หนานกงอ๋าวครุ่นคิดด้วยความแค้นเคือง แววตาของเขาฉายแววอาฆาตแค้น ว่าแล้วหนานกงอ๋าวก็เรียกลูกน้องคนสนิทเข้ามา สั่งการสองสามประโยค
“ไปได้! รีบไปรีบมาละ!”
“ครับ!”
เดิมทีหนานกงจื่อหลิงคิดว่าหนานกงอ๋าวจะเอาแต่ซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินหลัวอวี่เอากับนางไม่หยุดหย่อน ที่ไหนได้หนึ่งเดือนหลังจากนั้นชีวิตของนางกลับสงบสุขยิ่งนัก หนานกงอ๋าวยังรักใคร่นางมากกว่าเดิมด้วยซ้ำทั้งยังคืนฐานะคุณหนูแห่งตระกูลหนานกงให้กับนางอีกด้วย
ชูว์—— ปิดบังไปได้พ้นเสียที
หนานกงจื่อหลิงคิดแล้ว ก็กระหยิ่มยิ้มย่องไม่น้อย
ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้พี่ใหญ่ก็ปลอดภัยแล้ว!
ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กับอาซ้อจะมาที่เมืองอู๋โยวนี่เมื่อไหร่กัน
ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะอยู่ระหว่างทางแล้วก็เป็นได้!
ส่วนซย่าจื่ออวี้ต้องการจะไปถามหนานกงจื่อหลิงหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ถูกหนานกงอ๋าวห้ามเอาไว้ทุกครั้งไป
จนสุดท้ายนางเริ่มจะโกรธเคืองขึ้นมา
“ท่านพี่ ท่านพี่เชื่อคำพูดของหลิงเอ๋อร์หรือคะ? ข้าว่าหลิงเอ๋อร์กำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่?”
มองดูใบหน้าที่มีส่วนคล้ายคลึงกับใบหน้าของซย่าชิงอวี้อยู่เจ็ดแปดส่วน ฉับพลันหนานกงอ๋าวก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมา
หญิงผู้นี้ไม่เคยเข้าใจเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาและนางเป็นสามีภรรยากันมาตั้งหลายปี แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่รู้ใจ กันอยู่ดี นางไม่เคยเข้าใจเขาเลยแม้แต่น้อย…
จริงสินะ ของปลอมก็คือของปลอม
ตัวแทนก็คือตัวแทน
“เรื่องนี้ข้ามีวิธีการของข้า เจ้าดูแลรักษาร่างกายให้ดีก็พอ!” จู่ๆ หนานกงอ๋าวก็ชักสีหน้า ทำให้ซย่าจื่ออวี้น้อยอกน้อยใจขึ้นมา
เมื่อสักครู่ยังดีๆอยู่เลย เป็นอะไรขึ้นมาอีก?
หรือว่าหนานกงอ๋าวยังไม่ลืมเลือนในสิ่งที่นางกระทำเอาไว้ เขายังไม่ยกโทษให้กับนาง?
คิดได้ดังนั้น ซย่าจื่ออวี้จึงก้าวไปด้านหน้าเกาะแขนของหนานกงอ๋าวเอาไว้ท่าทางกระเง้ากระงอด เฉกเช่นเมื่อก่อนที่เคยทำมา
“ท่านพี่ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว! เมื่อก่อนนี้ข้าไม่ดี! ข้าไม่ควรกระทำกับจิ่นซิ่วพวกนางเช่นนั้น ท่านอย่าโกรธอีกเลย ได้ไหมเจ้าคะ?”
ซย่าจื่ออวี้ทำเสียงเล็กเสียงน้อย ออดอ้อนออเซาะ ทำให้หนานกงอ๋าวรู้สึกแปลกๆ
ในดวงตาของเขายังปรากฏเงาของหญิงสาวในชุดสีเขียว รูปร่างบอบบางสะโอดสะองงดงามราวกับดอกกล้วยไม้นั้นต่างหาก ถึงเป็นหญิงที่เขารัก!
