บทที่ 1097 สะเทือนทั่วทั้งปักกิ่ง

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“ท่านป้าจินเหยียว..ท่านรูสึกเช่นใดบ้าง”
  หลิงหยุนร้องถามจินเหยียวด้วยความเป็นห่วงโดยไม่สนใจเหงื่อที่ไหลย้อยอยู่ตามหน้าผากของตัวเอง..
  “เด็กดี..นี่เจ้าคงจะเหนื่อยมากเลยสินะ!”
  จินเหยียวไม่ตอบคำถามของหลิงหยุนแต่กลับจ้องมองใบหน้าของเขา พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่กำลังไหลย้อยนั้นให้กับหลิงหยุนด้วยความอ่อนโยน..
  ในความเป็นจริง..หลิงหยุนแทบไม่ต้องถามจินเหยียวด้วยซ้ำไป! นอกจากความสามารถทางการแพทย์ที่สมกับฉายาหมอสวรรค์ของเขาแล้ว หลิงหยุนยังถึงกับกลั่นหยดเสินหยวนเพื่อใช้รักษาอาการบาดเจ็บ และอาการเสียสติให้กับจินเหยียว มีหรือที่นางจะไม่หายเป็นปกติ
  “เฮ้อ…”
  หลิงหยุนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเพราะตราบใดที่อาการเสียสติ และปัญหาเรื่องลมปราณหมุนกลับของจินเหยียวได้รับการรักษาแล้ว บาดแผลภายนอกไม่ว่าจะเป็นแผลเป็นหรืออื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องง่ายดายสำหรับหลิงหยุน..
  หลิงหยุนยิ้มใหักับจินเหยียวพร้อมกับร้องบอกว่า“ท่านป้าจินเหยียว.. หากเทียบกับสิ่งที่ท่านทำให้กับข้าในอดีตแล้ว เหนื่อยเพียงแค่นี้ยังนับว่าเล็กน้อยนัก!”
  จินเหยียวยิ้มออกมาทันทีและพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เด็กดี.. มันเป็นหน้าที่ของข้า! แต่เมื่อได้เห็นเจ้าเติบใหญ่มา และเก่งกล้าเช่นนี้ นับว่าสิ่งที่ข้าทำลงไปในอดีตนั้นช่างคุ้มค่ายิ่งนัก!”
  “หากพี่ชิงเฉวียนได้มาเห็นเจ้าในเวลานี้..นางคงจะดีใจ และมีความสุขมากกว่าข้าเป็นสิบเท่า!”
  “อ่อ..เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านน้าจึงจะถูก!”
  หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับเรียกใหม่ว่า “ครับ.. ท่านน้าจินเหยียว!”   จากนั้นหลิงหยุนจึงเรียกยันต์บำบัดระดับหกจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนพื้นที่และหันไปพูดกับจินเหยียวว่า..
  “ท่านน้าจินเหยียว..นี่คือยันต์บำบัดระดับหกที่สามารถรักษาบาดแผลฉกรรจ์ให้หายได้ในทันที ข้าจะสอนวิธีใช้ให้กับท่านเอง”
  จากนั้นหลิงหยุนก็อธิบายวิธีการใช้ยันต์ให้กับจินเหยียวฟังแล้วจึงลุกขึ้นและบอกกับนางว่า “ท่านน้าจินเหยียว.. เวลานี้อาการบาดเจ็บภายในของท่านนั้นได้หายดีแล้ว และลมปราณที่หมุนกลับนั้น เวลานี้ก็กลับมาหมุนเวียนตามปกติแล้ว ส่วนแผลเป็นตามร่างกาย และตามใบหน้าของท่านนั้น ท่านก็ค่อยๆใช้ยันต์บำบัดนี้รักษาไปก็แล้วกัน..”
  จินเหยียวกำยันต์บำบัดไว้ในมือแน่นพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข“ได้สิ.. ข้าจะค่อยๆทำด้วยตัวเอง!”’
