บทที่ 108 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 108 ความพยายามอันเหน็ดเหนื่อย (7)

             เช้าของวันต่อมา อี้เป่ยซีต้องการจะนอนต่ออีกหน่อย แต่เสียงกดกริ่งชั้นล่างดังจนเธอไม่สามารถนอนต่อไปได้ ร้อนรนมากราวกับแทบจะพังประตูเข้ามา เธอโยนผ้าห่มไปอีกทางด้วยความหัวเสียเล็กน้อย เดินกระแทกพื้นลงไปอย่างแรง

            ‘ลั่วจื่อหานคนบ้า ตัวเองไม่มีกุญแจหรือไง กดๆๆ ตั้งแต่เช้า หนวกหูจะตายอยู่แล้ว’ บ่นอยู่ในใจ ทันทีที่เปิดประตูก็กลับเห็นอีกคน

            “อี้เป่ยซี”

            “เซี่ยเช่อ”

            ทั้งสองคนอุทานพร้อมกัน เซี่ยเช่อดึงสติออกมาจากความประหลาดใจได้ก่อน ผลักเธอเข้าไปในบ้านด้วยความรังเกียจ ขมวดคิ้วสำรวจมองเธอ “เธอรีบไปล้างหน้าล้างตาซะเถอะ สภาพแบบนี้น่าเกลียดจะตาย”

            อีเป่ยซีดื่มน้ำไปแก้วหนึ่ง ตอนนี้พอจะตื่นตัวขึ้นมาบ้าง ดึงหมอนมาแล้วนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ “ไม่ ฉันจะก่อกวนนาย นายต้องการอะไรตั้งแต่เช้า”

            ‘เช้าเหรอ กรุณาดูด้วยว่าเวลานี้มันเช้าที่ไหนกัน’ เซี่ยเช่อบ่นอยู่ในใจ จู่ๆ ก็เขยิบเข้าใกล้อี้เป่ยซีด้วยความรู้สึกคลุมเครือ “เธอกับลั่วจื่อหาน…เขายังอยู่ข้างบนเหรอ? ไม่น่ามั้ง ฉันจำได้ว่าร่างกายของเขาไม่อ่อนแอขนาดนั้นมั้ง” พูดพลางแสดงท่าทีครุ่นคิดจริงจัง อี้เป่ยซีขว้างหมอนที่อยู่ในอ้อมอกของตัวเองออกไป

            “นายคิดเหลวไหลอะไร ลั่วจื่อหานไม่ได้อยู่ที่นี่”

            “ตอนนี้เธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องพวกนี้ฉันไม่เข้าไปก้าวก่ายเธอหรอก ไม่ต้องเขินหรอกน่า”

            “ลั่วจื่อหานไม่อยู่ที่นี่จริงๆ ถ้านายยังพูดเหลวไหลอีกฉันจะลงมือแล้วนะ”

            เซี่ยเช่อส่ายหัว แสดงอาการเหมือนเด็กคนนี้พูดไม่รู้เรื่อง “เธอก็เลยยึดบ้านคนอื่นแบบนี้เหรอ?”

            “เขาบอกว่าเขาไม่ค่อยอยู่ที่นี่ ห้องของฉันกำลังซ่อม เขาก็แค่แสดงน้ำใจของเจ้าของห้อง นายอย่าคิดเยอะ”

            “เจ้าของห้องใจดีขนาดนี้ ทำไมฉันไม่เคยเจอ”

            อี้เป่ยซีมองค้อนเขาอย่างเหลืออด “นายไปหาเขาที่บ้านเขาเถอะ ฉันจะกลับไปนอนต่อแล้ว”

            “เธอไม่ไปเรียนเหรอ?”

            “เหนื่อย หงุดหงิด มะรืนค่อยไป”

            “แล้วเธอไม่กลับบ้านเหรอ?”