“ท่านพี่ ท่านพี่——”
เมื่อเห็นหนานกงอ๋าวออกอาการเหม่อลอย ซย่าจื่ออวี้จึงต้องเรียกเขาให้ได้สติ
“ไม่มีอะไร”
ฝันดีถูกขัดจังหวะ ทำให้หนานกงอ๋าวสีหน้ามิสู้ดีเท่าไหร่นัก เขาชักแขนออกจากการเกาะกุมของซย่าจื่ออวี้
“ข้าได้เชิญท่านหมอชาวตันขวามาแล้ว พวกเขามียาชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้คนพูดความจริงออกมาได้ ดังนั้นเรื่องนี้ให้พอเท่านี้เถอะ เจ้าก็อย่าไปรบกวนหลิงเอ๋อร์ นางจะได้ไม่เกิดความสงสัยขึ้นมาอีก”
คำพูดของหนานกงอ๋าวซย่าจื่ออวี้ฟังไม่เข้าหูเลยแม้แต่น้อย นางยังคงตกตะลึงอยู่ที่เดิม ในหัวสมองของนางเอาแต่ฉายภาพเมื่อครู่ที่หนานกงอ๋าวชักแขนออกด้วยความรำคาญซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด
นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทุกคนรู้ดีว่า นางและหนานกงอ๋าวขึ้นชื่อว่าเป็นผัวเมียที่รักใคร่กันที่สุด!
แม้ว่าฮูหยินตระกูลอื่นจะมีชาติกำเนิดสูงกว่านาง วรยุทธ์สูงส่งกว่านาง แม้กระทั่งพวกตระกูลที่มีชื่อเสียงเหนือกว่าตระกูลหนานกงก็ตาม พวกนางก็ล้วนแต่อิจฉาซย่าจื่ออวี้กันทั้งสิ้น
เพราะหนานกงอ๋าวถือได้ว่าเป็นชายที่ร่างกายสะอาดบริสุทธิ์ไม่ยุ่งเกี่ยวกับหญิงใดนอกจากภรรยา จึงถือเป็นสามีตัวอย่างด้วยซ้ำ
แล้วตอนนี้เขาเป็นอะไรไป?
หนานกงอ๋าวรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของซย่าจื่ออวี้แปลกออกไป จึงเกรงว่านางจะสงสัย ดังนั้นจึงผ่อนเสียงให้อ่อนลง
“จื่ออวี้ เจ้าพักผ่อนให้มาก อย่าคิดอะไรเหลวไหล!”
หากเป็นเมื่อก่อน หนานกงอ๋าวคงจะใช้สารพัดวิธีเพื่อเอาอกเอาใจทำให้ซย่าจื่ออวี้ดีใจ แต่ตอนนี้ เขากลับไม่อยากที่จะทำเช่นนั้นอีกแล้ว
ตอนนี้หนานกงอ๋าวต้องการที่จะตามหาเจ้าปีศาจน้อยให้พบ แล้วฆ่ามันเสีย!
สุดท้ายซย่าจื่ออวี้ก็ไปเก็บตัวที่เรือนของหนานกงเช่อแทน
“เช่อเอ๋อร์ พ่อของเจ้าไม่ต้องการแม่แล้ว!” ซย่าจื่ออวี้ร้องไห้ฟูมฟาย
“ท่านแม่ ท่านพ่อกำลังโกรธ รอให้ท่านแม่ให้กำเนิดน้องชายออกมาก่อน เมื่อท่านพ่อเห็นหน้าน้องชาย ท่านก็จะยกโทษให้ท่านแม่เอง!”
หนานกงเช่อไต่ถามถึงสาเหตุที่มาที่ไปจนได้ความ จึงได้ปลุกปลอบซย่าจื่ออวี้อยู่เป็นนาน
มีลูกชายคนนี้อยู่ ทำให้ซย่าจื่ออวี้สบายใจขึ้นมาไม่น้อย ทว่าสิ่งที่หนานกงเช่อให้ความสนใจนั่นก็คือ หมอชาวตันขวาที่หนานกงอ๋าวพูดถึงนั่นมากกว่า
ความรู้สึกของเขากำลังบอกว่าหลิงเอ๋อร์กำลังโกหก แต่โยวเอ๋อร์ก็ดันไม่พบอะไรที่น่าสงสัยเสียด้วย
หรือว่าเจ้าปีศาจน้อยอยู่ในที่ลับ?
