เฉินเกอรู้ว่าเขตที่พักอาศัยของฟ่านฉงนั้นเก่า แต่เขาไม่รู้เลยว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นอพาร์ทเม้นท์สวัสดิการของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และที่ประหลาดใจกว่านั้นก็คือครั้งหนึ่งโรงพยาบาลเฉพาะทางโรคติดต่อเคยตั้งอยู่ที่เมืองหลี่ว่านนี้

“ผมได้ยินมาจากคนพื้นที่ที่ยังอยู่ที่นี่” ชายมีรอยสักรีบอธิบายด้วยกลัวว่าเฉินเกอจะเข้าใจผิด “ก่อนที่ประตูในเมืองหลี่ว่านจะถูกเปิดออก ที่นี่ก็เป็นสถานที่แปลก ๆ อยู่แล้ว หากพวกคุณเคยอยู่ในจิ่วเจียงตะวันตก คุณจะรู้ว่าคนเก่าแก่นั้นจะไม่ยอมอาศัยอยู่ใกล้ ๆ เมืองหลี่ว่าน  เพราะว่าความ ‘สกปรก’ ของที่นี่ อันที่จริง ‘สกปรก’ ของพวกเขานั้นมีสองความหมาย– หนึ่งเป็นเพราะโรคติดต่อร้ายแรงที่เคยแพร่อยู่ในเมืองเล็ก ๆ นี้มาก่อน และอีกความหมายก็คือมีเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นที่นี่หลายต่อหลายครั้ง”

“คุณยังพอหาโรงพยาบาลนั่นเจอไหม?” เฉินเกอยืนอยู่หน้าตึกแรก

“คุณมีความสนใจแปลก ๆ ดีนะ ทำไมมันถึงเหมือนกับว่ายิ่งอยู่ในที่อันตราย ๆ คุณก็ยิ่งสนใจล่ะ?” ชายมีรอยสักคิดก่อนที่จะส่ายหน้า “ผมไม่รู้ตำแหน่งที่ตั้งแท้จริงของมัน ตามข่าวลือ โรงพยาบาลน่าจะถูกรื้อถอนรากถอนโคน พวกเขาขุดหลุมเอาไว้รอบ ๆ ตึกและปล่อยให้ทั้งโรงพยาบาลจมลงไปในพื้น”

“พวกเขาฝังทั้งตึกลงไป? หรือกระทั่งอิฐสักก้อนของโรงพยาบาลเก่าก็ไม่อนุญาตให้หลุดหายไป?” เฉินเกอหันกลับไปมองชายมีรอยสัก “แต่ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินเรื่องราวใหญ่โตอย่างนี้มาก่อน? คุณรู้ไหมว่าโรคอะไรที่ระบาดอยู่ในเมืองหลี่ว่านเมื่อหลายปีก่อน?”

“ผมต้องขอโทษด้วย ผมเองก็ไม่รู้ชัดเจนเรื่องนั้น บางคนบอกว่าเป็นโรคเรื้อน บางคนบอกว่าโรคฝีดาษกลายพันธุ์ มีข่าวลือมากมายเต็มไปหมด และมีแค่สองอย่างที่ผมยืนยันได้ โรคระบาดนี้ไม่เพียงแค่ติดต่อผ่านอากาศ มันยังสามารถติดต่อผ่านทางน้ำได้ด้วยเช่นกัน และโอกาสที่จะติดผ่านน้ำนั้นยังมากกว่าติดผ่านอากาศเป็นหลายเท่า อีกอย่างก็คือผู้ป่วยคนแรกสุดนั้นเป็นเด็กคนหนึ่ง แต่ไม่ชัดเจนนักว่าเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชาย”

“เป็นโรคระบาดที่ติดต่อผ่านทางน้ำ และผู้ป่วยคนแรกยังเป็นเด็ก ฮึ?” เฉินเกอจู่ ๆ ก็นึกถึงเขื่อนจิ่วเจียงตะวันออกและหลุมใหญ่ที่ก้นเช่นเดียวกับการประปาจิ่วเจียงตะวันออกที่อยู่ติดกับเขื่อน นั่นเป็นสถานที่ที่เฉินเกอเจอกับเงานั่นเป็นครั้งแรก

เงานั่นก็คิดจะใช้การประปาทำอะไรบางอย่าง?

