ผลลัพท์อันน่าอัศจรรย์

 

หลัวเทียนฟู่และภรรยาของเขาได้ตั้งความหวังไว้กับยาของซูจิ้งอย่างสูง และได้ให้ยากับลูกสาวของพวกเขาสามครั้งต่อวัน เป็นเวลาสามวัน ในเช้าวันที่สี่นั้นในขณะที่ทั้งหลัวเทียนฟู่และภรรยายังไม่ตื่นดี ทั้งคู่ได้ยินเสียงวีดว้ายของลูกสาวจนทำให้พวกเขาสะดุ้งตื่นทันที

 

“เกิดอะไรขึ้นน่ะเซี่ยวซี” ภรรยาของหลัวเทียนฟู่รีบลุกขึ้นพร้อมทั้งตะโกนและวิ่งไปยังห้องของลูกสาวเธอในทันที

 

“เซี่ยวซีเป็นอะไรไปน่ะ” หลัวเทียนฟู่เองหลังจากลุกขึ้นออกมาได้ก็รีบวิ่งไปที่ห้องลูกสาวเช่นเดียวกัน

 

“ฉันบอกแล้วไงว่าทรายดำมันไม่ได้เรื่องหรอก แต่คุณก็ยังอยากจะลองให้ลูกกินอยู่อีก” ภรรยาของหลัวเทียนฟู่กร่นด่าไปยังหลัวเทียนฟู่ในขณะที่รีบวิ่งไปกันที่ห้องของลูกสาวด้วยท่าทีที่กังวลและเป็นห่วงลูกสาวอย่างมาก

ทันทีที่ทั้งสองถึงห้องก็เห็นว่าลูกสาวของพวกเขาตื่นขึ้นมานั่งอยู่ที่ขอบเตียงเรียบร้อยแล้ว

แต่สีหน้าของเธอในตอนนี้แสดงท่าทีว่ากำลังตกใจแต่ไม่ใช่ตกใจด้วยความเจ็บปวดแต่เป็นการตกใจด้วยความประหลาดใจและมีความสุขพร้อมรอยยิ้มจนแก้มปริ

 

“เป็นยังไงบ้างลูกรัก หืมว่าไงเซี่ยวซี” ภรรยาของหลัวเทียนฟู่ได้ถามไปที่ลูกสาวของเธอด้วยท่าทีตื่นๆ

 

“พ่อคะ แม่คะ หนูเห็นแล้ว หนูมองเห็นแล้วค่ะ” เด็กสาวบอกทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงดังชัดและแจ่มใส

 

“ว่าไงนะ” หลัวเทียนฟู่และภรรยาของเขานิ่งอึ้งไปทันทีที่ได้ยิน เมื่อพวกเขาได้สติจึงถามไปเพื่อความแน่ใจว่า “ลูกมองเห็นแล้วจริงๆหรอเซี่ยวซี”

 

หลัวเทียนฟู่และภรรยาต่างจ้องไปที่ลูกสาวของเธอ พวกเขาเห็นลูกสาวหันไปมองสิ่งต่างๆรอบตัว พวกเขาสังเกตุที่ตาของลูกสาวแล้วพบว่าไม่มีอาการแสดงว่าพยายามเพ่งหรือไม่มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าตามอาการปกติของเธอที่เป็นก่อนหน้านี้ พวกเขารู้ได้ในทันทีว่าเธอมองเห็นได้จริง ภรรยาของเขาถึงกับเอามือของเธอโบกไปมาข้างหน้าลูกสาว ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองในการมองเป็นเกือบปกติดี

 

“แม่หนูเห็นแล้วจริงๆนะ” ทันใดนั้นลูกสาวของเธอรีบนำมือมาคว้าไว้ในทันที

 

“ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณจริงๆ” ภรรยาของหลัวเทียนฟู่แสดงถึงความปิติยินดีอย่างเห็นได้ชัด

 

“ฮ่าฮ่า เยี่ยมที่สุด เห็นไหมฉันบอกแล้วว่ามันต้องได้ผล เธอน่ะมาบ่นฉันไปได้” หลัวเทียนฟู่พูดออกมาทั้งน้ำตาด้วยยินดีเต็มหัวใจเช่นกัน

