มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 598
เห็นเพียงซุนชิงผู้นั้นยืนอยู่บนเวทีประลองอย่างมั่นอกมั่นใจ ถือเจดีย์เล็ก ๆ สีเขียวอยู่ในมือ เขากวาดสายตาไปยังทุกคน สุดท้ายก็ได้หยุดลงที่หลัวซิว “ร่างเนื้อของเจ้าบรรลุถึงแดนมกุฎ กล้าที่จะประลองกับสมบัติวิเศษของข้าหรือไม่?”

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา สายตาของผู้คนจำนวนมากต่างจับจ้องไปที่หลัวซิว

“หึ ๆ ซุนชิงนั้นเป็นนักกลั่นสมบัติที่มาจากเขาสมบัติวิเศษเชียวนะ ยิ่งไปกว่านั้นเจดีย์สีเขียวที่อยู่ในมือของเขายังเป็นสมบัติวิเศษชั้นสูง มีพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งร่างเนื้อแดนมกุฎยากที่จะต่อต้านได้”

“หลัวซิวผู้นี้อาศัยแค่ความแข็งแกร่งของร่างเนื้อเท่านั้น แต่เมื่อพบกับอาวุธยุทธ์ที่เป็นสมบัติวิเศษนั้น ยังห่างไกลกันอีกมาก”

หลายคนต่างมองหลัวซิวด้วยอารมณ์ที่ว่ารอดูเรื่องสนุก

ทั้งหมดต่างก็รู้ดี นักยุทธ์ที่ฝึกวิชากลั่นร่างนั้นจะมีพลังการต่อสู้ที่น่าตกตะลึงเมื่ออยู่ในแดนฝึกยุทธ์เดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธียับยั้ง ตราบใดที่มีพลังการโจมตีที่แข็งแกร่งพอ เช่นนั้นก็จะสามารถอยู่เหนือนักยุทธ์กลั่นร่างได้

ยังมีนักยุทธ์ที่ฝึกฝนวิชากลั่นวิญญาณก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าการโจมตีวิญญาณนั้นค่อนข้างจะลึกลับ ยากต่อการป้องกัน แต่ทว่านักกลั่นสมบัติกลับสามารถกลั่นสมบัติที่ป้องกันการโจมตีทางวิญญาณออกมาได้

“สมบัติวิเศษชั้นสูง?”

หลัวซิวเบ้ปาก แล้วกระโดดลอยตัว ร่อนลงสู่เวทีประลอง

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหลัวซิว ซุนชิงผู้นั้นก็หรี่ตาลวงเล็กน้อย “เจ้ากล้ามาจริง ๆ ด้วย”

กล่าวไป เขาก็ตวาดออกมาเบา ๆ หนึ่งครั้ง เจดีย์สีเขียวเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือลอยขึ้นสู่อากาศ ขยายใหญ่ขึ้นตามกระแสลม เพียงชั่วพริบตาก็ขยายใหญ่จนมีขนาดหนึ่งจั้งแล้ว

ภายใต้การควบคุมจากตัวสำนึกพลังจิตแท้ เจดีย์นี้ทับลงไป ต่อให้เป็นภูเขาขนาดเล็ก ก็ต้องถูกทับจนแบนเรียบ

พลังกดทับที่แผ่ซ่านออกมาจากสมบัติวิเศษชั้นสูง ได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบเอาไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้ หลัวซิวก็จะไม่สามารถใช้วิชาล่องหนไท่เสวียนเพื่อเคลื่อนไหวไปในปริภูมิได้

“โฮก!”

ได้ยินเพียงเสียงร้องของมังกรดังขึ้น เห็นเพียงหลัวซิวนั้นไม่ได้ใช้วิชาล่องหนไท่เสวียน แต่เป็นได้ก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว เงาร่างของเขาเป็นเหมือนดั่งมังกร และพุ่งเข้าไป

“เคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งนัก!”