  หลิงหยุนยิ้มให้จินเหยียวพร้อมตอบกลับไปทันที“ท่านน้าจินเหยียว.. ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!”   ถึงอย่างไรหลิงหยุนก็เป็นผู้ชาย..การรักษาแผลเป็นตามร่างกาย และใบหน้าของจินเหยียวนั้น อย่างไรก็คงต้องให้นางทำด้วยตัวเอง และหลิงหยุนก็ไม่สะดวกที่จะอยู่ในห้องของนางต่อไป เขาจึงรีบขอตัว..
  ……
  หลิงหยุนเดินออกมาจากห้องของจินเหยียวซึ่งอยู่ในสวนชั้นที่หนึ่งของคฤหาสน์ตระกูลหลิงและพบเข้ากับหลิงลี่พอดี..
  หลิงหลี่ยืนไขว้แขนไว้ข้างหลังเขากำลังยืนรอหลิงหยุนอยู่อย่างเงียบๆ
  การรักษาอาการบาดเจ็บให้กับจินเหยียวนั้นหลิงหยุนจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างมากที่สุด เพราะหากเกิดผิดพลาดแม้เพียงแค่เล็กน้อย จินเหยียวอาจเสียชีวิตได้ในทันที และตัวหลิงหยุนเองก็จะได้รับอันตรายอย่างมากด้วย..
  ทางด้านหลิงลี่ซึ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของหลิงหยุนนั้นก็ได้มาคอยเฝ้าสังเกตการณ์ดูอยู่เงียบๆ อีกทั้งยังทำหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้กับหลิงหยุนนานถึงสามชั่วโมงแล้วและในที่สุดการรักษาก็ผ่านพ้นไปด้วยดี..
  “ท่านปู่..ที่นี่เป็นบ้านของเราเอง ยังต้องรักษาความปลอดภัยให้ข้าอีกงั้นรึ”
  หลิงหยุนก้าวเท้าเข้าไปหาหลิงลี่ที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับถามเสียงดังอย่างอารมณ์ดี..
  “ใครบอกเจ้าว่า..อยู่บ้านตัวเองแล้วไม่ต้องคุ้มกันความปลอดภัยให้เจ้า! ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างหากเล่า ยิ่งในเวลาที่ร้อนระอุเช่นนี้ด้วยแล้ว!”
  หลิงหยุนไม่ตอบแต่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และเวลานี้ดวงอาทิตย์ก็คล้อยไปทางทิศตะวันตกมากขึ้น บ่งบอกว่าได้เข้าสู่ช่วงบ่ายของวันแล้ว..
  “นี่ข้าใช้เวลารักษาไปนานถึงเพียงนี้เชียวรึ”
  หลิงหยุนรู้สึกตกใจไม่น้อยเขาเริ่มรักษาจินเหยียวราวเจ็ดโมงเช้า และจดจ่ออยู่กับการรักษาจนไม่รู้ว่าเวลาได้ล่วงเลยมาถึงบ่ายสามโมงแล้ว เรียกได้ว่าหลิงหยุนใช้เวลาในการรักษาจินเหยียวไปกว่าแปดชั่วโมงเลยทีเดียว!
  หลิงลี่มองใบหน้าที่มีเหงื่อไหลย้อยของหลิงหยุนและได้แต่พูดด้วยน้ำเสียงที่เห็นอกเห็นใจ
  “เอาล่ะ..ข้าเตรียมกับข้าวกับปลาไว้ให้เจ้ามากมาย ตามข้าไปกินข้าวได้แล้ว!”
  หลิงหยุนรีบตามหลิงลี่ออกไปด้วยความรวดเร็วตั้งแต่คืนที่เขาออกไปสำรวจคฤหาสน์ตระกูลเฉิน ตามด้วยการไปช่วยหลิงเสี่ยวจนกระทั่งถึงตอนนี้ เขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อย เวลานี้จึงทั้งเหนื่อยล้า แล้วก็หิวโหยอย่างมาก..
