เฉินเกอลากค้อนและเดินไปจนสุดทางเดิน เขาศึกษาเพื่อนร่วมทีมแต่ละคนอยู่ในใจและพบว่าพวกเขาทุกคนนั้นล้วนเป็นผู้ต้องสงสัยได้
ชายขี้เมาขึ้นมาบนรถขนศพโดยบังเอิญ และเขาก็เป็นคนที่ธรรมดาที่สุดในกลุ่ม เขามีความหวังที่จะมีชีวิตต่อ กลัวความตาย และยังมีนิสัยแบบที่คนธรรมดาควรเป็น
เฉินเกอนั้นเคยเจอกับหมอมาก่อนแล้ว ตอนที่ผู้โดยสารคนอื่น ๆ หายตัวไป หมอเป็นคนที่ขึ้นรถเมล์คันนี้แล้วรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
ความน่าสงสัยในตัวเจียหมิงนั้นยังไม่สามารถปัดผ่านไปได้ แต่คนที่ทำให้เฉินเกอกังวลยิ่งกว่าก็คือหลี่เจิ้ง เขายังไม่ลืมข้อความที่ได้รับทางโทรศัพท์ก่อนที่จะมาถึงเมืองหลี่ว่าน คนส่งนั้นเหมือนไม่ใช่หลี่เจิ้ง หลังจากเขาพบหลี่จิ้ง เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เพราะว่าต้องการสังเกตคนผู้นี้ให้มากขึ้น
สำหรับเฉินเกอ โอกาสที่เงานั่นจะใช้ตัวตนของมือกรรไกรนั้นต่ำที่สุด เขาพยายามอย่างมากเพื่อจะทำให้ตัวเองนั้นน่ากลัวมากขึ้นและเข้าถึงยาก และนั่นก็เป็นสิ่งที่คนอื่นจะเลียนแบบได้ยากอย่างไม่น่าเชื่อ
ตัวตนของชายหน้ายิ้มนั้นลึกลับไปทั้งหมด เงานั่นสามารถฆ่าเขาได้ก่อนที่จะขึ้นรถเมล์แล้วเข้าใช้ตัวตนของเขา อย่างไรเสีย ก็ไม่มีใครคุ้นเคยกับชายหน้ายิ้ม ต่อให้เงานั่นจะใช้ตัวตนของชายคนนี้ ก็ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเคยเป็นอย่างไร เขาเลียนแบบได้ง่ายที่สุด และเพราะอย่างนั้น เขาจึงเป็นคนที่น่าสงสัยได้ง่ายที่สุดเช่นกัน
ขอบคมของค้อนนั้นทำให้เกิดรอยแตกบนพื้น เกิดเสียงที่ทำให้สันหลังลุกวาบ เฉินเกอเดินอยู่คนเดียวในความมืด และกระทั่งชายขี้เมาและมือกรรไกรยังไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป เฉินเกอแผ่รัศมีของตัวอันตรายออกมา ก่อนหน้านี้เขายังดูเป็นปกติแล้วจู่ ๆ ก็แผ่รัศมีที่แตกต่างไปออกมา
“ฉันสงสัยว่าเงานั่นจะเตรียมเรื่องประหลาดใจแบบไหนไว้ให้ฉัน…” เจ้าแมวขาวหมอบอยู่บนไหล่ของเฉินเกอ หูของมันตั้งขึ้นเป็นสัญญาณเตือน แต่ว่า ซู่อินกลับไม่ได้เตือนอะไรเฉินเกอ นี่น่าจะหมายความว่ามีบางอย่างน่ากลัวมาก ๆ อยู่ในตึกนี้แต่ว่ามันยังไม่ปรากฏตัวออกมาชั่วคราว
ตึกนี้ไม่ได้ใหญ่ และเฉินเกอก็ไปถึงประตูบ้านของเจียงหลง ประตูที่หลุดออกจากการควบคุมนั้นอยู่ข้างหลังนี่
“ในที่สุด ฉันก็ได้รู้ว่าประตูธรรมดากับประตูที่หลุดออกจากการควบคุมนั้นต่างกันอย่างไร” เฉินเกอยกค้อนขึ้นแล้วทุบประตู หมอกเลือดหนาม้วนออกมาจากในห้อง น่าแปลก หมอกที่ด้านในห้องนั้นยังหนากว่าที่ในเมืองด้านนอกเสียอีก คนธรรมดามองเห็นตรงหน้าตัวเองได้เพียงไม่เกินสามเมตรเท่านั้น
“ฉันจะเข้าไปดูก่อน” เฉินเกอถือค้อนไว้ในมือหนึ่งแล้วเอื้อมอีกมือเข้าในกระเป๋าสะพายหยิบรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่งออกมา “ขออภัยที่ล่วงเกินด้วย”