นั่นทำให้หนานกงเช่อรอคอยการมาของหมอชาวตันขวาผู้นั้นไม่น้อย
ไม่นาน หมอชาวตันขวานามตี้อู่หยวนก็มาถึงที่บ้านสกุลหนานกง
การตายของตี้อู่เฉิน ทำให้ภายในของเผ่าตันขวาสั่นสะเทือน
เขาเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งตันขวา แต่กลับต้องมาตายบนแผ่นดินชั้นต่ำเช่นหลัวอวี่ ดังนั้นทุกคนจึงเอาแต่ครุ่นคิดว่าเขาได้ไปพบเจอกับอะไรเข้าให้
ดังนั้นเมื่อได้รับจดหมายจากหนานกงอ๋าว ตันขวาจึงส่งตี้อู่หยวนมาที่นี่
ตี้อู่หวยวนคนนี้หน้าตาสะอาดสะอ้าน ขนคิ้วเรียงเป็นระเบียบท่าทางเปี่ยมด้วยเมตตา ใบหน้ายิ้มแย้ม มองดูแล้วน่าคบหาเป็นมิตรยิ่งนัก แต่ยิ่งรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเป็นเช่นนี้ หนานกงอ๋าวก็ยิ่งไม่กล้าที่จะเชื่อถือเขาได้ง่ายๆ
บุคคลประเภทนี้ทำให้คนไม่ทันระมัดระวังตัว จึงเป็นประเภทที่น่ากลัวที่สุด!
“ขอประมุขหนานกงวางใจได้เลย คุณหนูจะต้องพูดความจริงออกมาอย่างแน่นอน!”
ตี้อู่หยวนยิ้มแย้มเปี่ยมด้วยเมตตา ท่าทางราวกับคุณลุงผู้ใจดี เขาหยิบยาออกมาเม็ดหนึ่ง ส่งให้กับหนานกงอ๋าว
“ต้มน้ำแกงสักหม้อ ใส่ยานี่ลงไป เอาให้คุณหนูดื่ม แล้วที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”
“ขอบคุณ! “
หนานกงอ๋าวสั่งการให้คนไปต้มน้ำแกงทันที แล้วให้ซย่าจื่ออวี้เป็นคนถือน้ำแกงถ้วยนั้นไปให้กับหนานกงจื่อหลิงด้วยตัวเอง
“หลิงเอ๋อร์ รีบดื่มเร็วเข้าเถอะ น้ำแกงไก่ชามนี้แม่ลงมือต้มด้วยตัวเองเชียวนะ เจ้าไปอยู่ที่หลัวอวี่ผ่ายผอมลงไปตั้งมาก! จะต้องบำรุงร่างกายให้ดี!”
สองสามวันมานี้ซย่าจื่ออวี้พยายามกอบกู้ความสัมพันธ์ระหว่างนางและหนานกงจื่อหลิงกลับมา จนความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกอบอุ่นใกล้ชิดขึ้นมา
เมื่อเห็นซย่าจื่ออวี้ถือชามน้ำแกงเข้ามา หนานกงจื่อหลิงจึงรับน้ำแกงถ้วยนั้นเอาไว้ทันที
“ท่านแม่ เรื่องพวกนี้ให้บ่าวไพร่ทำก็ได้นี่คะ เหตุใดต้องลงมือทำเองด้วย!”
หนานกงจื่อหลิงหยิบยาออกมาทาที่นิ้วมือให้กับซย่าจื่ออวี้แผ่วเบา เห็นนิ้วที่ขาดด้วนของซย่าจื่ออวี้ หนานกงจื่อหลิงก็เจ็บปวดใจยิ่งนัก
ในตอนนั้น ตอนที่ท่านแม่ถูกกักขังอยู่ที่คุกใต้ดินจะต้องหวาดกลัวมากเป็นแน่! โชคดี่มีน้องชายตัวน้อยๆ มิเช่นนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านพ่อจะหายโกรธเมื่อไหร่!
คิดได้เช่นนั้น ความโกรธเคืองที่มีต่อมารดากับการมารดานางเห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาวก็น้อยลงไปมาก
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้ก็คือมารดาบังเกิดเกล้าของนาง!
คือผู้ที่ให้ชีวิตนาง!
“แม่ไม่เป็นไร เจ้ารีบดื่มน้ำแกงเถอะ รีบดื่มตอนที่ยังร้อนๆ!”
ที่ซย่าจื่ออวี้ใช้แผนยอมเจ็บตัวก็เพื่อให้หนานกงจื่อหลิงคลายความระแวดระวังลงไป
“เจ้าค่ะ!”