เรื่องน่าฉงนและการแต่งงาน
ใบหน้าของฉือชิงในตอนนี้ซีดลงเล็กน้อย หลังจากที่ถูกล้อมรอบด้วยหมาป่าและหมาของซูจิ้งทำให้ใจเธอชื้นขึ้นมาบ้าง ตอนนี้เธอจับจ้องไปที่เถาวัลย์นั่นอย่างไม่กระพริบตาจากระยะไกล เธอเองก็เข้าไปดูแลและรดน้ำเถาวัลย์นั่นอยู่หลายหนแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยเห็นมันขยับอย่างนี้ ตอนนี้เธอก็ยังเชื่อเลยว่าเจ้าเถาวัลย์นี่จะขยับได้ ถึงเธอเจอเรื่องแปลกๆของซูจิ้งมาพอสมควรแล้วแต่เธอก็ยังรู้สึกแปลกกับเรื่องนี้อยู่ดีเพราะยังซะมันก็คือพืช

ฉือชิงรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาซูจิ้งทันที หลังจากซูจิ้งรับสายเธอรีบพูดออกไปทันทีว่า “อาจิ้งไม่ดีแล้วล่ะ เจ้าเถาวัลย์ที่ชั้นสามมันขยับได้เอง ฉันไม่ได้หลอกนายนะฉันเห็นจริงๆ มันยังจับฉันและยกฉันจนลอยเลยเมื่อกี้น่ะ”
ซูจิ้งทำหน้านิ่งในทันทีเมื่อได้ยิน เขานึกได้ทันทีว่าเป็นเพราะอะไรพร้อมถอนหายใจออกมา เต็งเต็งโดนเจอตัวแล้วซินะ โดนเจอตัวเร็วจริงๆ สงสัยจะเป็นเพราะมันเดินไปไหนมาไหนได้ทั่วแล้วแน่ๆเลยเดินไปซะทั่วจนโดนเจอตัวเข้าจนได้ เฮ้อ

“เดี๋ยวฉันกลับไปนะ รอแปบนึง” ซูจิ้งบอกอย่างนั้นพร้อมทำการขี่อินทรีทองกลับไปอย่างเร็วที่สุด
ในไม่ช้าเขาก็ได้ลงจอดที่ชั้นสี่ ซูจิ้งรีบเดินลงไปที่ชั้นสามทันทีและได้เห็นฉือชิงที่ทำท่าจดๆจ้องๆเต็งเต็งที่แกล้งอยู่นิ่งๆจากระยะไกลเท่าที่เธอจะทำได้
เพราะเธอกลัวจึงเรียกบรรดาหมาๆมาอยู่รอบๆ โดยพวกมันก็ยังงงอยู่ว่านายหญิงของพวกมันเรียกพวกมันมาเพื่ออะไร เมื่อพวกมันเห็นซูจิ้งจึงรีบรายงานสถานการณ์ในทันที
“อาจิ้งเจ้าเถาวัลย์นั่นมันขยับได้จริงๆนะ” ฉือชิงรีบฟ้องซูจิ้งอย่างตื่นเต้น เธอไม่คิดว่าซูจิ้งจะเชื่อเธอในเรื่องนี้
“จ้า รู้จ้ารู้” ซูจิ้งพูดปลอบไปด้วยรอยยิ้ม
“จริงๆนะ… เดี๋ยวนะนายรู้หรอ” ฉือชิงรีบวีนใส่ซูจิ้งทันทีที่ตั้งสติได้พร้อมท่าทางประหลาดใจ “นายรู้ว่ามันขยับได้ ได้ยังไงอ่ะ” มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกหรอที่เถาวัลย์จะขยับเองได้ เมื่อเธอมองไปที่ซูจิ้งดีๆเธอก็เห็นว่าซูจิ้งทำหน้าเหมือนมันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา

ซูจิ้งเดินไปที่เถาวัลย์นั่น เขานั้นใช้นี้วเคาะไปที่เถาวัลย์นั่นพร้อมหัวเราะเล็กน้อยก่อนพูดออกมาว่า “ออกมาเถอะน่า โดนเจอขนาดนี้แล้วแกคิดว่าฉันจะช่วยอะไรแกได้ฟะ”

“อา อา” เต็งเต็งส่งเสียงร้องพร้อมกุลีกุจอออกมา มันปล่อยเถาวัลย์ไปถูบริเวณคอของซูจิ้งเพื่อจะอ้อนขอโทษ นั่นทำให้ฉือชิงมองด้วยความงงงวยอีกครั้ง

“เต็งเต็ง ไปแนะนำตัวกับนายหญิงหน่อยไป” ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้ม

