บทที่ 628 ชิ้น (7)
“…”
ชินจงฮักจ้องมองจินซาฮยอคเงียบ ๆ คำพูดของเธอที่บอกว่าเขาจะได้พบกับชินมยองชุลทำให้เขารู้สึกดีกับเธอขึ้นมาอีกนิดหน่อย
แต่แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าคำพูดนั้นจะเกิดขึ้นจริงๆ
“ ตอนนี้เรากำลังอยู่ข้างในจิตใจของฉัน อย่างนั้นหรอ?”
ชินจงฮักถามคำถามพื้นฐานที่สุดเป็นคำถามแรก ตอนนี้เขาถูกรายล้อมไปด้วยความมืดมิด แม้ว่าจินซาฮยอคจะบอกว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นภายในจิตใจของเขา แต่ชินจงฮักก็ไม่อาจยอมรับคำตอบของเธอได้
เพื่อคลายความสงสัยนั้น จินซาฮยอคจึงพยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ใช่. ฉันสร้างภายในจิตใจของนายใหม่ตามความชอบของฉัน”
มันเป็นหนึ่งในความสามารถมากมายของ การควบคุมความจริง (Reality Manipulation) จินซาฮยอคลองสำรวจภายในจิตใจของชินจงฮักและสร้างมันขึ้นมาใหม่เพื่อที่เธอจะได้ค้นพบมรดกของชินมยองชูที่ฝังอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของชินจงฮัก
ชินจงฮักดูไม่พอใจกับการตั้งค่าทั้งหมด เพราะเขาไม่ได้มีความสุขกับความว่างเปล่าของทิวทัศน์โดยรอบเท่าไหร่นัก
จินซาฮยอคพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่าที่นี่เหมาะกับคุณดี มืดสนิท”
“…เธอว่าไงนะ?”
เส้นเลือดจำนวนหนึ่งปูดขึ้นที่ขมับของชินจงฮัก เกือบในเวลาเดียวกันความโกรธของเขาชะงักลงทันที มีวัตถุหลายอย่างเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่มีแต่ความมืดมิด
“ พ – พวกนี้คืออะไร?”
วัตถุที่ปรากฏขึ้นทำให้ชินจงฮักประหลาดใจ สิ่งที่ออกมาจากความมืดนั้นเกี่ยวข้องกับอีโก้ของเขาเอง รูปปั้นชินจงฮักของคิมฮาจินผู้ที่ได้ใบรับรองฮีโร่ระดับสูงที่อายุน้อยที่สุด หอกผู้พิชิตแห่งเซียงหยู หรือแม้แต่รูปปั้นของแชนายอน … แต่สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขาคือประตูที่อยู่ด้านหลังนั่น
[ชินมยองชุล]
ประตูเหล็กที่ถูกสลักชื่อของชินมยองชุลเอาไว้
“ตามฉันมา”
ในขณะที่ชินจงฮักยืนด้วยความหวาดกลัว จินซาฮยอคได้เริ่มเดินไปที่ประตูโดยมีชินจงฮักได้เดินตามมาอย่างติดๆ เขาไม่ลืมถอดเสื้อคลุมของเขาไปคลุมรูปปั้นของแชนายอนเอาไว้เพื่อที่จินซาฮยอคจะได้ไม่เข้าใจไม่ผิด (?)
“เอ่อ … ชื่อมยองชุลมีเยอะแยะไป เธอว่าไหม?”
จินซาฮยอคกระแทกประตูเหล็กสองสามครั้งแล้วหันกลับไปมองที่ชินจงฮัก
ชินจงฮักปิดปากตัวเองทันที เขาเริ่มใคร่ครวญการมีอยู่ของตัวเองแทน
เขารู้ดีถึงความคิดของสาธารณชนที่มีต่อเขาในฐานะฮีโร่
พวกเขาเรียกเขาว่าเป็นฮีโร่ที่อายุน้อยที่สุด รองหัวหน้าของสมาคมยักษ์ใหญ่อย่าง ‘เดสซลิทมูน (Deolate Moon)’ ผู้สืบทอดของจินซองคอรป และชายหนุ่มรูปงามที่แม้แต่เซเลปยังเทียบไม่ติด แม้ว่าคำอธิบายทั้งหมดนี้จะดูโดดเด่นแค่ไหน แต่ชินจงฮักก็ไม่เคยลืมรากเง้าของตัวเอง
ไม่มีทางที่เขาจะลืมได้
ในโลกอันกว้างใหญ่นี้มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถภูมิใจได้เพียงคนเดียว
นั่นคือ – ความภาคภูมิใจในฐานะหลานชายของชินเมียงชูล
“ …เธอกำลังจะบอกว่าคุณปู่ของฉันอยู่ข้างหลังประตูนั่นงั้นหรอ?”