 

“จ้าที่รักคราวนี้คุณถูกที่สุด ฉันกังวลไปเองจ้ะ พวกเราต้องไปขอบคุณซูให้ได้นะ เขาสมกับเป็นหมอเทวดาจริงๆ” ภรรยาของหลัวเทียนฟู่ยิ้มออกมา

 

“พ่อคะแม่คะหนูเห็นก็จริงแต่มันยังไม่ชัดนะ มันยังรู้สึกเบลอๆ เหมือนกับมองไปไกลๆอยู่เลย” ถึงแม้ลูกสาวของเขาบ่นออกมาอย่างนั้นแต่ทั้งสองคนก็ยังรู้สึกดีใจอยู่ดี เด็กสาวดูเหมือนยังกลัวๆว่าจะไม่ได้เห็นชัดกว่านี้แต่ภรรยาของหลัวเทียนฟู่ก็ได้พูดปลอบใจในทันทีว่า “ไม่เป็นไรน่าลูกรัก แค่กินยาต่ออีกหน่อยเดี๋ยวอาการก็จะค่อยๆดีขึ้นเองนะ”

 

พวกเขายังคงให้ยาที่ทำจากทรายดำแก่ลูกสาวของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง และก็เป็นจริงดังนั้น สายตาของลูกสาวของพวกเขาดีวันดีคืน

 

หลัวเทียนฟู่และภรรยารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณซูจิ้งอย่างมากจนกระทั่งต้องมาที่บ้านของซูจิ้งเพื่อมาแสดงความขอบคุณ ละแน่นอนว่าหลัวเทียนฟู่ยอมเข้าไปทำงานในสถาบันวิจัยอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ตอนนี้หลัวเทียนฟู่ได้เปิดใจให้ซูจิ้งแล้ว

 

ด้วยการที่หลัวเทียนฟู่ไม่คิดจะต่อต้านซูจิ้งอีกต่อไปทำให้ซูจิ้งสามารถสะกดจิตเทียนฟู่ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อหนแรกที่เขาเข้าทำงานในสถาบันวิจัยของซูจิ้งนั้น แวบแรกที่เขาเห็นมนุษย์ต่างดาวเขาเองก็ตกใจไม่ใช่น้อย

แต่ด้วยการถูกสะกดจิตของซูจิ้งกลายเป็นว่าแทนที่เขาจะตกใจจนต้องป่าวประกาศ

กลับเป็นตกใจและเข้าใจในทันทีว่าทำไมซูจิ้งถึงบอกอะไรเขาไม่ได้

และกลายเป็นรู้สึกดีต่อซูจิ้งมากกว่าเดิมที่ยอมไว้วางใจเผยความลับให้เขารู้ซะอย่างนั้น ทำให้เขายอมรับเรื่องนี่ได้เร็วขึ้นและทำงานร่วมกันได้อย่างเข้ามือ

ซูจิ้งได้เริ่มทุ่มเงินลงไปในการซื้อเครื่องมือและขยายกำลังการผลิตปฏิสสารในทันที

ด้วยการที่เขาได้หลัวเทียนฟู่ผู้เป็นระดับอัจฉริยะและมีภูมิความรู้ชั้นยอดในเรื่องปฏิสสารมาทำงานให้เขาจึงเชื่อว่า

อีกไม่นานการขยายกำลังการผลิตดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้า และจะทำให้สามารถผลิตปฏิสสารมากกว่าเดิมสองเท่า

 

เหล่าครอบครัวตระกูลเฉียนตกใจทันทีที่รู้ข่าวว่าตาของลูกสาวของหลัวเทียนฟู่หายดีแล้ว

เอาจริงๆพวกเขาก็คิดแหล่ะว่าต่อให้อาการหนักจนเรียกว่าความหวังริบหรี่ยังไงซูจิ้งก็รักษาหายได้

แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะหายเร็วขนาดนี้

 

หลัวเทียนฟู่นั้นได้ทำการยกเลิกกระบวนการรักษากับโรงพยาบาล พร้อมทั้งยังอธิบายอาการของลูกสาวให้หมอเจ้าของไข้ฟังเนื่องจากถูกคัดค้านอย่างหนัก

