บทที่ 559 เขาได้กลิ่นน้ำหอมที่แปลกไปจากบนตัวเธอ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 559 เขาได้กลิ่นน้ำหอมที่แปลกไปจากบนตัวเธอ
“แสงดาว!!”

“เฮ้!แกอย่ามาตะโกนใส่ฉัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ลูกของแกต่างหากเอาใจยาก ฉันเอาใจรับใช้พวกเขาอย่างกับบรรพบุรุษแล้วเกือบทั้งวัน แค่นี้ฉันก็ดีเกินพอแล้ว”

แสงดาววิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก

เสียงดัง “ปัง—!” ประตูปิดแล้วเธอก็หายไป

แสนรักโกรธ…………

“แด๊ดดี้ รินจังไม่สบายตัว รินจังอยากอาบน้ำ แด๊ดดี้……”

“ผมด้วย แด๊ดดี้ ทรายอยู่เต็มกางเกงผมเลย ยังมีในหูด้วย คุณป้ายิงน้ำเข้าใส่ข้างในของผม”

“………….”

ชินจัง………..

ช่างเถอะ ชินจังยังถือว่าสะอาดอยู่ แต่ คราบดินตามร่างกายและก็เสื้อผ้าที่ยับยุ่งเหยิงนั้น พูดได้ว่า เป็นครั้งที่สกปรกที่สุดครั้งหนึ่งตั้งแต่เขาเคยมีมา

แสนรักโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

นี่มันอะไรกัน?

จู่ๆ ทำไมถึงทำถึงขนาดนี้? นี่ยังมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ไหม?

แสนรักก็จำเป็นต้องวางงานในมือลง อุ้มเจ้าก้อนโคลนลงมาจากโต๊ะ กัดฟันและสบถออกมาว่า: แสงดาว ฉันฝากไว้ก่อนเถอะ”

“ฮัดชิ่ว—”

แสงดาวที่เพิ่งวิ่งลงมาถึงชั้นล่าง ก็จามแรงๆ หนึ่งครั้งทันที

ไม่สิ หรือว่าคนข้างบนกำลังด่าเธออยู่เหรอ?

เธอขึ้นรถไปอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย

วันนี้ของเธอ ช่างเหนื่อยจริงๆ

เด็กเหลือขอสองสามคนนี้ ใครจะรู้ว่าจะฉลาดได้ขนาดนี้ แม้ว่าเธอที่เคยผ่านมีดจริงปืนจริงมาแล้ว แต่สุดท้าย ก็ไม่สามารถจัดการกับเด็กน้อยสองสามคนนี้ได้

แสงดาวรู้สึกเจ็บใจมาก

แต่ว่า หลังจากที่เธอขึ้นรถ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะจากไป ยังโทรศัพท์หาเส้นหมี่ ให้เธอรีบนำเอาเสื้อผ้าสะอาดของเด็กๆ มาส่งให้

มิเช่นนั้น เธอจะต้องโดนตีอย่างหนักแน่ๆ !

เมื่อเส้นหมี่รับสายโทรศัพท์ ตกใจเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าก็ต้องรีบนำเสื้อผ้ามาส่งให้

ผู้หญิงคนนี้ พึ่งพาไม่ได้จริงๆ

เส้นหมี่ก็รีบอย่าสุดชีวิต ในที่สุดหลังจากที่แสนรักช่วยอาบน้ำให้แก่เด็กๆทั้งสามคน เธอก็มาถึงบริษัท ถือเสื้อผ้าของเด็กๆ ขึ้นมายังห้องพักผ่อนชั้นบนสุดของตึกสูง

“หม่ามี๊ หม่ามี๊มาแล้ว หนูจะบอกว่า วันนี้คุณป้าทำเกินไปแล้ว ถึงกับเอารินจันเป็นอาวุธ”

เพิ่งขึ้นมาถึง หนูรินจังที่โดนแด๊ดดี้อาบน้ำให้จนสะอาด สวมผ้าเช็ดตัวผืนเล็กกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกด้านนอก ก็รีบฟ้องกับเส้นหมี่ในทันที

ถึงขั้นเอาเด็กทำเป็นอาวุธ?!!

เส้นหมี่จะเป็นลม

อุ้มเสื้อผ้าเข้ามา เธอไม่ทันที่จะรีบเปลี่ยนชุดให้ลูกสาว รีบวิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำ ขอโทษผู้ชายที่กำลังช่วยเช็ดตัวให้กับลูกชายอีกสองคน

“ขอโทษค่ะ พี่ชาย วันนี้เพราะฉันต้องพาคุณแม่ไปโรงพยาบาล ก็เลยต้องให้พี่สาวช่วยดูเด็กๆ……”

“ไม่เป็นไร เขาก็นิสัยแบบนี้ คุณไปแต่งตัวให้ลูกสาวก่อนเถอะ อย่าให้ลูกเย็นจนไม่สบาย”