การเคลื่อนไหวของหลัวซิวนั้นรวดเร็วอย่างสุดขีด ภายใต้การวิ่งของร่างเนื้อ ช่องว่างที่เขาวิ่งผ่านนั้นต่างแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ตรงหน้าของซุนชิง

ปฏิกิริยาแรกของซุนชิงก็คือก้าวถอยหลัง ในฐานะอัจฉริยะที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ วิชาร่างกลที่เขาฝึกฝนนั้น แน่นอนจะต้องอยู่นระดับยิ่งเลิศ

“สะบั้นสะเทือนสาแหรก!”

ซุนชิงแตะนิ้วลงไปในอากาศ เจดีย์ขนาดสูงใหญ่พลันพุ่งเข้าใส่ศีรษะของหลัวซิว

เปลวเพลิงสีดำบนร่างของหลัวซิวลุกโชนขึ้นมาในชั่วพริบตา และขับเคลื่อนพลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่าอยู่อย่างลับ ๆ

“ปัง!”

เขาวัดออกไปหนึ่งฝ่ามือ ประทับลงบนแท่นของเจดีย์สีเขียว เสียงทุ้มต่ำดังลอยออกมา คลื่นเสียงกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น เจดีย์เขียวลอยกลับออกไป

“ร่างเนื้อต่อต้านสมบัติวิเศษชั้นสูง?” ซุนชิงเบิกตากลมโต คางแทบจะตกลงไปถึงตาตุ่ม

แกร๊ก!

เสียงกระดูกหักดังลอยเข้ามาในหู สีหน้าของซุนชิงถึงได้อ่อนโยนลงมาบ้าง แม้ว่าหลัวซิวจะซัดจนเจดีย์เขียวลอยออกไป แต่กระดูกของแขนข้างหนึ่ง กลับถูกพลังของเจดีย์เขียวกระแทกจนแตกหัก

ต่อให้เป็นเช่นนี้ สามารถจู่โจมจนสมบัติวิเศษชั้นสูงลอยออกไปได้โดยอาศัยร่างยุทธ์แดนมกุฎ พลังเปลือยที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ก็น่าสะพรึงกลัวมากพอแล้ว

ความเจ็บปวดจากแขน ทำให้หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังแปรเสวียนเทียนสามารถเพิ่มพลังการโจมตีของเขา กลับไม่สามารถทำให้การป้องกันร่างเนื้อของเขาแข็งแกร่งขึ้นได้ นั่นก็เป็นเพราะเขาได้ฝึกฝนวิชากลั่นร่างของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นนักยุทธ์กลั่นร่างในระดับเดียวกันผู้อื่น เมื่อสักครู่จะต้องถูกเจดีย์เขียวนั่นกระแทกจนได้รับบาดเจ็บหนักไปแล้ว

สำหรับกระดูกแขนที่หักนั้น หลัวซิวไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ร่างของเขาพลันเคลื่อนไหว และโจมตีเข้าหาซุนชิงอีกครั้ง

ซุนชิงขยับถอยหลังอย่างรวดเร็ว เวลาเดียวกันนั้นก็ได้ขับเคลื่อนเจดีย์เขียวให้จู่โจม ทว่าเนื่องจากพื้นที่ของเวทีประลองนั้นมีขีดจำกัด สุดท้ายเขาก็ถอยจนไม่มีที่ให้ถอย ถ้าหากถอยไปอีก ก็จะชนเข้ากับเกราะป้องกันที่อยู่ด้านหลังแล้ว

เสียงดังกระหน่ำ หลัวซิวซัดเจดีย์เขียวลอยออกไปอีกครั้ง กระดูกของแขนอีกข้างก็ได้หักเช่นเดียวกัน แขนทั้งสองข้างห้อยลง ไม่สามารถออกแรงได้

แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับไม่ได้หยุดลงเลยแม้แต่น้อย พุ่งเข้าไปหาซุนซิวที่ถอยจนไม่มีที่จะถอยได้อีกผู้นั้น และใช้ศีรษะโจมตีอีกฝ่าย