หลังจากฟังเรื่องราวจบลงตอนแรกหมอเจ้าของไข้ไม่เชื่อเขาเลยซักนิด ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าทรายดำจะรักษาโรคทางดวงตาได้จริงมันก็แค่ความเชื่อเก่าแก่

แต่ทันทีที่เห็นว่าสายตาของเซี่ยวซีนั้นหายดีเป็นปลิดทิ้ง มองเห็นได้ปกติดีหมอเจ้าของไข้จึงยอมเชื่อ ยอมเชื่อจนถึงขั้นต้องนำขี้ค้างคาวไปศึกษาวิจัยอย่างจริงจังกันเลย

 

ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่านั้นก็คือสายตาของเซี่ยวซีนั้นดีวันดีคืน หลังจากได้รับยาทรายดำของซูจิ้งมาเป็นเวลาหนึ่งเดือน พวกเขาได้ตรวจอาการของเธอก็พบว่านอกจากโรคตาบอดสีจะหายขาดแล้วสายตาของเธอยังปกติดีมากที่เรียกกันว่าสายตา 2.0 (ตัวเล็กมากก็ยังอ่านได้)ซึ่งก่อนหน้านี้เธอมีอาการตาบอดต้องมองอะไรแบบใกล้มากๆเท่านั้นถึงจะเห็นถ้าเทียบเป็นระดับการวัดของสายตาอยู่ที่ 0.2 (ตัวใหญ่มากๆถึงจะเห็น) ตอนนี้เซี่ยวซีนอกจากจะหายจากอาการสายตาสั้นมากๆแล้วกลับกลายเป็นสายตาดีมากๆจนหลายคนต้องอิจฉาเลยทีเดียว

“พระเจ้า เป็นไปได้ยังไงกัน” แม้แต่หมอเจ้าของไข้ก็ยังตกตะลึงจนพูดไม่ออก

ก่อนหน้านี้หมอเจ้าของไจ้คิดไปว่าทรายดำที่ว่าไม่น่าจะได้ผลเพราะเขาทดลองแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตอนแรกเขาก็เชื่อว่าเป็นยาที่เขาใช้รักษาแต่มันก็ไม่มีทางได้ผลดีขนาดนี้

ยาที่เขาให้ไม่เคยมีผลในการรักษาอาการสายตาสั้น อย่าว่าตาอาการสายตาสั้นดีขึ้นเลยแม้แต่จะทำให้ระดับสายตาแย่ลงแม้เล็กน้อยมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

การที่จะรักษาโรคสายตาสั้นได้นั้นมีแต่ต้องผ่าตัดเท่านั้นไม่อย่างนั้นจะไม่มีทางเป็นไปได้

แต่ตอนนี้เด็กคนนี้แค่ใช้ยาตัวเดียวนอกจากจะรักษาโรคตาบอดสีแล้วยังรักษาอาการสายตาสั้นได้อีกน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

 

“คุณหลัว ผมพอจะขอทรายดำที่คุณใช้หน่อยได้ไหมครับ” หมอเจ้าของไข้แสดงออกถึงความตื่นเต้นใจขณะถาม

 

“เสียใจด้วยครับ ผมใช้มันหมดไปแล้วน่ะ” หลัวเทียนฟู่ตอบไปในทันทีเพราะเขานึกไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่เห็นหมอทำท่าตื่นเต้นเมื่อกี้

ยาที่รักษาโรคตาบอดสีได้นั้นก็แทบจะบอกได้ว่าเป็นยาเทวดาแล้วแต่นี่แม้แต่อาการสายตาสั้นก็ยังหายขาด

ลองนึกดูเล่นๆว่าในโลกนี้มีที่ป่วยเป็นโลกตาบอดสีน้อยก็จริงแต่คนที่ป่วยด้วยอาการทางสายตามีเยอะหยั่งกับดอกเห็ดจนจะบอกว่าเป็นปัญหาระดับโลกก็ว่าได้

ถ้าเจ้าทรายดำแบบที่เขาใช้หลุดออกไปแน่นอนว่าต้องเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วจนขนาดที่เรียกว่าได้รางวัลโนเบิลทางการแพทย์ก็ไม่แปลก

