บทที่ 560 ได้เวลาแสดงความสามารถ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 560 ได้เวลาแสดงความสามารถ
แน่นอนว่า ข้อนี้ชินจังก็รู้

ดังนั้น ตลอดเวลาเขาจึงไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ หลังจากยืนนิ่งๆ เท่ห์ๆ อยู่ตรงนั้นรอหม่ามี๊ใส่เสื้อผ้าให้น้องชายเสร็จแล้ว เขาก็เดินเข้ามา

“ชินชิน ทำไม่ลูกไม่พูดอะไรล่ะ? วันนี้คุณป้าทำอะไรลูกไหม?”

“เขา?”

ชินจังผู้เย็นชายิ้มเยาะเย้ยอยู่ในอ้อมอกของหม่ามี๊

เส้นหมี่จึงเข้าใจแล้ว

ก็ใช่ ลูกชายคนนี้เติบโตมาในตระกูลหิรัญชามาตั้งแต่เล็กๆ ถ้าหากแสงดาวทำอะไรเขาได้ ก็คงจะไม่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นเกิดนิสัยที่กลัวเด็กๆ เมื่อเห็นหน้าพวกเขา

แม่ลูกสี่คนบนตึกสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เส้นหมี่ไม่ได้พาพวกเขากลับไป แต่อยู่ที่ด้านบนเพื่อรอแด๊ดดี้ของพวกเขาเลิกงาน

เพราะยังไงก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว

“หม่ามี๊ แม่จะลงไปช่วยแด๊ดดี้ไหม?”

“อะไรนะ?”

เส้นหมี่ที่กำลังถูพื้นห้องนั่งเล่นอยู่ หันหน้ากลับมามองที่ลูกชายคนโตที่เดินมาถึงด้านหลังเธอด้วยความประหลาดใจ

“ก็คือเรื่องงานของแด๊ดดี้ หม่ามี๊ ช่วงนี้แด๊ดดี้ยุ่งมาก ไม่มีเวลากินข้าวเลย หม่ามี๊สามารถลงไปช่วยเขา แล้วพวกเราจะได้กลับบ้านเร็วๆ”

ชินจังจัดการให้หม่ามี๊อย่างค่อนข้างจริงจังและตั้งใจ

แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือ อันที่จริงเขากุมความลับเล็กๆ หนึ่งเอาไว้ ก็คือสีหน้าผิดปกติของแด๊ดดี้เมื่อสักครู่ คนอื่นไม่สังเกต แต่ตอนนั้นเขาผู้ซึ่งถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของเขา กลับมองเห็นด้วยสายตาที่เฉียบแหลม

อีกอย่าง คนที่รักความสะอาดเหมือนแด๊ดดี้อย่างเขา ก็ยังได้กลิ่นแปลกๆ จากบนร่างกายของหม่ามี๊ด้วย

ดังนั้น เขาจะต้องไม่ปล่อยให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊เกิดความเข้าใจผิดกันอีกอย่างแน่นอน

เส้นหมี่ถูกพูดจนรู้สึกหวั่นไหวนิดหน่อยจริงๆ

“……..แบบนี้ แต่ หม่ามี๊ทำงานที่นี่ของเขาไม่เป็น ลงไปจะช่วยเขาทำอะไรได้?”

“หม่ามี๊โง่จัง หม่ามี๊เป็นภรรยาของเขานะ ถึงต่อให้ยืนข้างเขา คอยช่วยส่งน้ำชาให้ ช่วยจัดเก็บเอกสารที่เขาเซ็นไว้ ในใจของเขาก็มีความสุขมากแล้ว”

คิวคิวก็เริ่มสนับสนุนด้วย มองดูที่หม่ามี๊ด้วยท่าทีไม่พอใจราวกับอยากจะจัดการให้รู้แล้วรู้รอด

เส้นหมี่: “……….”

เอ่อ ต้องเป็นแบบนี้จริงๆเหรอ?

มีความเขินอายนิดหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในใจเธอเองก็อยากจะลองรีบไปทำดู

เหมือนกับว่า เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยทำต่อหน้าเขาสินะ

เส้นหมี่ตัดสินใจลงไป

ชินจังเห็นอย่างนั้น ก็เลยรีบไปนำเอาเสื้อคลุมตัวใหม่ตัวหนึ่งที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมาให้เธอเปลี่ยน เหตุผลล่ะ แน่นอนว่าก็คือบอกว่า เสื้อผ้าของเธอสกปรกเลอะเทอะตอนที่ช่วยพวกเขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

เส้นหมี่เดินลงไปอย่างไร้ข้อสงสัยแม้แต่น้อย พร้อมด้วยใบหน้าเล็กๆ ที่เขินแดง

เด็กน้อยทั้งสามคนมองหลังของหม่ามี๊ซื่อบื้อที่ในที่สุดก็เดินออกไป ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“พี่ชาย ทำไมพี่ถึงใหม่หม่ามี๊ไปช่วยแด๊ดดี้ล่ะ? หม่ามี๊ซื่อบื้อทำอะไรก็ไม่เป็น”

“เธอไม่รู้สึกเหรอว่าบนตัวหม่ามี๊มีกลิ่นแปลกๆ?”

