ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
**บทที่****255:**วังวารีบริสุทธิ์
“ขนาดนั้นเชียวหรือ? ต้องใช้หินจิตวิญญาณระดับสูงพันก้อนสำหรับการบินเพียงสิบนาทีเนี่ยนะ? นี่มันเทียบเท่ากับราคาของสมบัติวิเศษระดับต่ำเลย เหตุใดมันจึงใช้หินจิตวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้?”
“ขนาดของมันใหญ่มากและมีความเร็วสูง นอกจากนั้นยังต้องเปิดการป้องกันด้วยเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งเครื่องมือต่าง ๆ ภายในล้วนแต่ต้องใช้หินจิตวิญญาณทั้งสิ้น ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองที่สุด!” เหล่าเฟิงยิ้ม “แท้จริงแล้วปริมานการใช้หินจิตวิญญาณเพื่อเดินทางกับการต่อสู้นั้นต่างกัน ว่ากันว่าเมื่อใช้อาวุธทั้งหมดของมัน แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินยังต้องถอยกลับ และการจะเปิดใช้งานอาวุธทั้งหมดต้องใช้หินจิตวิญญาณอย่างน้อยหนึ่งหมื่นก้อน ซึ่งนี่มันไม่ต่างอะไรจากการเอาเงินมาเผาเล่น!”
“สวรรค์ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดจักรพรรดินีจึงมอบมันให้แก่ข้า นางไม่สามารถเล่นมันได้และการเก็บมันไว้ทำเปลืองพื้นที่เก็บของ ดังนั้นนางจึงมอบมันให้กับข้าแล้วบอกว่าเป็นของขวัญ!”
“ฮี่ฮี่ เป็นเช่นนั้น!” เหล่าเฟิงยิ้มออกมา “อย่างไรก็ตาม มันก็คือความปรารถนาดีที่ฝ่าบาทยกมันให้กับท่าน ท้ายที่สุดแล้วมันก็มีประโยชน์กับฝ่าบาทน้อยเพราะในขณะนี้มีหลายสิ่งสามารถคุกคามท่านได้ ท่านไม่เหมือนจักรพรรดินีที่สามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบในโลกนี้ นางไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตนเอง ดังนั้นนางจึงมอบเรือลำนี้เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้กับท่าน”
“สิ่งนี้ก็ไม่เลว แต่ปัญหาก็คือข้าจะสามารถใช้มันได้ไหม?” ซ่งจงหัวเราะอย่างขื่นขม “ข้าไม่ได้มีหินจิตวิญญาณมาเผาเล่นมากมายเช่นนั้น!”
“ฮ่าฮ่า ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น!” เหล่าเฟิงหัวเราะ “ในตอนนี้ท่านคือเจ้าชาย ทว่าทางเราไม่อนุญาตให้ท่านสามารถเดินทางด้วยเรือนี้ทุกวัน เรามีหินจิตวิญญาณระดับสูงหนึ่งหมื่นก้อน ซึ่งมันเพียงพอที่ท่านจะเอาไว้ใช้หลบเมื่อมีภัย!”
เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขารีบถามอย่างร่าเริง “ยอดเยี่ยม แล้วหินจิตวิญญาณพวกนั้นอยู่ที่ไหน?”
“ฮ่าฮ่า ทั้งหมดอยู่ในเรือมังกรทองคำแล้ว มันเพียงพอที่ท่านจะใช้ต่อสู้ยาวนานถึงสองชั่วโมง!” เหล่าเฟิงยิ้ม “ในตอนนี้เราจะใช้เรือมังกรทองคำบินไปที่นั่นกันหรือไม่?”
“เจ้ายังจะถามอีกหรือ?” โดยปราศจากคำพูดที่สอง ซ่งจงยื่นมือออกไปและเก็บเรือมังกรทองคำเข้ามิติลึกลับทันที
เมื่อเหล่าเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจก่อนที่จะถามว่า “โอ ฝ่าบาทน้อยค่อนข้างมีความสามารถยิ่งนัก ท่านสามารถเก็บเรือมังกรทองคำขนาดยักษ์เช่นนี้ได้?”