“อาอา” เต็งเต็งขานรับแล้วใช้รากต่างเท้าพร้อมก้าวเล็กๆดึงตัวเองออกมาจากดิน มันร้องไปด้วยในขณะนั้นซึ่งแม้แต่ซูจิ้งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันพูดว่าอะไร ส่วนฉือชิงนั้นได้ยินเพียงเสียงใบไม้ไหวเท่านั้น
ตอนแรกเธอก็ยังกลัวอยู่แต่เมื่อเธอเห็นว่าเจ้าเถาวัลย์นี่เชื่อฟังซูจิ้ง แถมซูจิ้งก็อยู่นี่เธอจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน
และตอนนี้เธอได้รู้สึกประหลาดใจในทันทีที่เห็นเต็งเต็งในรูปทรงคล้ายไม้เท้า เธอยังได้ลองจับมันในขณะที่เต็งเต็งปล่อยเถาวัลย์ไปจับที่ฉือชิง
“เจ้านี่เป็นต้นไม้ไม่ใช่หรอ ทำไมมันขยับได้น่ะ” ฉือซิงตอนนี้รู้สึกเหลือเชื่อขึ้นมา เธอรู้สึกเหมือนว่าโดนเถาวัลย์นี่หลอกมาตลอด

“มันก็แค่ต้นไม้กินแมลงน่ะ ดอกไม้กินคนในตำนานนั่นก็ยังขยับได้เลยนี่ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน” ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้ม

“ไม่แปลกงั้นหรอ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปนี่มีหวังฮือฮากันทั้งโลกแหงๆ” ฉือซิงเริ่มทุบไปที่ซูจิ้งเบาๆหลายๆรอบเพราะซูจิ้งไม่ยอมบอกเธอก่อนหน้านี้ทำให้เธอกลัวตอนที่เจอมันจนมือสั่นไปหมด
สภาพเธอตอนนี้เหมือนเด็กที่กำลังโยเยอยากระบายความขุ่นเคืองออกมา
มื่อเธอทุบจนพอใจแล้วเธอก็หันไปจับที่เถาวัลย์พร้อมหัวเราะแล้วถามออกมาว่า “นายเรียกมันว่าเถาวัลย์หรอ”

“ขอโทษจ้า ส่วนเรื่องชื่อของเจ้านี่ชื่อเต็งเต็งน่ะ” ซูจิ้งตอบพร้อมรอยยิ้ม

“เต็งเต็ง ฉันยอมยกโทษให้เธอนะแต่ครั้งนี้ครั้งเดียว อย่ามาแกล้งให้ฉันตกใจอีกหล่ะ” ฉือชิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ด้วยการที่ฉือชิงไม่มีหยกหมื่นอสูรทำให้มันไม่เข้าใจ ซูจิ้งจึงได้แปลภาษาให้มัน ทันทีที่มันได้ยินมันร้องดีใจออกมาด้วยท่าทางมีความสุข เต็งเต็งผลักฉือชิงเข้าไปในรังของมันทันที พร้อมได้ขุดเอาพวกมอสพร้อมปุ๋ยออกมาให้กับฉือชิงนั่นทำให้เธอหัวเราะออกมาจนน้ำตาไหล
“ฮ่าฮ่าดูเหมือนเจ้านี่จะชอบเธอมากเลยนะ” ซูจิ้งพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ก็ฉันรดน้ำให้มันบ่อยๆนี่นา สงสัยจะรู้สึกขอบคุณหล่ะมั้ง” ฉือชิงนั้นยิ้มตอบแต่เธอก็ไม่ได้รับสิ่งที่เต็งเต็งให้มาแต่เลือกที่จะให้นำกลับไปฝังไว้ที่เดิมพร้อมดูแลมันแทนเธอไปก่อน
“ว่าแต่เธอยังเก็บเจ้าเม็ดเขียวๆที่ฉันให้เธอไปรึเปล่า” ซูจิ้งถามออกมา
“หมายถึงไอ้เนี่ยหรอ” ฉือชิงได้หยิบผลไม้เม็ดเล็กๆออกมาจากในกระเป๋า นั่นคือผลที่ออกมาจากเต็งเต็ง
“เจ้าผลไม้นี่ถ้าเขวี้ยงออกไปจนแรงพอที่ทำให้มันแตกออก มันจะกลายเป็นเถาวัลย์แบบเต็งเต็งออกมาและมันจะคุ้มครองเธอได้เกือบจะวันนึงได้เลย” ซูจิ้งพูดออกมาทำให้เธอเข้าใจในทันทีว่าทำไมเขาถึงอยากให้เธอเก็บมันไว้เป็นเครื่องราง ฉือชิงจ้องไปที่ซูจิ้งอยู่ซักพักก่อนที่จะพูดออกมาว่า”ตอนแรกฉันก็ไม่ยอมจะถามนะว่านายมีความลับอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ฉันอยากรู้แล้วอ่ะ ความลับทั้งหลายของนายเนี่ย นายรู้บ้างไหมว่าโลกภายนอกกำลังพูดถึงนายอยู่”