“อะไรนะ?”

คิวคิวเบิกดวงตาราวกับเจ้าจิ้งจอกน้อยทั้งสองข้างกว้าง มองไปที่พี่ชายอย่างตกใจ

หนูรินจังก็ร่วมสนุกด้วย สองมือประคองศีรษะน้อยๆ รอฟังคำพูดต่อไปจากพี่ชาย

แต่ชินจังกลับไม่ได้พูดอะไรต่อ

เขามีอายุเพียงแค่หกขวบเอง เด็กหกขวบ ไม่สามารถคิดอะไรที่มันซับซ้อนขนาดนั้นได้

สิ่งเดียวที่ทำได้ ก็คือพยายามคิดหาทางกระชับความสัมพันธ์ของแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ให้ดีที่สุด เมื่อตอนที่เขาคาดการณ์ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

——

“สวัสดีค่ะคุณนาย!”

“คุณนาย คุณมาแล้วเหรอครับ?”

“คุณนาย……….”

ตอนที่เส้นหมี่ลงมาจากข้างบนตึก คนของออฟฟิศท่านประธานเห็นเธอ ก็ต่างรีบลุกขึ้นทักทายเธออย่างอบอุ่นโดยทันที

เส้นหมี่เห็นแล้ว ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ: “สวัสดีค่ะทุกคน อิอิ……..”

จากนั้นก็วิ่งอย่างรวดเร็วเข้าไปในห้องทำงานท่านประธาน

เธอไม่ใช่แป้งร่ำ ยิ่งไม่ใช่แครอท

เธอไม่ชอบความหวือหวาในสถานที่แบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ เธออยากขอให้พวกเขามองไม่เห็นเธอ แบบนี้ เธอก็จะเข้าไปหาผู้ชายของเธอที่ชั้นนี้ได้อย่างไม่ต้องรู้สึกมีข้อผูกมัดใดๆ

แต่เธอกลับไม่รู้ว่า ตอนที่เธอแทรกตัวเองเข้าไปในห้องทำงานนั้น มีสายตาอิจฉาริษยาเธอมากมายมองมาจากด้านหลัง

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ คนที่ชนะ สุดท้ายจะเป็นเธอ!”

“ใช่ ตอนนั้นที่เธอเข้ามาทำงานที่บริษัท พวกเรายังหัวเราะเยาะเธอ อดีตภรรยาที่ถูกทอดทิ้ง ยังกล้าที่จะเลียขาสามีเก่าเข้ามาทำงานที่นี่”

“ฉะนั้น เธอช่างมีความสามารถไม่น้อย? ถูกขังไว้ในตำหนักเย็นแล้วแท้ๆ ยังสามารถกลับเป็นราชินีของตำหนักหลวงได้!”

“……….”

คนของออฟฟิศท่านประธานคุยกันถึงจุดนี้ ล้วนแต่ถามประโยคนี้ออกมาด้วยความไม่พอใจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อคำพูดของพวกเธอจบลง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

“พวกเธอโง่เหรอ? ที่นี่คือที่ไหน? นี่คือตระกูลหิรัญชา ถ้าหากไม่ต้องการให้ใครคนหนึ่งเข้ามาจริงๆ คุณคิดว่าเพียงแค่ความสามารถของเธอ จะเข้ามาที่นี่ได้เหรอ?”

“……….”

ช่างเป็นประโยคที่ทำให้คนรู้สึกตัวได้ดีจริงๆ

ในเวลาไม่เพียงกี่วินาที คนในออฟฟิศนี้ ก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก

ใช่สิ พวกเขาเป็นแค่พวกสมองหมูไม่ใช่เหรอ? เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา ถ้าหากไม่ต้องการเจอเธอจริงๆ อย่าพูดถึงเรื่องเข้าสู่ตระกูลหิรัญชา เกรงว่าแม้แต่ในเมืองนี้ก็จะอยู่ต่อไปไม่ได้

ฉะนั้นคำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอคือราชินีที่แท้จริงแห่งตำหนักหลวง

สุดยอด!

ส่วนในห้องทำงานฝั่งนี้ หลังจากที่เส้นหมี่พุ่งเข้ามาแล้ว ก็เงยหน้าขึ้น มองเห็นพวกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ต่างหมุนตัวกันมามองเธอ รวมถึงผู้ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วย

เธออับอายจนแทบจะหาที่ช่องมุดหน้าเข้าไป

“……..ขอโทษค่ะ คือ………ฉันลงมาหยิบของเล่นของเด็กๆ พวกเขาบอกว่าเริ่มเบื่อ อิอิ”

เธอยิ้มจนหน้าแข็งทื่อ

ในใจ คืออยากจะด่าเจ้าเด็กเหลือขอสองคนด้านบนที่ออกไอเดียบ้าบอให้เธอเมื่อสักครู่สักยกใหญ่

“งั้นเชิญพวกคุณต่อเลยค่ะ ฉันไม่รบกวนแล้ว” เธอตัดสินใจออกไป และยิ่งเร็วยิ่งดี