“ฮ่าฮ่า!” ซ่งจงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบกลับ ในเวลานั้นเขาคิดกับตนเอง ‘มิติลึกลับของข้าในตอนนี้นั้นกว้างกว่าเจ็ดหมื่นฟุต ไม่ต้องพูดถึงเรือมังกรทองคำที่ใหญ่เพียงสามพันฟุตเลย ข้าสามารถเก็บภูเขาใหญ่สามหมื่นฟุตได้อย่างสบาย ๆ’
อย่างไรก็ตาม ความลับที่เขามีนั้นไม่เคยคิดที่จะบอกกล่าวกับเหล่าเฟิงอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อและถามออกไปว่า “จริงสิ เหล่าเฟิง เราต้องไปที่วังวารีบริสุทธิ์ใช่หรือไม่?”
“ตอนนี้มันคือวังแห่งผู้สืบทอดแล้ว!” เหล่าเฟิงยิ้ม “นับตั้งแต่วันนี้ไปมันจะเป็นสถานที่ของท่าน ไปกันเถอะ ข้าจะนำทางให้เอง” เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เหล่าเฟิงหยิบดาบยาวขนาดยักษ์ออกมา หลังจากใส่ปราณจิตวิญญาณลงไปแล้วมันเปลี่ยนขนาดเป็นยาวร้อยฟุตและกว้างนับสิบฟุต
เหล่าเฟิงเชิญให้ซ่งจงและเหลยซานเอ๋อขึ้นมาบนดาบจากนั้นทั้งหมดก็เริ่มบิน
ในระหว่างทางซ่งจงถามเกี่ยวกับวังวารีบริสุทธิ์ เขาจะไม่รู้อะไรเลยถ้าหากเขาไม่ถาม แต่เมื่อเขามาถึงก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น วังวารีบริสุทธิ์นั้นเป็นถ้ำที่หลงเหลืออยู่จากผู้ฝึกตนโบราณ แม้ว่ามันจะไม่กว้างนักและถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว แต่มันมีสระน้ำสีดำบริสุทธิ์อยู่
น้ำสีดำบริสุทธิ์นั่นกลั่นมาจากแก่นแท้ของปราณจิตวิญญาณธาตุน้ำและคล้ายกับน้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าของซ่งจง เพียงแต่ว่ามันมีเพียงธาตุน้ำเท่านั้น
แน่นอนว่าน้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้านั้นดีกว่า อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติ น้ำสีดำบริสุทธิ์นั้นดีกว่า น้อยมากที่จะมีผู้ฝึกตนหรืออสูรกายที่เต็มไปด้วยธาตุทั้งห้าในร่างกาย เช่นนี้น้ำแห่งองค์ประกอบธาตุทั้งห้าจึงนิยมนำไปปรับแต่งเป็นยาอายุวัฒนะเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตามน้ำสีดำบริสุทธิ์นั้นแตกต่าง มันไม่เพียงแต่นำไปปรับแต่งเป็นยาได้ แต่ยังเหมาะสมกับผู้ฝึกตนธาตุน้ำอีกด้วย นอกเหนือจากนี้มีอสูรกายธาตุน้ำหลายชนิดในทะเลตะวันออก เมื่อมีคนค้นพบมันแน่นอนว่าพวกเขาจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงกัน
ในตอนสุดท้ายซึ่งไม่มีใครยอมใคร ผลลงเอยทำให้มีการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ไม่มีผู้ใดสามารถครอบครองดินแดนแห่งนี้ได้ พวกเขาทำได้เพียงขอให้จักรพรรดิแห่งทะเลตะวันออกเข้ามาช่วยตัดสินอย่างหมดหนทาง
หลังจากที่โต้แย้งกันมาเนิ่นนานก็ได้มีการตัดสินใจว่าดินแดนแห่งนี้จะอยู่ในการดูแลของจักรพรรดิ อีกทั้งการเข้าใช้งานทุกหนึ่งร้อยปีจะต้องประมูล ใครก็ตามที่ต้องใช้มันจะต้องประมูลกันเพื่อแย่งชิง เมื่อถูกตัดสินการแข่งขันทั้งหมดจะจบลง ปัจจุบันผู้ที่ได้มีสิทธิ์ใช้วังวารีบริสุทธิ์นั้นคือเต่าทะเลอายุพันปีนามว่าเอ๋าเทียน
กล่าวกันว่าเอ๋าเทียนนั้นแข็งแกร่งมากกว่าเหล่าเฟิง เขาอยู่ในระดับหกขั้นสูงสุดและอ่อนแอกว่าจักรพรรดินีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซ่งจงคิดกับตนเอง ‘ข้านั้นเป็นเพียงมือใหม่ขั้นสี่ ต้องไล่เขาออกไปเพราะคำสั่งของจักรพรรดินี นี่มันเรื่องอะไรกัน? สหายคนนั้นไม่อาจอยู่ในวังวารีบริสุทธิ์หลังจากที่จ่ายไปอย่างหนัก เขาจะยอมรับมันได้อย่างไร? ถ้าหากเขาสังหารข้าเพราะความโกรธ เช่นนี้ข้าก็จะตายอย่างไม่ยุติธรรมงั้นหรือ?’