“แล้วเธออยากรู้อะไรหล่ะ” ซูจิ้งเอานิ้วแตะไปที่จมูกของฉือชิงพร้อมทั้งใช้มือโอบกอดไปที่รอบเอวของฉือชิง

“ฉันอยากรู้ว่าทำไมอยู่ๆนายถึงกลายเป็นปรมาจารย์ด้านต่างๆ ตั้งแต่นักฝึกสัตว์ กู่ฉิน พ่อครัว หมากล้อม การต่อสู้ นักล่าสมบัติ แล้วไหนจะเรื่องของเต็งเต็งอีก” ฉือชิงถามเขาในขณะที่ใช้โอบไปที่คอของซูจิ้ง

“ฉันมีความลับเยอะแยะเลยนะ แต่ไม่ยอมบอกเธอง่ายๆหรอก” ซูจิ้งพูดพร้อมรอยยิ้ม

“แล้วนายจะยอมบอกฉันเมื่อไหร่กัน” ฉือชิงถามต่อพร้อมรอยยิ้ม

“ก็ตอนที่เราได้แต่งงานกันไง จนกว่าเธอจะยอมเรียกฉันว่าสามีซักที”

“อีกนานแค่ไหนหรอ”

“ก็น่าจะภายในปีนี้นะ กะไว้ว่าประมาณช่วงฤดูใบไม้ผลิ ช่วงนั้นมีฤกษ์ดีๆเยอะอยู่นะ”

“แล้วนายได้ดูวันไว้บ้างรึยังล่ะ” ฉือชิงถามพร้อมตาเป็นประกายอย่างปลื้มปลิ่ม

“ฉันน่ะดูไว้แล้วตอนนี้ถามพ่อแม่ของพวกเราก่อนว่าเขาโอเคกันรึเปล่า เธอไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยังฉันก็จะจัดให้ได้ก่อนงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิแน่นอน” ซูจิ้งพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ดีมากเลย ว่าแต่มันก็อีกแค่ไม่กี่เดือนเอง บอกฉันก่อนไม่ได้หรอ” ฉือชิงทำสายตาอ้อนวอนใส่

“ก็ได้นะ ถ้าเธอยอมเรียกฉันว่าสามีให้ฟังก่อนล่ะนะ” ชูจิ้งพอพูดเสร็จก็ได้หัวเราะออกมาเล็กน้อย

“ชิ ฉันไม่ยอมเรียกหรอก ใครจะไปสนความลับของนายกัน” ฉือชิงหน้าแดงก่อนที่จะผลักซูจิ้งออกไปเบาๆ แล้วหันหลังเดินลงไปด้วยบันไดทันที
ซูจิ้งรีบตามเธอไปพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เธอจะได้รู้ความลับของฉันทั้งหมดเลยนะ แค่เธอยอมเรียกฉันว่าสามีแค่นั้นเอง มันไม่ได้เสียหายซักหน่อยภรรยาจ๋า อ้ะขอโทษลืมไปว่ายังไม่ใช่”

ความจริงแล้วฉือชิงในตอนนี้ก็เป็นคู่หมั้นของซูจิ้งอยู่แล้ว เธอไม่ได้มีปัญหาในการเรียกซูจิ้งว่าสามีหรอก
แต่เวลาเธอเห็นซูจิ้งยิ้มแบบมีเลศนัยแล้วเธออายมากๆจนทำตัวไม่ถูกแค่นั้นเอง
แถมเธอยังคิดต่อว่าต่อให้ซูจิ้งไม่คิดจะบอกอะไรเธอเธอก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

เหตุผลที่ซูจิ้งยังไม่อยากบอกอะไรฉือซิงนั้นก็เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอกังวล เนื่องจากว่าสถานีกำจัดขยะห้วงเวลาฯในตอนนี้ยังไม่เสถียร ถ้าเขาละทิ้งหน้าที่ของเขาไปอาจจะทำให้เกิดเรื่องอันตรายขึ้นได้ เขานั้นมีแผนว่าจะบอกเธอก็ต่อเมื่อสถานีถูกยกระดับเป็นระดับ 1 ก่อนหรือจะให้ชัวร์ก็คงจะเป็นระดับ 2 เขาถึงกล้าจะบอกเรื่องนี้ให้เธอรู้

ซูจิ้งก็ยังคงคาดหวังไว้ว่าการยกระดับน่าจะเสร็จก่อนที่เขาจะแต่งงานนั่นก็เพราะว่าเจ้าสถานีนี่อันที่จริงก็เปรียบเสมือนระเบิดลูกใหญ่ที่ทำอันตรายได้ไปจนถึงทั้งโลกมนุษย์เลยก็ว่าได้