หลิงลี่ได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนก็รู้ได้ทันทีว่าหลิงหยุนยังไม่ต้องการมอบน้ำลายมังกรให้กับตระกูลหลง เขากำลังจะอ้าปากพูดอีก แต่ก็เปลี่ยนใจกล้ำกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไป..
หลิงลี่รู้จักหลิงหยุนดี..หลิงหยุนเป็นผู้ที่ไม่ว่าจะทำอะไร เขาจะมีความคิดและแผนการของตนเองอยู่แล้ว และหากเขาตัดสินใจและวางแผนที่จะทำเช่นใด ก็ยากที่จะโน้มน้าวให้เปลี่ยนไปใจได้!
แม้ว่าหลิงลี่จะเป็นปู่ของหลิงหยุนแต่เขาก็ไม่ต้องการใช้ความเป็นญาติผู้ใหญ่นี้บีบคั้นให้หลิงหยุนต้องเปลี่ยนการตัดสินใจของตนเอง หลิงลี่ไม่ต้องการขอร้อง หรือสั่งให้หลิงหยุนทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ เขากังวลถึงความขัดแย้ง และไม่พอใจของหลิงหยุนมากกว่าคนนอก..
การรู้คุณคนและการตอบแทนย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่การที่จะไปบังคับให้ผู้ใดต้องตอบแทนคุณนั้น ก็ต้องดูว่าอีกฝ่ายเต็มใจหรือไม่ เรื่องนี้ผู้เฒ่าหลิงไม่สับสน..เขาเข้าใจได้ดีว่าควรต้องแยกแยะให้ชัดเจน!
และในเมื่อหลิงหยุนตอบกลับมาเช่นนี้หลิงลี่เองก็ไม่ต้องการเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวหลิงหยุนอีก จึงได้เปลี่ยนเรื่องพูด..
“หลิงหยุน..ทุกคนที่มาในวันนี้ต่างก็แจ้งความจำนงที่จะขอพบเจ้า แต่ปู่ได้ปฏิเสธพวกเขาแทนเจ้าไปแล้ว! ปู่บอกกับพวกเขาไปว่า เจ้ายังไม่ได้กลับเข้าตระกูลอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม จึงไม่สะดวกที่จะพบปะผู้คน..”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ท่านปู่รู้ใจข้ายิ่งนัก! เวลานี้ข้าไม่ต้องการพบเจอผู้ใดจริงๆ เพราะมีบางสิ่งบางอย่างต้องสะสาง รอให้ผ่านสถานการณ์ช่วงนี้ไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องนี้กันทีหลัง..”
หลิงลี่พยักหน้าเห็นด้วยจากนั้นก็ทำเสียงกระซิบ และพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ปู่ยังมีบางสิ่งบางอย่างต้องบอกกับเจ้า!”
“หนึ่งในแขกที่มาวันนี้..เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศคนหนึ่งเลยทีเดียว!” ขณะที่กระซิบบอกหลิงหยุนนั้นแววตาของหลิงลี่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่อาจปกปิดไว้ได้ จากนั้นจึงยกมือชี้ไปที่ภาพบนผนังบ้านซึ่งติดกับประตู..
“ห๊ะ!”
หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าหลิงลี่กำลังพูดถึงใครเขาถึงกับสนใจขึ้นมาทันที และถามกลับไปว่า “เขาพูดอะไรบ้าง?”
หลิงลี่หัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“คนผู้นั้นพูดเพียงแค่ประโยคเดียว – ยินดีด้วย!”
หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนัก“แค่นั้นรึ ไม่มีอะไรอีกงั้นรึ?”
หลิงลี่หัวเราะออกมาอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าหนู.. เพียงแค่นี้ก็มากพอแล้ว! แค่นี้ตระกูลหลิงของเราก็ได้หน้ามากพอแล้ว!”
จากนั้นทั้งปู่และหลานชายต่างก็พากันหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีและหลิงลี่ก็เริ่มพูดธุระของตนเอง..
“หลิงหยุน..กิ่งหลิวที่ปู่ให้เหล่ากุ่ยนำไปมอบให้กับเจ้าเมื่อคราวก่อน เจ้าได้นำมันติดตัวมาด้วยหรือไม่”
หลิงหยุนรู้ดีว่าหลิงลี่กำลังพูดถึงหลิวเทวะที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลหลิงเขาจึงเรียกหลิวเทวะทั้งสองออกมาจากแหวนพื้นที่ทันที..