ความคิดในใจเฉินเกอนั้นกระจ่างขึ้นเรื่อย ๆ

มีปิศาจซ่อนอยู่ในหลุมใต้ดินในเขื่อนจิ่วเจียงตะวันออก และเขื่อนยังเป็นสถานที่ส่งน้ำดิบให้กับการประปาไปผ่านกระบวนการ ถ้าเงานั่นผสมอะไรสักอย่างเข้าไปที่ในการประปา อย่างนั้นชาวเมืองทั้งหมดในจิ่วเจียงตะวันออกย่อมได้รับผลกระทบโดยไม่รู้ตัว

เฉินเกอไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกไป แต่เขาก็มีความคิดคร่าว ๆ เกี่ยวกับแผนการของเงานั่นแล้ว เงานั่นเกิดขึ้นจากความสิ้นหวังและความรู้สึกด้านลบจำนวนมากอย่างไม่น่าเป็นไปได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเกิดมาเป็นคนและไม่มีแม่คนไหนสามารถอุ้มท้องทารกเช่นนั้นได้ ดังนั้นเงานั่นจึงหันไปสนใจวิธีการฝังเมล็ดพันธุ์

เขาวางแผนจะฝังตัวเองเข้าไปในเด็กคนอื่นและใช้ทั้งเมืองจิ่วเจียงเป็นแหล่งอาหาร เฉินเกอยังไม่เข้าใจแผนการแท้จริงของเงานั่น แต่เขาเข้าใจแล้วว่าขนาดแผนการของเงานั่นใหญ่กว่าที่เขาเคยคาดคิดเอาไว้

ผีทารกนั้นเป็นภารกิจระดับสี่ดาว แต่อะไรที่ทำให้มันเป็นฉากระดับสี่ดาว? เพราะมันเกี่ยวข้องกับทั้งจิ่วเจียงตะวันออกเหรอ?

เฉินเกอนั้นไม่เคยทำภารกิจระดับสี่ดาวมาก่อน ความเชื่อมโยงเดียวที่เขามีก็คือหลาย ๆ ภารกิจที่เขาทำเพื่อปลดล็อกภารกิจโรงเรียนแห่งปรโลก

ผีทารกนั้นเป็นภารกิจระดับสี่ดาว และโรงพยาบาลต้องสาปก็เป็นภารกิจระดับสี่ดาว บังเอิญว่า เฉินเกอเพิ่งยืนยันกับชายมีรอยสักว่าหลังจากโรงพยาบาลเมืองหลี่ว่านถูกฝัง เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งก็ย้ายไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซินไห่ และชื่อที่เขาพูดถึงนั้นก็คล้ายกับชื่อโรงพยาบาลที่เขาเห็นปักเอาไว้บนชุดผู้ป่วยของเด็กชาย

ฉากระดับสี่ดาวใหม่สองฉากที่โทรศัพท์เครื่องดำมอบให้นั้นดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกัน และนี่ก็ทำให้เฉินเกอปวดหัว เงื่อนงำทั้งหมดที่เขาพบนั้นเกาะเกี่ยวพันกันอยู่ในใจเขา เกิดเป็นเงื่อนตาย

ฉากระดับสี่ดาวนั้นอันตรายเกินไป ต่อให้มีจางหยา มันก็ยังไม่อาจรับรองความปลอดภัยได้มากพอ ฉันต้องเค้นทุกหยาดหยดจากฉากระดับสามดาวครึ่งนี่! ตราบใดที่ฉันสามารถจับเงานั่นได้ ฉันก็สามารถเค้นเอาความจริงจากปากมันได้!

การมองผ่านความสัมพันธ์อันซับซ้อนไปจนถึงแก่นนั้นไม่ใช่ความสามารถของเฉินเกอ ดังนั้นเขาจึงวางแผนจะใช้วิธีการของตัวเองในการเปิดเผยความจริง

ไม่มีอะไรซับซ้อนถึงเพียงนั้น– ทุกอย่างสามารถทำให้เรียบง่ายได้!