เขาโยนรองเท้าเข้าไปในห้องรับแขกและยืนสังเกตอยู่ที่ประตู เมื่อยืนยันแล้วว่าไม่มีกับดัก เขาก็เดินเข้าไปในห้อง เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาดตอนที่ร่างของเขาสัมผัสกับหมอก อารมณ์ด้านลบพุ่งเข้าไปในใจเขา และคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นแรงกล้าก็จะสูญเสียการควบคุมโดยง่าย “ฉันคิดว่าพวกคุณที่เหลือควรจะรออยู่ด้านนอกตอนนี้ หมอกที่ด้านในนี่หนามากและฉันก็กลัวว่ามันจะมีอันตราย”
เฉินเกอหยิบรองเท้าส้นสูงขึ้นมาและพบว่าหมอกนั้นเบาบางลงเมื่อมันเข้าไปสัมผัสกับรองเท้า– มันเหมือนรองเท้าสามารถดูดซับหมอกเหล่านี้ได้
“หมอกนี่เป็นผลดีต่อพวกผีเหรอ?” เฉินเกอถามไป๋ชิวหลินและได้รับคำยืนยัน เลือดรอบหัวใจไป๋ชิวหลินเริ่มแผ่ออกมา แต่ว่า เฉินเกอก็ยังไม่ได้เรียกพนักงานทั้งหมดของเขาออกมาเพราะว่าเขาก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเกิดผลเสียจากการกลืนกินหมอกเหล่านี้หรือไม่
“ไม่มีอะไรในห้องนั่งเล่น– ชั้นใต้ดินดูเหมือนจะอยู่ด้านหลังตู้…” เฉินเกอเดินตรงไปตอนที่เจ้าแมวขาวจู่ ๆ ก็ร้องเหมียวออกมา เฉินเกอหันไปมองและพบว่าเจ้าแมวขาวขู่ฟ่อไปทางห้องนอน
“ถ้าเป็นวิญญาณสีเลือด เจ้าแมวจะตัวสั่นด้วยความกลัว แต่ในเมื่อมันกล้าขู่ ก็หมายความว่าวิญญาณในห้องนอนนั้นไม่ได้แข็งแกร่งเกินไป”
ไม่ว่าอย่างไร เฉินเกอก็จะไม่ประมาทคู่ต่อสู้ของเขา เขาโยนรองเท้าส้นสูงเข้าไปในห้องก่อนจะตามเข้าไปช้า ๆ
“พยายามสัมผัสว่ามันซ่อนอยู่ตรงไหน” ห้องนอนนั้นเล็ก แต่หลังจากพวกเขาเดินเข้าไป เจ้าแมวขาวก็ดูจะสับสน มันขู่ไปทางเตียง และจากนั้นก็หันไปแยกเขี้ยวใส่หน้าต่าง
“มันทำอย่างนี้เพื่อซื้อเวลาหรือ?” เฉินเกอรู้สึกว่านี่เป็นไปได้ ตอนที่เขากำลังจะกลับออกไปไม่ยอมเสียเวลาไปกว่านี้ ประตูห้องนอนก็กระแทกปิด เสียงกล่องดนตรีก้องอยู่ในห้อง และหมอกเลือดก็ค่อย ๆ นิ่งลง มีเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งผสมอยู่ในเสียงดนตรี
“แม่กับพ่อเข้าไปในชั้นใต้ดิน หลังจากพ่อกลับออกมาก็ล็อกประตู เขาแบกถุงสีดำใบใหญ่ไปด้วย เขาแตะหัวหนูแล้วก็บอกว่า ‘เด็กดื้อจะถูกผีพาตัวไป’
“หนูนอนอยู่บนเตียง คิดถึงที่แม่เคยพูด
“ก่อนที่จะเข้านอน หนูต้องดึงผ้าห่มออก ก่อนที่จะเข้านอน หนูต้องปิดหน้าต่าง ก่อนที่จะเข้านอน หนูต้องไปดูที่ตู้ ก่อนที่จะเข้านอน หนูต้องดูที่ใต้เตียง… ถ้าหนูนอนอยู่คนเดียว
“พ่อออกไปจากบ้านพร้อมถุง ทิ้งหนูเอาไว้
“หนูมองใต้ผ้าห่ม มองออกไปที่หน้าต่าง มองเข้าไปในตู้ มองใต้เตียง แต่ว่าหาแม่ไม่เจอ”
เสียงเพลงก้องอยู่ในห้องเหมือนมันกำลังบอกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนอน
“พ่อบอกว่าเด็กดื้อจะถูกผีพาตัวไป และเด็กหญิงก็ทำตามที่แม่สอน เพลงนี่กำลังพยายามสื่ออะไร?” เฉินเกอรู้ว่าบ้านนี้นั้นเคยเป็นบ้านของเจียงหลง “ตอนนั้น เจียงหลงถูกเงานั่นสิงอยู่ และมันก็เป็นไปได้ที่เขาจะทำเรื่องประหลาดมากมาย ห้องใต้ดินที่หายไป แม่และพี่สาวที่หายไป ทั้งหมดนี่น่าจะเป็นการกระทำของเขา”
กล่องดนตรียังเล่นอยู่ แต่คราวนี้ เป็นเสียงของผู้หญิงอีกคน