หลิวเทวะทั้งสองต้นนั้นไม่ใช่เพียงแค่ซากไม้ที่แห้งเหี่ยวอีกแล้วแต่มันได้เปลี่ยนเป็นสีเขียว หนำซ้ำยังแตกหน่อออกใบ และกิ่งก้านอีกด้วย
และแน่นอนว่า..นี่คือผลจากการที่หลิงหยุนเลี้ยงดูหลิวเทวะทั้งสองด้วยเลือดของตนเอง และได้ถ่ายเทปราณเสวียนหวงให้กับมันด้วยนั่นเอง!
และเวลานี้หลิวเทวะทั้งสองต้นก็ไม่จำเป็นต้องดื่มเลือดของหลิงหยุนอีกเพียงแค่ได้ดูดซับปราณเสวียนหวงก็เพียงพอแล้ว!
ทันทีที่หลิวเทวะปรากฏขึ้นพลังชีวิตธาตุไม้ภายในห้องก็พุ่งขึ้นทันที และได้กระจายไปทั่วทั้งคฤหาสน์ตระกูลหลิง ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ “ไม่อยากจะเชื่อเลย!คิดไม่ถึงว่าหลิวเทวะจะเปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้..”
หลิงลี่ถือหลิวเทวะไว้ในมือพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและตกใจไปพร้อมๆกัน เขาได้แต่ส่ายหน้า และพึมพำออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง..
มันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดินหากเปรียบเทียบกับที่เมื่อครั้งอยู่ในมือของหลิงลี่ เพราะเวลานี้หลิวเทวะทั้งสองต้นนั้นเริ่มมีรากแม้ว่าจะเป็นเพียงกิ่งเล็กๆเท่านั้น..
“หลิงหยุน..นี่คือหลิวเทวะที่เจ้าใช้รักษาอาการบาดเจ็บให้กับข้าในครั้งนั้นใช่หรือไม่”
หลังจากที่หลิงหยุนพยักหน้าเป็นการยืนยันหลิงลี่ก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ “คิดไม่ถึงจริงๆ เพียงแค่สองเดือนเท่านั้น ถึงกับแตกกิ่งก้านถึงเพียงนี้เชียวรึ น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..หลังจากที่เขาค้นพบความมหัศจรรย์ของหลิวเทวะ เขาก็ใช้เลือดของตนเองหล่อเลี้ยงมัน อีกทั้งยังถ่ายเทปราณเสวียนหวงลงไปด้วย เขาลงทุนถึงเพียงนี้หากไม่เจริญเติบโตขึ้นมาก ไม่เท่ากับเขาเสียแรงเปล่าหรอกรึ
“ท่านปู่..นับว่ามรดกตกทอดของตระกูลหลิงนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว หลิวเทวะทั้งสองต้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถพบเจอในโลกนี้ได้!”
หลิงลี่พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าพูดไม่ผิด! หลิวเทวะทั้งสองต้นนี้เมื่อตกมาอยู่ในมือของข้านั้น ข้าก็ได้เก็บรักษาไว้ในห้องโถงซึ่งเป็นที่เก็บป้ายวิญญาณบรรพบุรุษตระกูลหลิง และได้ทำตามคำสั่งของบรรพบุรุษของตระกูลหลิงที่กำชับว่าทุกเทศกาลเชงเม้ง และตรุษจีน จะต้องใช้โลหิตของสายเลือดตระกูลหลิงรดหลิวเทวะ..”
แต่จู่ๆหลิงหยุนร้องถามหลิงลี่ด้วยความประหลาดใจ “ท่านปู่.. ในอดีตท่านพ่อทำเรื่องผิดต่อตระกูลหลิงเช่นนี้ ท่านไม่ลงโทษท่านพ่อเลยงั้นรึ”
เมื่อถูกหลิงหยุนขัดขึ้นด้วยการถามถึงเรื่องราวเมื่อสิบแปดปีก่อนหลิงลี่ก็ถึงกับทำเสียงฮึดฮัดขึ้นมาทันที ก่อนจะถอนหายใจและพูดขึ้นว่า “หึ..เรื่องของพ่อเจ้าในอดีตนั้น ยังมีอีกมากมาย!”