            อี้เป่ยซีทำทีเป็นเกียจคร้านเต็มทน เธอมองเซี่ยเช่อ “นายหมายความว่าอะไร”

            “พี่ชายของเธอ อี้เป่ยเฉิน เขาถามฉันว่าช่วงนี้เธอเป็นไงบ้าง พวกเธอสองคน…”

            “เปล่านี่ เด็กพอโตแล้วก็ไม่อยากกลับบ้าน เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ คราวหน้าพี่เป่ย…คราวหน้าพี่ชายฉันหานายอีก นายก็บอกไปแบบนี้”

            เซี่ยเช่อก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอี้เป่ยซี กำลังต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ประตูก็ถูกเปิดออก ลั่วจื่อหานหิ้วผักสดและผลไม้เข้ามา รอยยิ้มในตอนแรกค่อยๆ หายไปจากใบหน้า เหลือบมองเซี่ยเข่ออย่างเย็นชา เห็นอี้เป่ยซีกำลังนั่งแกว่งขาน้อยๆ ถอนหายใจแล้วเดินไปหาเธอ

            “เป่ยซี ตื่นแล้วกินอะไรกันไหม?”

            อี้เป่ยซีก็ไม่อยากคุยเรื่องนี้ พยักหน้าและจากไปแล้ว ไม่ได้สังเกตเห็นรัศมีของลั่วจื่อหานที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันมามองเซี่ยเช่อ

            “ฉัน…ไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ ใช่ว่านายไม่รู้ว่าฉันเป็นยังไง” เซี่ยเช่อยักไหล่ ทำท่าทางเหมือนจนปัญญา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าศิษย์พี่มาดนิ่งของตัวเองจะเป็นคนขี้หึงไร้เหตุผล แม้แต่เขาก็ยังหึง

            “ฉันรู้ ไม่งั้นนายคงถูกโยนออกไปนานแล้ว”

            “นายจะทำกับข้าวเหรอ?”

            ลั่วจื่อหานไม่สนใจเขา เริ่มง่วนกับการจัดข้าวของ “มีแค่สองที่”

            “พวกนายสองคนแบ่งให้ฉันนิดหน่อยก็พอแล้ว ฉันกินไม่เยอะ”

            “ไม่มี”

            ‘ศิษย์พี่ขี้งกขนาดนี้ เป่ยซีไม่มีทางชอบนายหรอกนะ’

            ลั่วจื่อหานชูมีดหั่นผักให้เห็น เหลียวมองเขา เซี่ยเช่อรีบแก้ตัว “ฉัน ฉันก็แค่ล้อเล่นน่า”

            “มีอะไร?”

            “นายกับเป่ยซีอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ”

            ลั่วจื่อหานเปิดก๊อกน้ำ “ตอนนี้ยัง”

            “พวกนายสองคนคงไม่…”

            “เขายังเด็ก”

            “อ่อๆ” เซี่ยเช่อเกาๆ หัว “คราวก่อนเรื่องที่บอกว่าจะไปมหา’ลัยของเป่ยซี นายได้จัดการอะไรเป็นพิเศษไหม?”

            ลั่วจื่อหานส่ายหน้า “ตอนนี้ยังเร็วเกินไป ไว้ค่อยว่ากัน วันนี้นายคงไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้หรอกนะ”

            เซี่ยเช่อยิ้ม “ใช่สิ อี้เป่ยเฉินบอกใบ้อะไรฉันตลอดเลย ฉันก็แค่อยากมาถามนายว่าอี้เป่ยซีเป็นไงบ้าง คิดไม่ถึงว่าพวกนายพัฒนามาถังขั้นนี้แล้ว”

            ได้ยินชื่นของอี้เป่ยเฉิน คิ้วที่สวยงามของลั่วจื่อหานขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “เข้ามาช่วยล้างผัก”

            “ไหนว่าไม่มีส่วนแบ่งของฉันไง ทำไมให้ฉันล้างผักอีก”

            “งั้นนายก็กลับไป”

            “ไม่ๆๆ” เซี่ยเช่อยิ้มขอโทษ “ฉันล้าง ฉันล้าง”

            ลั่วจื่อหานหยุดนิ่งมองดูหลังที่โค้งงอของเซี่ยเช่อ ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงถอนหายใจเอ่ย “ลั่วจื่อจี้บอกฉันหมดแล้ว”