ชินจงฮักถาม เขายังมีคำถามเหลืออยู่อีกเป็นขบวน
จินซาฮยอคพยักหน้ารับอย่างตรงไปตรงมา
“ ใช่ น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ ฉันเดาว่าชินมยองชุลผนึกส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของเขาเอาไว้ในมุมที่ลึกที่สุดของจิตสำนึกของนาย เหมือนที่ฉันทำ”
เมื่อไม่นานมานี้ ความทรงจำที่เกี่ยวกับอคทรีน่าของจินซาฮยอคได้ถูกผนึกไว้ เธอทำอย่างนั้นเพราะเธอไม่คิดว่า เธอจะสามารถเผชิญหน้ากับชีวิตปัจจุบันได้อย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงภาระของชีวิตในอดีตของตัวเธอเอง โชคดีที่เธอมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน
จินซาฮยอคสงสัยว่าชินเมียงชูลใช้วิธีการที่คล้ายกัน เบลล์กล่าวว่าชินเมียงชูลได้ทิ้งมรดกไว้กับชินจงฮัก ‘บางที’ ในความคิดของเธอ ‘ชินมยองชุลใช้วิธีการเดียวกับที่ฉัน เพียงแต่วิธีการนั้นแตกต่างออกไป’
“ …ไม่ใช่ว่าฉันเชื่อใจเธอหรอกนะ แต่ -”
ชินจงฮักอึกอึก เขายกมือขึ้นและทาบไปที่ประตู ท่าทีของเขาทำให้จินซาฮยอคเกิดความสังสัยขึ้นมา หลังจากนั้นเขาได้ลองพยายามผลักประตูเข้าไป แต่มันกลับไม่เคลื่อนไหว
เสียงคร่ำครวญหลุดออกมาจากริมฝีปากของชินจงฮัก ถึงอย่างนั้นความพยายามของเขาก็ดูไร้ประโยชน์
“ ลองใช้พลังเวทย์ของนายดูสิ” จินซาฮยอคขัดจังหวะ
ชิงจงฮักเหลือบสายตาไปมองเธอเล็กน้อยแล้วเริ่มถ่ายพลังเวทย์เข้าไปในประตู ฉับพลันประตูได้ตอบสนองต่อพลังเวทย์มนตร์ของเขา และในที่สุดมันก็เริ่มขยับ
Oooong …
ประตูเหล็กสั่นสะเทือนราวกับกำลังตอบรับพลังเวทมนต์ของชินจงฮัก และในไม่ช้ามันก็ได้เปิดออกอย่างง่ายดาย
Kiik – Koong!
เสียงหนักหน่วงของเหล็กดังขึ้น ชินจงฮักหันไปมองอีกด้านหนึ่งของประตู เขากลืนน้ำลงคอดังอึกแล้วมองอย่างคาดหวัง เขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังจมลงราวกับมีบางสิ่งที่ใหญ่และหนักหน่วงทับลงมา
อีกด้านหนึ่งของประตูมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ ชินจงฮักเห็นเขาอย่างชัดเจน
ไหล่ของชายคนนั้นกว้างใหญ่ราวกับภูเขา ท่าทางของเขาสงบนิ่งราวกับสายน้ำ ผมของเขายาวครอบคลุมทั้งสองส่วนของร่างกายของเขาเอาไว้ ชินจงฮักรู้สึกสั่นสะท้านไปถึงกระดูกสันหลัง สายตาของชายคนนั้นทำให้เขาตัวเเข็งเป็นหิน
ชินจงฮักอึกอีกครั้งแล้วหันกลับมามองจินซาฮยอค
“ เอ่อ ถ้านี่เป็นทริกอะไร….”
“ ฉันบอกนายแล้ว มันคือเรื่องจริง”
จินซาฮยอคตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ ชินจงฮักหันไปมองเธอครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินข้ามธรณีประตูไปข้างใน
ในขณะนั้นมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น ชายผู้นั้นเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าเหมือนหุ่นกระบอก จากนั้นเขาค่อย ๆ เงยหัวขึ้น
ชินจงฮักมองเห็นดวงตาทั้งสองข้างของชายตรงหน้าแล้ว เมื่อสายตาของพวกประสานกัน รอยยิ้มเล็กๆที่แทบจะมองไม่เห็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายผู้นั้น ในเวลาเดียวกันชินจงฮักรู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังอยู่ในกองเพลิงที่ร้อนฉ่า
ชินมยองชุล ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลในใจของชินจงฮัก อยู่ที่นี่แล้ว
**
[บังเกอร์ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี]
ในขณะเดียวกัน กองทัพของวาเลค ได้เข้าทำลายยุโรปตะวันออกและแผ่ขยายไปถึงเยอรมนี ตอนนี้ยุโรปถูกปิดล้อมด้วยปีศาจสองตัว: แอสทารอสทางทิศตะวันตกและวาเลค ทางทิศตะวันออก แอสทารอส ทำลายปารีส และเยอรมนีที่ไม่อาจต่อต้านวาเลค ปีศาจได้ควบคุมยุโรปอย่างสมบูรณ์ราวกับสองภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่….