ความจริงเขานั้นยังมีติดมือไว้อีกนิดหน่อยแต่เขาไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือง่ายๆอย่างแน่นอน

 

“แล้วแพทย์แผนจีนที่ให้ทรายดำคุณมาล่ะครับ คุณพอจะให้ข้อมูลติดต่อเขาได้รึเปล่า” ถึงแม้จะถูกปฏิเสธเรื่องตัวอย่างแต่หมอเจ้าของไข้ก็ยังไม่ละความพยายาม

 

“ต้องขอโทษจริงๆครับ เขานั้นไม่ต้องการถูกรบกวนแม้แต่น้อยจากเรื่องนี้” หลัวเทียนฟู่แน่นอนว่าเขาย่อมต้องปฏิเสธ แม้แต่ภรรยารวมถึงลูกสาวของเขาก็ยังช่วยด้วยอีกแรง

พวกเขารู้ในทันทีว่าทรายดำที่ซูจิ้งให้มานั้นไม่ใช่ทรายดำธรรมดาอย่างแน่นอน และช่องทางที่ได้รับมานั้นต้องลับสุดยอดหรือไม่ก็มีน้อยอย่างสุดๆ

แล้วพวกเขาจะไปกล้าบอกคนอื่นได้ยังไง ความจริงไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอก เขาเองก็อยากบอกเหมือนกันเพราะหมอพวกนี้คือหมอมือดีที่พยายามรักษาลูกสาวของเขาอย่างสุดความสามารถ แต่ความสามารถของพวกเขามีจำกัดจริงหาทางรักษาไม่ได้แค่นั้นเอง

พอคิดว่าพวกเขายอมแม้กระทั่งจ่ายยาที่ดีที่สุด แพงที่สุด และหายากมากๆ แล้วก็ตาม แต่หลัวเทียนฟู่ก็ถือว่าเขานั้นไม่ได้ติดค้างอะไรหมอพวกนี้เพราะเขาก็ทุ่มเงินจ่ายเต็มที่ทุกครั้ง ดีไม่ดีพวกหมอจะได้กำไรจากเขาไปมากอยู่ด้วยซ้ำ

 

ตอนนี้ครอบครัวตระกูลหลัวได้ถือว่าพวกเขานั้นได้ติดหนี้ชีวิตครั้งใหญ่กับซูจิ้งชนิดที่ตอบแทนยังไงก็ไม่หมด พวกเขาย่อมไม่ทางเผยแพร่ความลับนี้ออกไปอย่างแน่นอน หลังจากออกจากพยาบาลจนกลับถึงบ้านแล้ว หลัวเทียนฟู่ได้โทรไปบอกผลลัพท์เพิ่มเติมที่ได้จากการใช้ทรายดำในการรักษาแก่ซูจิ้งทันที

 

หลังจากได้ยินดังนั้นซูจิ้งรู้สึกมีความสุขอย่างมากทรายดำไม่เพียงแต่รักษาอาการตาบอดกลางคืน ตาบอดสี แต่ยังสามารถรักษาอาการสายตาสั้นได้อีกด้วย มูลค่าของทรายดำนี้เพิ่มสูงมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ในโลกนี้มีคนที่มีปัญหาทางสายตาอยู่กี่คนกันหล่ะ ลูกคนรวยทั้งหลายส่วนใหญ่ก็สายตาสั้นกันทั้งนั้น และพวกเขานั้นพร้อมที่จะจ่ายไม่อั้นในการรักษาที่ไม่จำเป็นต้องเจ็บตัวผ่าตัดอยู่แล้ว นี่ยังไม่พูดถึงทำให้สายตาดีในระดับ 2.0 อีก บอกได้เลยว่าทรายดำของเขานี่มีค่ามากกว่าทองพันชั่งซะอีก น่าเสียดายที่ขี้ค้างคาวที่ได้มาจากห้วงเวลาฯจูเซียนมีจำกัด ไม่อย่างนั้นล่ะก็เขาคงจะปล่อยให้มันแพร่หลายในโลกนี้ในไม่ช้าแน่นอน