  และต่อหน้าหลิงลี่..หลิงหยุนก็ไม่ต้องกรงใจอะไรอีก เขากินอาหารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะจนเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หลิงลี่ได้แต่มอง และร้องบอกด้วยความเป็นห่วง
  “เจ้าค่อยๆกินอย่าได้รีบร้อนนัก!”
  หลังจากที่หลิงหยุนกินจนอิ่มแปล้แล้วหลิงลี่จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “อาการของจินเหยียวเป็นเช่นใดบ้าง”
  หลิงหยุนยกแก้วน้ำขึ้นดื่มตบท้ายก่อนจะตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“วันนี้ข้าได้ทำการรักษาเส้นประสาทที่เสียหายให้กับนางแล้ว นางจึงหายจากอาการเสียสติ และลมปราณที่เดินกลับข้างนั้นตอนนี้ก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ที่เหลือก็คือแผลเป็นตามร่างกายกับใบหน้า ข้าได้ให้ยันต์บำบัดกับนางไว้รักษาเองแล้ว!”
  หลิงลี่ได้ฟังถึงกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี“นี่่เจ้าสามารถรักษาลมปราณย้อนกลับได้ด้วยงั้นรึ สมกับเป็นหลานชายของข้าจริงๆ!”
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า‘ข้ารักษาลมปราณโคจรย้อนกลับได้ เกี่ยวอะไรกับที่ข้าเป็นหลานเจ้าด้วยเล่า’
  แต่ในเมื่อเห็นหลิงลี่มีความสุขเช่นนี้หลิงหยุนเองก็มีความสุขตามไปด้วยเช่นกัน!
  “การรักษาได้ผลดีเช่นนี้..จากการคาดเดาของข้า เวลานี้ท่านน้าจินเหยียวน่าจะอยู่ในครึ่งระดับก่อนเข้าสู่ระดับที่หนึ่งของขั้นเซียงเทียน-9 แต่หลังจากที่ลมปราณภายในร่างกายของนางเริ่มเสถียรแล้ว ข้าว่านางจะสามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งขั้นเซียงเทียน-9 ได้ในทันที!”
  หลิงหยุนใช้พลังปราณเกือบทั้งหมดภายในร่างกายอีกทั้งใช้เสินหยวนทั้งหมดในการรักษาให้กับนาง แน่นอนว่าไม่เพียงส่งผลต่อให้ขั้นกำลังภายในของนางไม่ลดระดับ แต่ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นไปอีกด้วย..
  หลิงลี่หัวเราะเสียงดังอีกครั้ง“เจ้าทำได้ดีมากหลานปู่!”
  จากนั้นหลิงหยุนจึงเป็นฝ่ายถามหลิงลี่บ้าง“ท่านปู่.. เวลานี้สถานการณ์ภายนอกเป็นเช่นใดบ้าง”
  และแน่นอนว่าหลิงหยุนกำลังหมายถึงปฏิกิริยาของตระกูลใหญ่และอีกหลายฝ่ายในปักกิ่ง เมื่อได้รับรู้ถึงการกลับเข้าตระกูลหลิงของตนเอง!
  “เริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว..และเป็นการเคลื่อนไหวที่รุนแรงไม่น้อยทีเดียว!”
  จากนั้นหลิงลี่ก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดต่อว่า“ตั้งแต่แปดโมงเช้ามา.. ตระกูลหลิงของเราก็มีแขกเหรื่อทยอยเข้ามาเยี่ยมเยียนไม่ขาดสายเลยล่ะ! และแขกที่มานั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโต และมีหน้ามีตาในปักกิ่งทั้งสิ้น!”   ในเมื่อเป็นเช่นนี้มีหรือที่หลิงลี่จะไม่หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี!เพราะภาพเหล่านี้ได้ห่างหายไปจากบ้านตระกูลหลิงมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว..
  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลิงหยุนเองก็ได้คาดคิดอยู่แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้นเขาจึงไม่ได้สนใจกับมันมากนัก.. ไอลีนโนเวล
  “ท่านปู่..แล้วหกตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งเล่า พวกเขามีปฏิกิริยาเช่นใดบ้าง?”