“ครั้งนั้น..พ่อของเจ้าเป็นชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างที่หาผู้ใดเทียบได้ยากนัก และยังเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลหลิงอีกด้วย ข้าได้เตรียมที่จะมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงให้กับเขาอยู่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะขโมยหลิวเทวะซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลไปให้กับแม่ของเจ้า! จนกระทั่งแม่ของเจ้าตั้งท้อง ทั้งคู่จึงได้แจ้นกลับมาบอกข้า..”
แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านมานานถึงสิบแปดปีแล้วแต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ดูเหมือนชายชราจะยังคุกรุ่นไปด้วยไอแห่งโทสะ..
“แต่ก็นับว่ายังดีที่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งคู่ก็ได้คลอดหลานชายที่เก่งกาจอย่างเจ้าให้กับข้านับว่าสามารถชดเชยสิ่งที่ทั้งคู่ทำไว้ในอดีตได้!”
“ข้าเองก็อยากจะทำโทษพ่อของเจ้าเช่นกันแต่ทุกอย่างก็สายเกินแก้เสียแล้ว.. เพราะหลังจากนั้นสองวันตระกูลหลิงก็ถูกยอดฝีมือในยุทธภพล้อมไว้!” หลิงหยุนค่อยๆรับรู้รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับตระกูลหลิงจากปากหลิงลี่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลิงหยุนก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม หากต้องการถามจริงๆ หลิงหยุนจะไปถามจากปากหลิงเสี่ยว หรือไม่ก็จินเหยียวแทน ซึ่งจะได้รู้รายละเอียดที่กระจ่างชัดกว่า..
และเมื่อหลิงหยุนไม่ถามดูเหมือนชายชราก็ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีกเช่นกัน เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที novel-lucky
“หลิงหยุน..เมื่อครู่เจ้าพูดเองไม่ใช่รึว่าหลิวเทวะทั้งสองต้นนี้ไม่ใช่หลิวบนโลกมนุษย์”
หลิงหยุนพยักหน้ายืนยัน“ถูกต้องแล้วท่านปู่! และดูเหมือนว่าหลิวเทวะทั้งสองต้นนี้จะเป็นเพียงกิ่งที่ถูกตัดออกมาจากต้นใหญ่อีกที เพียงแค่กิ่งยังมีความอัศจรรย์เช่นนี้ แล้วหากเป็นต้นใหญ่เล่า จะอัศจรรย์และลึกลับกว่านี้มากเพียงใด”
ต้นหลิวที่ดูดเลือดมนุษย์และชื่นชอบปราณเสวียนหวงเช่นนี้ จะเป็นต้นหลิวธรรมดาๆ ทีสามารถพบเจอในโลกมนุษย์ได้อย่างไรกันเล่า “หากไม่ใช่ต้นหลิวในโลกมนุษย์หรือจะเป็นต้นหลิวบนสรวงสวรรค์งั้นรึ”
หลิงลี่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ได้แต่นึกขันและพูดหยอกเย้าหลานชายอย่างติดตลก!
หลิงหยุนส่ายหน้าและตอบไปว่า “ท่านปู่.. ท่านกล่าวผิดแล้ว! แม้จะไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นบนโลกมนุษย์ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นสิ่งที่อยู่บนสวรรค์เสมอไป!”
“การที่หลิวเทวะสามารถดื่มเลือดคนตระกูลหลิงและยังดูดซับปราณเสวียนหวงซึ่งเป็นวิชาประจำตระกูลหลิงเพื่อการเติบโตเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าหลิวเทวะทั้งสองนี้ต้องมาจากสถานที่ที่มีพลังชีวิตสมบูรณ์!”
ในเมื่อไม่ใช่โลกมนุษย์..ไม่ใช่สรวงสวรรค์.. แล้วจะเป็นที่ใดเล่า
หรือจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใดแห่งหนึ่ง..
“การที่มันดื่มเลือดมนุษย์ย่อมหมายถึงมนุษย์เป็นผู้ปลูก ” “หลิวเทวะดื่มเลือดมนุษย์ย่อมหมายความว่ามนุษย์เป็นผู้ปลูกมันขึ้นมา ส่วนที่มันดูดซับปราณเสวียหวงได้ ก็บ่งบอกว่ามันเติบโตในสถานที่ที่มีพลังชีวิตอุดมสมบูรณ์!”
