลาที่แต่ละคนจับมาเทียบกันดูปรากฎว่าส่วนใหญ่จับเวลาได้อยู่ที่ 1.40 นาที แต่มีอยู่เครื่องหนึ่งที่จับได้ 1.39 นาที นั่นหมายความเฉียนไจซวนได้ทำลายสถิติโลกไปเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมอยู่ๆถึงว่ายได้เร็วขนาดนี้หล่ะ” ทุกๆคนต่างยืนอึ้งนิ่งไป
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แค่ว่าเวลาอยู่ในน้ำแล้วรู้สึกสบายแค่นั้นเอง เหมือนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของน้ำยังไงก็ไม่รู้” เฉียนไจซวนพยายามอธิบายความรู้สึกออกมา
ทันใดนั้นทุกคนก็ค่อยๆหันไปมองซูจิ้งเหมือนกับพวกเขากำลังเห็นผียังไงยังงั้น ไม่มีใครสงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าใช่ฝึมือซูจิ้งรึเปล่า ซูจิ้งได้เรียกให้ไจซวนกลับมา ถึงเขาจะทำเหมือนกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ตามแต่ประเด็นคือเขาทำได้ยังไง
“คุณซู คุณได้ให้สารกระตุ้นกับไจซวนรึเปล่าน่ะ มันผิดกฎหมายร้ายแรงเลยนะ” เฉียนจานฮวงพูดออกมาอย่างกังวล
“ผมไม่ได้ให้สารกระตุ้นอะไรเขาเลยนะ ถ้าเขายังรักษาระดับความเร็วนี้ไว้ได้หรือถ้าฝึกฝนอีกซักหน่อยเขาน่าจะเร็วได้ยิ่งกว่านี้อีก” ซูจิ้งยิ้มออกมา
“นายทำได้ยังไงน่ะ” มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนทั่วไปเข้าใจได้ว่าทำยังไงถึงว่ายน้ำได้ราวกับนักกีฬาทีมชาติ ไม่สิต้องบอกว่าไม่มีทางที่จะเข้าใจได้เลยมากกว่า
“ฮ่าฮ่า เป็นความลับน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ในความจริงนั้นก่อนที่จะกินชาถัง(ห้วงเวลาฯจูเซียน)
เขาเองก็เก่งในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ถ้าคนทั่วไปต่อให้กินชาถังเข้าไปก็ไม่ได้ว่ายเร็วขนาดนี้หรอก
นั่นหมายความว่าชาถังมีฤทธิ์ในการช่วยเสริมทักษะทางร่างกาย ยิ่งคนมีทักษะทางร่างกายกินเข้าไปผลที่เกิดจะเห็นได้เด่นชัด นั่นทำให้ความเร็วของไจซวนเทียบเท่ากับนักกีฬาโอลิมปิคได้
ถ้าคนที่เล่นยิมนาสติกมากินก็ช่วยเสริมทักษะทางร่างกายได้เช่นเดียวกัน
“นี่เป็นผลจากการกินผลไม้สีแดงนั่นงั้นหรอ” เฉียนหยินหนิงนึกถึงผลไม้สีแดงที่ซูจิ้งแอบให้เฉียนไจซวนกินก่อนหน้านี้
เธอเองก็ได้ลองถามดูเหมือนกันแต่ตอนที่ได้ยินมาตอนแรกเธอนึกว่าแค่เรื่องตลก ใครจะไปคิดว่าผลไม้แค่นั้นจะมีผลทำให้ว่ายน้ำเร็วได้จริงๆ นี่ยังเป็นของบนโลกนี้อยู่อีกหรอ
ซูจิ้งหัวเราะออกมาเบาๆแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา นั่นยิ่งทำให้ทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ
พวกเขาเองก็รู้มานานแล้วว่าซูจิ้งมักมีอะไรพิเศษอยู่เสมอ แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
พวกเขารู้แล้วว่าทำไมก่อนหน้านี่ซูจิ้งไม่ยอมบอกอะไรเพราะถึงบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อเขาอยู่ดี
เฉียนไจซวนกลับมาได้สติหลังจากที่สมองว่างเปล่าไปพักนึงหลังจากได้ยินเรื่องที่คุยกัน
ตอนนี้ท่าทางของเขาตอนนี้แสดงออกมาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและขอบคุณ
เขาพูดกับซูจิ้งออกมาว่า “ขอบคุณครับพี่ชายซู พี่นี่สมกับคำว่าเทพจริงๆ” ถึงแม้ไจหยวนจะยังสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เขาในตอนนี้คำนึงถึงผลลัพธ์มากกว่าเหตุผลไปเรียบร้อยแล้ว
ตราบใดที่เขายังคงรักษาระดับความเร็วนี้เอาไว้ได้ล่ะก็ เขานั้นจะกลายเป็นคนที่โดดเด่นและจะมีชีวิตตามที่เขาได้หวังไว้ แล้วถ้าเขาได้เหรียญทองกีฬาโอลิมปิคล่ะก็จะถือว่าเป็นกำไรของชีวิตเขาแล้ว