มันแค่ไม่นานเลยตั้งแต่ที่เฉินเกอได้โทรศัพท์เครื่องดำมา แต่ว่าเขาเติบโตขึ้นด้วยความเร็วไม่น่าเชื่อ แต่ว่า ทิศทางการเติบโตของเขานั้นดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับที่โทรศัพท์เครื่องดำคาดเอาไว้ เฉินเกอนั้นกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ไม่มีใครบอกได้ แต่สำหรับตอนนี้นั้น มันราบรื่นสำหรับเขา

คำประกาศของเงานั่นก่อนหน้านี้บอกว่าเขากำลังซ่อนตัวอยู่ในหมู่พวกเรา อย่างนั้นจะฉันจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับทุกคนที่นี่ ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ฉันก็จะจับตามองทุกการเคลื่อนไหวของเขา ต่อให้พวกเขาตาย ฉันก็จะแบกศพของพวกเขาไปด้วย ต่อให้ทุกคนไม่ใช่ ฉันก็จะพลิกเมืองหลี่ว่านหา ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะหาเขาไม่เจอ!

ถ้าเงานั่นเชี่ยวชาญสงครามจิตวิทยา อย่างนั้นเฉินเกอก็ตรงข้ามสุดขั้ว พวกเขามีรูปลักษณ์ที่คล้ายกันและยังมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกัน แต่วิธีการที่พวกเขารับมือกับปัญหาต่าง ๆ นั้นต่างกันอย่างมาก

“ไม่มีเวลาให้เสียแล้ว ตามผมมา!” เฉินเกอดึงค้อนออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังและเปิดเครื่องเล่นเทป เขาใจเย็นมาก เมืองหลี่ว่านก็แค่ฉากระดับสามดาวครึ่ง และฉากย่อยส่วนใหญ่ก็ถูกจัดการแล้ว มีไกด์ที่เขาได้จากเกมของเสี่ยวปุ้ ความยากของภารกิจนี้ก็ลดลงต่ำสุด และเขาก็ตัดสินใจทิ้งการเสแสร้งก่อนหน้าของตัวเอง

เขาเรียกชื่อจางหยา และเงาที่ด้านหลังเขาก็กระเพื่อม– มันเหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งหน้าเต็ม และพยายามยิ้มตอบเขา

“วันนี้ เธอดูไม่ปกติกว่าก่อนหน้า”

เฉินเกอลากค้อนเข้าไปในตึก ทุกก้าวของเขานั้นมั่นคง และมีเสียงประหลาดดังมาจากรอบตัว เหมือนมีคนมากมายล้อมอยู่รอบตัวเขา

“ระวังด้วย!” ชายมีรอยสักหยุดอยู่ที่ทางเข้า กะโหลกศีรษะทั้งห้าบนแขนของเขานั้นกรีดร้องเหมือนพวกเธอพยายามหนีออกจากร่างนี้ นี่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ถูกผีทารกฆ่ายินดีเข้าไปใกล้ที่นี่– มีบางอย่างอันตรายมากซ่อนอยู่ที่นี่ แต่ประตูออกไปจากที่นี่กลับตั้งอยู่ในตึกนี้เช่นกัน…”

“หยุดลังเล ในเมื่อแกตัดสินใจเชื่อเขาแล้ว ก็เชื่อมั่นในตัวเขา” มือกรรไกรเลียแผลที่มุมปาก เขาเรียนรู้จากชายมีรอยสักจนเสแสร้งเป็นฆาตกรบ้าคลั่งได้ดีกว่าเดิม

“เขาอาจจะดูไม่เหมือน แต่ว่าเขาเชื่อถือได้ที่สุดแล้วในเวลาสำคัญอย่างนี้” ชายขี้เมาแบกหมอเข้าตึกไป

เห็นพวกเขาเข้าไปแล้ว ชายมีรอยสักก็กัดฟัน ใช้แขนของตัวเองบังรอยสักทั้งห้าเอาไว้ ก้าวยาว ๆ เข้าไปในตึก

“คุณคิดว่าพวกเราควรจะตามเขาไปไหม?” เจียหมิงนั้นไม่กล้ามองหลี่เจิ้ง เขาคิดว่าเขาแสดงได้ดีทีเดียว แต่กระทั่งเขาก็ไม่รู้ตัวว่าเขาเริ่มทำตามความคิดของหลี่เจิ้ง และนั่นก็ต่างจากตอนที่พวกเขาเข้ามาในเมืองหลี่ว่านทีแรกมาก

“ตามเขาไป ฉันยังมีคำถามที่อยากจะถามเฉินเกอ” หลี่เจิ้งและเจียหมิงเข้าไปในตึก หมอกสีเลือดหนาหนัก ผู้ชายที่มีใบหน้ายิ้มยืนอยู่ด้านนอกตึกอยู่เป็นนานก่อนที่จะเข้าไปรวมกับคนที่เหลือ