หลิงลี่ได้แต่พยักหน้าหงึกๆในระหว่างที่ฟังหลิงหยุนวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล แต่แล้วก็ถามขึ้นว่าง.
“แล้วเหตุใดมันจึงต้องดื่มเฉพาะเลือดของคนตระกูลหลิงเล่า”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าไปมาก่อนจะเอ่ยประโยคที่ฟ้าดินต้องสั่นสะเทือนออกมา “ท่านปู่.. ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหลิวทั้งสองต้นนี้ คนตระกูลหลิงเป็นผู้ปลูกมันขึ้นมา!”
หลิงลี่ได้ฟังถึงกับตกใจจนนิ่งอึ้งไปทันที..
นั่นเพราะความคิดของหลิงหยุนนั้นอาจหาญเกินไปจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่คนตระกูลหลิงจะเป็นผู้ปลูกต้นไม้ที่น่าอัศจรรย์และลึกลับเช่นนี้ คนตระกูลหลิงคนใดกันที่จะสามารถปลูกต้นไม้ที่มหัศจรรย์เช่นนี้ได้? “ท่านปู่..ท่านลองใคร่ครวญดูให้ดีสิ! หากหลิวเทวะต้นนี้ไม่ใช่คนตระกูลหลิงเป็นผู้ปลูกขึ้นมา เหตุใดมันจึงเจาะจงดื่มเพียงเลือดของคนตระกูลหลิงเท่านั้น และเหตุใดจึงต้องกลายมาเป็นมรดกตกทอดของตระกูลหลิงได้”
หลิงลี่ถึงกับตกตะลึงและนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง “หลิงหยุน.. เรื่องนี้..! เอาล่ะ ปู่รู้ว่าเจ้าเป็นผู้ที่รอบรู้มาก แต่เรื่องนี้ข้าว่าความคิดของเจ้าอาจหาญเกินไป!”
“แต่ถึงอย่างนั้น..ปู่เองก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้างการวิเคราะห์คาดเดาของเจ้าได้”
หลิงหยุนเห็นท่าทีลังเลของหลิงลี่ก็ได้แต่แอบคิดในใจว่าเขาอยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ พบเจอเรื่องราวแปลกประหลาดมามากมาย และสิ่งที่เขาคาดเดานั้นไม่น่าจะผิด!
“ความจริง..”
หลิงลี่อ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจพูดออกไปว่า “ความจริงแล้ว.. ตระกูลหลิงของเรามีหลิวเทวะมากกว่าสองต้น และมีต้นหนึ่งมีขนาดใหญ่เท่าเสาต้นนี้ และเป็นต้นที่ใหญ่ที่สุด แต่เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ยอดฝีมือตระกูลหลิงเป็นผู้นำออกไป..”
“อะไรนะ!”
และครั้งนี้กลับกลายเป็นหลิงหยุนที่ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับลุกพรวดขึ้นทันที!
ยอดฝีมือตระกูลหลิงเป็นผู้นำหลิวเทวะต้นใหญ่สุดไปที่คุนหลุนงั้นรึ!
หากเป็นเช่นนั้นจริง..แล้วตระกูลฉินเล่าจะนำสิ่งใดไปที่สุสานฉินซีหวง และตระกูลหลงจะนำสิ่งใดไปที่เผิงไล๋กัน?
ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในสมองของหลิงหยุนทันทีและดูเหมือนว่าเขาเริ่มที่จะเข้าใจอะไรได้ลึกซึ้งมากขึ้น..
“หลิงหยุน..หลิวเทวะทั้งสองต้นนี้ข้าจะคืนให้กับเจ้าก่อน แต่ในพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษเจ้าต้องนำมามอบให้ข้าเพื่อใช้ในพิธี!
หลิงลี่ไม่ทันสังเกตเห็นว่าหลิงหยุนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่และหลิงหยุนเองก็ได้แต่พึมพำออกมา..
“ท่านปู่อย่าได้กังวลใจไป..ข้าจะดูแลหลิวเทวะทั้งสองต้นเป็นอย่างดี!”