แสนรักไม่มีทางที่จะโกรธเธอ

ชี้ไปที่ลูกสาวที่อยู่ด้านนอก หลังจากที่บอกให้เธอรีบไปแต่งตัวลูกสาวตัวน้อยแล้ว ในห้องอาบน้ำเขาก็รีบห่อตัวด้วยผ้าเช็ดตัวให้กับลูกชายทั้งสองคน

ตอนนี้ไม่ใช่หน้าร้อน อากาศข้างนอก ช่างหนาวเย็น

เส้นหมี่ช่วยแต่งตัวใส่เสื้อผ้าให้ลูกสาวเสร็จแล้ว

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ลูกชายทั้งสองคนก็ออกมา แสนรักอุ้มไว้คนละข้าง เมื่อมาถึงที่เธอ ก็ส่งคิวคิวยัดใส่ให้กับมือเธอ

“เขา—”

เดิมเขาอยากจะพูด คิวคิวโดนแสงดาวทำน้ำเข้าใส่ในหู ตอนที่ให้เธอแต่งตัวให้เขา ให้ดูที่หูดีๆ อีกครั้ง

แต่ว่า ตอนที่เขาเอาเด็กยัดส่งไปนั้น ทันใดนั้น เขาก็ได้กลิ่นแปลกๆ จากบนร่างกายของเธอ

กลิ่นหนึ่งที่เจือจาง แต่สำหรับเขาผู้ซึ่งเป็นคนรักความสะอาดอย่างมาก กลับสามารถจับได้อย่างแม่นยำว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้ชาย

ทำไมถึงมีน้ำหอมกลิ่นแบบนี้อยู่บนร่างกายของเธอ?

นี่ไม่ใช่ของเขา

เขาไม่เคยใช้น้ำหอมมาก่อน

เขาค่อยๆหรี่ตามอง ใช้สายตาอันคมกริบทั้งสองข้างจ้องผ่านร่างกายของเธอครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“ทำไม? คุณจะพูดอะไรคะ?”

เส้นหมี่เหมือนจะยังไม่รู้ตัว เธออุ้มลูกชายไว้ รอฟังคำพูดต่อไปของเขาอย่างตั้งใจ

เธอไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าจริง หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เธอก็กังวลว่าภารานินจะพูดเรื่องที่เห็นคณาธิปที่โรงพยาบาลออกมา ดังนั้นเมื่อกลับไป ก็เกลี้ยกล่อมเธออยู่พักใหญ่

หลังจากนั้น เมื่อเกลี้ยกล่อมเสร็จ แสงดาวก็โทรศัพท์เข้ามา

“เปล่า คือจะให้คุณดูหูของลูก เขาบอกแสงดาวทำน้ำเข้าหู คุณใช้สำลีก้านช่วยเขี่ยหูเขาดูนะ”

ในที่สุดแสนรักก็ละสายตาไป

เขารู้สึกว่า ตัวเองไม่ควรจะขี้ระแวงแบบนี้ วันนี้เธอไปโรงพยาบาลมา คนเยอะแยะ อาจจะมีการสัมผัสบ้าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

“ค่ะ ฉันรู้แล้ว คุณไปทำงานเถอะ ข้างบนให้เป็นหน้าที่ของฉัน”

เขาไม่สงสัย เส้นหมี่ก็ยิ่งไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเมื่อสักครู่ของเขา หลังจากที่เธอนำเอาเด็กทั้งสามคนมาไว้ในมือด้วยความเห็นอกเห็นใจแล้ว ก็ให้เขาลงไปทำงานต่อ

แสนรักพยักหน้า และลงไปอย่างรวดเร็ว

คิวคิวกลิ้นไปกลิ้งมาในอ้อมอกหม่ามี๊: “หม่ามี๊ ผมจะบอกให้ คุณป้าเขาโง่จริงๆ เอาชนะพวกเราไม่ได้ แต่กลับมาโมโหอาละวาดใส่พวกเรา”

หนูรินจังได้ฟังพี่ชายฟ้องดังนั้น ก็รีบคลานเข้ามาด้วยแขนขาเล็กๆ ทันที

“ใช่ค่ะ หนูให้เขาซื้อไอศกรีมให้หนู เขาก็บอกให้หนูเป็นโล่ ผลคือตัวหนูเต็มไปด้วยดินโคลน หม่ามี๊ คุณป้ายังไม่หายดีใช่ไหมคะ?”

“อุ๊บ!”

คำพูดนี้พูดออกมา เส้นหมี่อดไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก

“อย่าพูดเหลวไหล คุณป้าหายตั้งนานแล้ว นิสัยเขาขี้หงุดหงิดไปหน่อย ต่อไปพวกหนูก็ยอมๆให้เขาหน่อย รู้ไหม?”

เส้นหมี่คือนำเอาประสบการณ์จริงของตัวเองจากก้นบึ้งของหัวใจมาบอกแก่ลูกๆ ทั้งสามคน

เพราะว่า จากช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมานี้ เธอค้นพบว่า บางครั้งผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกับเด็กคนหนึ่งจริงๆ