  และนี่ต่างหากคือเรื่องที่หลิงหยุนสนใจใคร่รู้!
  หลิงลี่ยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ตระกูลหลง ตระกูลเย่ ตระกูลเกา และตระกูลหลี่ แม้แต่ตระกูลเฉินเอง ก็ได้ส่งคนของเขามาแล้ว มีเพียงตระกูลซันเท่านั้นที่ยังไม่ส่งผู้ใดมา!”
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับตกใจจนต้องลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องอุทานออกมาเสียงดัง“อะไรนะ! ตระกูลเฉินมันยังกล้าส่งคนมาอีกงั้นรึ?”
  หลิงลี่ตอบกลับเสียงเบา“เด็กน้อย.. หากเปรียบปักกิ่งเป็นแม่น้ำ ก็เป็นแม่น้ำที่ทั้งลึกและเชี่ยว เกมการเมืองระหว่างเหล่าตระกูลใหญ่นั้น หากไม่มีการประกาศสงครามต่อหน้าสาธารณชนแล้วล่ะก็ ทุกคนก็พร้อมปฏิบัติต่อกันแบบต่อหน้าอย่าง และลับหลังอย่าง จะเรียกว่าปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอก็ไม่ผิดนัก!”
  เรื่องนี้หลิงหยุนเข้าใจได้ดีแต่ก็คิดไม่ถึงว่าตระกูลเฉินจะหน้าหนาได้ถึงเพียงนี้!
  หลิงลี่เห็นท่าทางของหลิงหยุนก็พอรู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจจึงได้แต่อธิบายไปว่า “หลิงหยุน.. ตระกูลเฉินส่งคนมาก็จริง แต่ความหมายของการมานั้นเป็นการข่มขู่ตระกูลหลิงเสียมากกว่า! เห็นได้ชัดว่าการที่ตระกูลเฉินส่งคนมาครั้งนี้ ก็เพื่อมาเตือนว่า ต่อให้เจ้ากลับเข้าตระกูลหลิงแล้ว ตระกูลเฉินก็ไม่ได้หวาดกลัวตระกูลหลิงเลยแม้แต่น้อย!”
  การที่ตระกูลเฉินกล้าส่งคนมาเช่นนี้กลับเป็นการประกาศว่าตระกูลเฉินไม่ได้อ่อนแออย่างที่ใครๆคิด ตรงข้ามกลับตระกูลซัน การที่พวกเขาไม่ส่งคนมา กลับเป็นการป่าวประกาศความอ่อนแอของตัวเอง..
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หึ.. ตระกูลเฉินกล้าประกาศสงครามกับตระกูลหลิงเช่นนี้ พวกมันคงยังไม่รู้ว่าการที่ตระกูลเฉินจะหวาดกลัวตระกูลหลิงหรือไม่นั้น ไม่ใช่การตัดสินใจของตระกูลเฉิน แต่เป็นตระกูลหลิงของเราต่างหากที่จะเป็นฝ่ายทำให้พวกมันต้องยอมรับความกลัว..!”
  สำหรับตระกูลเฉินและตระกูลซันนั้นไม่ว่าพวกมันจะแสดงท่าทีเช่นใดออกมา แต่สำหรับหลิงหยุนนั้น เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าทั้งสองตระกูลจะต้องถูกล้างบาง และไม่มีคำว่าต่อรอง!
  “ท่านปู่..แล้วตระกูลหลงกับตระกูลเย่เล่า”
  หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องถามถึงตระกูลเกาส่วนตระกูลหลี่นั้นเขาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย! เขาสนใจเพียงแค่สองตระกูลใหญ่นี้เท่านั้น!
  หลิงลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“คนตระกูลหลงส่งคนมาขอพบเจ้า หากข้าเดาไม่ผิด.. คงจะเกี่ยวกับเรื่องน้ำลายมังกรเป็นแน่!”   หลิงหยุนฟังแล้วถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังและแอบคิดในใจว่า ‘น้ำลายมังกรงั้นรึ หากมอบให้เจ้าไปแล้ว ข้าจะใช้อะไรเล่า?’