            “เขาไม่รู้ว่าวันๆ นายมัวแต่ยุ่งเรื่องของเป่ยซีหรอกเหรอ? ยังเอาเรื่องขี้ประติ๋วพวกนี้มากวนนายอีก”

            “นายควรจะฟังความคิดของหลานฉือเซวียนบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ห้ามไม่ให้พวกเขาเจอหน้ากันหัวชนฝา”

            เซี่ยเช่อหัวเราะ หยิบผักออกมาสะบัด “ก็เรียนรู้มาจากนายไม่ใช่เหรอ”

            “เป่ยซีไม่เหมือนกัน ช่วงเวลานั้น อีเป่ยเฉินโผล่มา นอกจากทำร้ายเขาแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันถึงทำแบบนี้”

            “แต่ว่าในสายตาฉัน การที่ลั่วจื่อจี้ปรากฏตัวก็เท่ากับกำลังทำร้ายเขา ฉันกำลังพยายามปกป้องคนที่ฉันชอบไม่ใช่เหรอไง ไม่มีปัญหาอะไรเลย นายเองก็น่าจะเข้าใจ”

            ลั่วจื่อหานหยุดกึก “นายเอาจริงเหรอ”

            “ใช่สิ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเอาจริง” เซี่ยเช่อยังคงยิ้มด้วยความผ่อนคลายมาก “ถ้านายยังกังวลใจแบบนี้ งั้นก็บอกลั่วจื่อจี้ให้ยอมแพ้เถอะ ใช่ว่าอยากเอากลับมาก็เอากลับมาได้ เอ่อ หรือว่านายช่วยฉันหน่อยเป็นไง”

            “ฉันเหรอ? นายไม่ชอบให้คนอื่นยุ่งเรื่องของนายไม่ใช่เหรอ?”

            เซี่ยเช่อจนใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะน้องชายสุดที่รักของนายทำให้ลำบากล่ะก็ จนป่านนี้แล้วฉันยังไม่มีความคืบหน้าหรือเบาะแสเลย นายไม่รู้สึกว่าควรทำอะไรสักอย่างแทนเขาเพื่อชดเชยคู่รักอย่างพวกเราหรอกเหรอ?”

            “ฉันช่วยนายไม่ได้หรอก”

            “รู้แล้ว รู้แล้ว ตอนแรกยังอยากจะเรียนรู้จากนายซะหน่อย ดูแล้วถ้าจะปฏิวัติก็ยังต้องพึ่งตัวเอง”

ลั่วจื่อหานลังเลครู่หนึ่ง จึงเอ่ยปากช้าๆ “นายก็ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย”

            “อยู่แล้ว อยู่แล้ว” เขาดูเหมือนอารมณ์ดีมาก “ยังมีอะไรต้องล้างอีกไหม”

            “ไม่มีแล้ว”

            เซี่ยเช่อพยักหน้า กำลังจะออกจากห้องครัว เมื่อเดินผ่านประตูก็หยุดเดิน “ถ้านายคบกับอี้เป่ยซีจริงๆ ก็เท่ากับว่าเป็นการช่วยฉันเรื่องนึง”

            ลั่วจื่อหานไม่เข้าใจ ตอบว่าอือเสียงสูง ระคนความยั่วยวนยากจะบรรยาย

            “บางทีฉันก็รู้สึกแปลกใจมากเหมือนกัน อี้เป่ยซีหลงใหลในเสียงเพลงขนาดนั้น ทำไมนายไม่รีบใช้ข้อนี้มัดใจเธอล่ะ”

            “หึหึ ไว้ว่ากันเถอะ ตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำก่อน เรื่องพวกนี้ค่อยว่ากันเถอะ”

        “ฉันพนันกับหลานฉือเซวียน ฉันพนันว่านายจะไม่ได้อยู่กับอี้เป่ยซี ศิษย์พี่ อย่าทำให้ศิษย์น้องอย่างฉันต้องผิดหวังนะ ฉันเชื่อใจนายขนาดนั้น ฝากอีกครึ่งชีวิตที่เหลือให้นายแล้ว”

————