“ดวงตาสีแดงจับจ้องหนูอยู่ หนูไม่เห็นแม่ แต่แม่เห็นหนู
“แม่ขยับไปตามสายตาหนู แม่ซ่อนอยู่ใต้เตียง ในตู้ หลังหน้าต่าง ก่อนที่จะคลานเข้าไปใต้ผ้าห่มหนู
“แม่นอนอยู่ข้างหลังหนูและบนตัวหนู แต่หนูกลับมองไม่เห็นดวงตาสีแดงของแม่”
เฉินเกอตรวจดูทุกที่ที่เสียงผู้หญิงพูดถึงขณะแกว่งค้อนไปรอบ ๆ “ดูเหมือนว่านี่จะยืนยันว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับคนแม่ เธอถูกซ่อนเอาไว้ในห้องนี้ แต่ลูกสาวมองไม่เห็นเธอเพราะอะไรบางอย่าง ในเมื่อฉันสามารถได้ยินเสียงทั้งของลูกและของแม่ มันก็หมายความว่าพวกเขาถูกทิ้งเอาไว้บนโลกนี้ นี่เข้ากับผลการสืบสวนของตำรวจ ภรรยาของเจียงหลงและลูกสาวหายตัวไปและยังหาไม่พบจนทุกวันนี้
“เป็นเจียงหลงที่สังหารครอบครัวตัวเอง หรือไม่อย่างนั้น ก็เป็นเจียงหลงที่ถูกสิงที่สังหารครอบครัว เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้มีความมีมนุษยธรรมเลยสักนิด” เฉินเกอนั้นไม่มีเงื่อนงำว่าภรรยาและลูกสาวนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ แต่เขาก็วางแผนจะพาพวกเธอกลับไปยังบ้านผีสิงเพื่อเก็บข้อมูลจากพวกเธอ
“จะให้ดีพวกคุณออกมาด้วยตัวเอง ผมขวางประตูเอาไว้แล้ว ไม่มีทางหนี”
ไม่มีการตอบกลับ กล่องดนตรียังเล่นต่อ เฉินเกอตัดสินใจเลิกเสียเวลา เขาใช้ค้อนทำลายเตียงและหน้าต่าง แต่ว่า ตอนที่เขาเดินไปที่ตู้ เสียงกล่องดนตรีจู่ ๆ ก็หยุดไป
“นี่น่าจะไม่ใช่กับดักของเงานั่น– มันน่าจะเป็นแค่กลเล็ก ๆ ให้ฉันสับสน” เฉินเกอถือรองเท้าส้นสูงสีแดงและใช้ส้นดึงมือจับประตูตู้ให้เปิดออก กล่องดนตรีสวยงามหรูหราวางอยู่ในตู้
กล่องดนตรีดูเก่า และรูปครอบครัวก็ถูกใส่ไว้ด้านใน แม่กอดน้องชายเอาไว้และพี่สาวก็พิงอยู่กับคนแม่อย่างมีความสุข มีคนยืนอยู่ข้างพวกเธอ แต่ส่วนนั้นของรูปถูกตัดทิ้งไป
หยิบกล่องดนตรีขึ้นมาแล้วเฉินเกอก็โยนมันเข้าไปในกระเป๋าสะพายหลัง เขาคิดจะให้พนักงานของเขาจัดการกับสิ่งนี้
“ดวงตาสีแดงในตู้ที่โทรศัพท์เครื่องดำพูดถึงน่าจะหมายถึงกล่องดนตรีนี่”
เฉินเกอชะงักและพบว่าเขาทำภารกิจย่อยที่โทรศัพท์ให้มาครบหมดแล้ว
“พอฉากเมืองหลี่ว่านเปิดใช้งาน มันน่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ทีเดียว เล่นซ่อนหาที่โรงพยาบาล บ้านสุนัข ดวงตาสีแดงในตู้ มนุษย์หัวไม้ม็อบ และอพาร์ทเม้นท์ที่เต็มไปด้วยฆาตกรและผี
“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหนีออกไปจากตึก ถนนก็จะเต็มไปด้วยเงาที่โบกมือและใช้รูปร่างของผู้เข้าชม ฉากแบบนี้ช่างสมบูรณ์แบบ และฉากนี้ก็ไม่ได้จำกัดอยู่ในตึกเดียวและยังขยายออกไปได้อีกหลายทาง ถ้าฉันเพิ่มหุ่นและกลไก ฉันก็สามารถลอกแบบเกมของเสี่ยวปู้ในชีวิตจริงและให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสประสบการณ์สนุกสุดเหวี่ยงด้วยตัวเอง”
เฉินเกอนั้นมองเห็นความครึกครื้นที่จะเกิดขึ้นในโลกออนไลน์เมื่อเปิดใช้ฉากเมืองหลี่ว่านได้เลย ไม่เคยมีบ้านผีสิงไหนทำฉากที่ใหญ่มหึมาระดับนี้มาก่อน