  หลิงลี่พูดต่อว่า“ส่วนตระกูลเย่นั้น.. นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบแปดปีที่มีคนตระกูลเย่ปรากฏตัวที่ตระกูลหลิงของเรา!”
  “หลิงหยุน..มีคำพูดหนึ่ง ข้าไม่รู้ว่าเหมาะที่จะพูดกับเจ้าหรือไม่”
  หลิงหยุนร้องบอกทันที“ท่านปู่.. เหตุใดท่านยังต้องถามข้าเช่นนี้อีก ยังมีอะไรที่ท่านจะพูดกับข้าไม่ได้ ในเมื่อข้าเป็นหลานของท่าน!”
  หลิงลี่เหลือบมองหลิงหยุนก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างหมดหนทางจากนั้นจึงพูดออกไปว่า “หลิงหยุน.. เพื่อประโยชน์ของพ่อแม่เจ้า อีกทั้งที่ผ่านมาตระกูลหลงก็ดีกับตระกูลหลิงไม่น้อย หากคำขอของพวกเขาไม่มากจนเกินไป เจ้าก็ยอมให้พวกเขาเถิด..”
  หลิงลี่เป็นฝ่ายเอ่ยคำขอร้องแทนตระกูลหลงและหลิงหยุนก็รู้ดีว่าความกตัญญูนั้นเป็นอุปนิสัยของคนตระกูลหลิง!   ในบรรดาตระกูลใหญ่ในปักกิ่งนั้น..ตระกูลหลงเป็นตระกูลเดียวที่หลงใหลทุกอย่างเกี่ยวกับมังกร หากได้ยินได้ฟังว่าที่ใดมีสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับมังกรแล้วล่ะก็ พวกเขาจะต้องรีบส่งคนไปเสาะหามาครอบครองทันที และเรื่องนี้เป็นสิ่งที่คนตระกูลหลงต่างก็ยึดมั่นทำตามอย่างเคร่งครัด!
  หลิงหยุนโบกมือพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านปู่อย่าได้กังวลใจไป! หลานย่อมต้องเชื่อฟังคำพูดของท่านปู่อย่างแน่นอน! เพียงแต่บางสิ่งบางอย่างรีบร้อนไม่ได้ ต้องรอให้เหตุการณ์กระจ่างชัดเจนเสียก่อน จึงจะสามารถตอบได้..”
  ใช่ว่าหลิงหยุนจะหวงแหนน้ำลายมังกรจนไม่อยากให้ผู้ใดได้ไปเพราะที่ผ่านมาเขาก็ให้ตู้กู่โม่ ตงฟางถิง ท่านหมอเสี่ยว เหมี่ยวเสี่ยวเหมา และอีกมากมายหลายคน..
  แต่หากจะต้องมอบให้กับตระกูลหลงนั้นหลิงหยุนจำเป็นต้องชั่งใจให้ดีเสียก่อน และหากเขายังไม่รู้จักตระกูลหลงดีพอ และไม่รู้ว่าตระกูลหลงเป็นมิตรกับตระกูลหลิงจริงหรือไม่แล้วล่ะก็..ไม่มีทางที่หลิงหยุนจะมอบน้ำลายมังกรให้กับคนตระกูลหลงอย่างแน่นอน!
  และนี่คือหลิงหยุน..แม้ว่าหลิงลี่จะเป็นฝ่ายขอร้องแทนก็ตาม!
  เพราะหากพบว่า..ที่ตระกูลหลิงต้องตกต่ำเช่นนี้ ตระกูลหลงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้วล่ะก็ ไม่เท่ากับว่าหลิงหยุนส่งสมบัติล้ำค่าให้กับศัตรูของตัวเองอย่างนั้นหรือ
  อีกทั้งเวลานี้ทั้งหลงหวู่กับหลงคุนก็อยู่ในเงื้อมือของตระกูลหลงอีกด้วย!