“ เราถึงขีดจำกัดแล้ว เบอร์ลินต้านไม่ไหวแล้ว”
เจเนา นายกรัฐมนตรีของประเทศเยอรมนีประกาศออกมาอย่างน่าเวทนา มือของเขาสั่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อเขาส่งแผนภาพปราการป้องกันของกรุงเบอร์ลินไปให้อีกงมยอง
– …
อีกงมยอง ศึกษาแผนภาพด้วยความระมัดระวัง ในฐานะนายกรัฐมนตรีทหารสูงสุดมันเป็นหน้าที่ของเขาในการทำแผนกลยุทธ์ที่จะพาทีมไปสู่ชัยชนะ
– …มันกำลังลงมา
ถึงอย่างนั้น ไม่มีอะไรที่เขาจะพูดได้เลย เห็นได้ชัดว่าการป้องกันของเบอร์ลินถูกทำลายด้วยการโจมตีของปีศาจแล้ว
กองทัพปีศาจบุกเข้าโจมตีโปแลนด์อย่างรวดเร็วและได้มาถึงที่เบอร์ลิน มันเป็นเพียงเวลาชั่วครู่เท่านั้นก่อนที่กำแพงป้องกันของกรุงเบอร์ลินซึ่งเป็นผลผลิตของวิศวกรรมเวทย์มนตร์ที่ทันสมัยร่วงลงมา
“ อย่างน้อย เรายังสามารถอพยพผู้คนได้ไหม” เจนเนสถาม
อีกงมยอง ส่ายหัว ศัตรูยึดครองทั้งตะวันออกและตะวันตก นี่หมายความว่าประชาชนไม่สามารถเดินบนทางบกได้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอพยพผู้คนหลายพันล้านคนผ่านทางพอร์ทัล
พวกเขาวิ่งเข้าหาทางตัน
“ และคุณจะให้ฉันทำยังไง!” เจนเนสตะโกนเสียงดังก้อง น้ำตาของเขาเริ่มร่วงล่น ความผิดที่ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้คนของเขาทับถมในหัวใจของนายกรัฐมนตรี
อีกงมยอง พูดพร้อมกับถอนหายใจ
– โปรดรออีกสักพัก ในเวลานี้เราทำอะไรไม่ได้มากนัก บาอัล โมแรกซ์ และปีศาจตัวที่สามได้บุกเกาหลี ฉันกลัวว่าสถานการณ์ที่นี่จะไม่ดีเช่นกัน แต่ฉันแน่ใจว่าเราจะสามารถหาทางทำอะไรสักอย่างได้ …
นายกรัฐมนตรีกัดฟันของเขาแน่น ความสิ้นหวังและความผิดหวังเข้ามาแทนที่ความโกรธในใจของเขา เขาครุ่นคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง
ปัจจุบันเขาอยู่ในบังเกอร์ใต้ดินในเกาหลี นายกรัฐมนตรีทหารสูงสุดของเยอรมนีพร้อมด้วยสมาชิกคณะรัฐมนตรีได้ละทิ้งประชาชนของพวกเขาและอพยพไปยังบังเกอร์ในต่างประเทศ มันเป็นเพียงการเสแสร้งว่าเขากำลังกังวลเกี่ยวกับประชาชนที่เขาทิ้งไว้โดยเลือกที่จะหนี
“…ฉันเข้าใจ.”
เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีที่ถ่มน้ำลายคำพูดของเขาด้วยการลาออกผ่านหน้าจอที่แสดงให้เห็นกรุงเบอร์ลินได้มาถึงจุดจบแล้ว
เจนส์เบิกตากว้าง
“ก- เกิดอะไรขึ้น!”
เจเนา อุทานเป็นภาษาเยอรมัน ใช้เวลาไม่นาน เขาถึงได้เข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
จุดจบมาถึงแล้ว
ปีศาจประสบความสำเร็จในการทำลายเยอรมนี
“…”
เจนส์หลับตาและกำหมัดแน่น คณะรัฐมนตรีในบังเกอร์มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน
ภาพสีของบนหน้าจอเริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ แสงที่มองไม่เห็นหายไปและเบอร์ลินได้ถูกเปิดเผยออกมาอีกครั้ง แต่ทิวทัศน์ที่เปิดเผยนั้นแตกต่างออกไปจากฉากก่อนหน้าอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ออกมาจากลำโพง
– ถึงเวลาแล้วที่เราเอาคืน
เจเนา อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
– เวลากู้คืนบ้านเกิดของเราจากความมืดมิดและเปิดเผยความกล้าหาญของเราได้มาถึงแล้ว
——————2—————–