เมื่อคิดเช่นนี้ ซ่งจงรู้สึกกังวลและบอกกล่าวกับเหล่าเฟิงทันที ในตอนท้ายเหล่าเฟิงหัวเราะออกมาเมื่อเขาได้รู้ความกังวลของซ่งจง เขาเพียงแค่กล่าวว่าไม่ต้องกังวลและเอ๋าเทียนจะไม่โจมตี เพราะความจริงแล้วเขาจะมีความสุขมากที่ได้ออกจากวังวารีบริสุทธิ์
ซ่งจงติดอยู่ในความสับสนมาเนิ่นนาน แล้วในตอนนี้ซ่งจงก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
ปรากฏว่าอสูรกายกับมนุษย์นั้นคล้ายกัน อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับเหล่าสายเลือดแห่งจักรพรรดิของตนเองอย่างมาก สำหรับซ่งจงที่มีสายเลือดของเต่าดำ เขาเป็นลูกหลานของเหล่าจักรพรรดิอสูรกาย คล้ายกับเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ สำหรับเอ๋าเทียนที่มีสายเลือดเพียงเจือจางเขานั้นเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา เช่นนี้เขาจึงต้องเคารพต่อซ่งจง
นอกจากนี้ความสำเร็จในอนาคตของซ่งจง การกระทำของเอ๋าเทียนในวันนี้ถือได้ว่ามีบุญคุณต่อซ่งจงอย่างมาก แม้ว่าวันนี้ซ่งจงจะอยู่ในระดับสี่และไม่สามารถทำอะไรได้มาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ซ่งจงเข้าสู่ระดับ เจ็ด แปด หรือเก้า เขาจะต้องกลับมาตอบแทนบุญคุณเอ๋าเทียนอย่างแน่นอน
รวมกับคำสั่งของจักรพรรดินี เอ๋าเทียนจะต้องปลดปล่อยวังวารีบริสุทธิ์นี้ไป
ในขณะที่เหล่าเฟิงอธิบายอย่างชัดเจน ซ่งจงนั้นไม่คุ้นเคยกับการทำเช่นนี้ของเหล่าอสูรกาย แม้ว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่เหล่าเฟิงอธิบายแต่ภายในใจก็ยังกังวลอยู่บ้าง
ซ่งจงและเหลยซานเอ๋อเดินทางมาถึงวังวารีบริสุทธิ์ ตำแหน่งของมันอยู่ที่เกาะวารีกาฬ ซึ่งใช้เวลากว่าชั่วโมงจึงมาถึงที่แห่งนี้
เกาะวารีกาฬนั้นไม่ใหญ่มาก มันกว้างเพียงห้าร้อยลี้ แต่ทิวทัศน์นั้นดีมากด้วยภูเขาและแม่น้ำ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยต้นไม้วิญญาณ โดยเฉพาะกึ่งกลางของเกาะมีทะเลสาบอยู่ที่นั่นและวังวารีบริสุทธิ์อยู่ด้านบนทะเลสาบ
เมื่อทั้งหมดเดินทางมาถึง ซ่งจงตกใจกับความยิ่งใหญ่ของมัน มันคือวังขาวที่สร้างขึ้นจากหยก ตั้งอยู่ใจกลางทะเลสาบคล้ายกับปราสาท
สันทรายที่อยู่รอบปราสาทนั้นสวยงามและสูงไม่กี่ฟุต ในน้ำเต็มไปด้วยแสงสว่างระยิบระยับเปล่งออกมาอย่างสวยงาม ซ่งจงตรวจสอบมันอย่างรวดเร็วและพบว่าเป็นสมบัติวิเศษที่พังแล้ว ในขณะที่แตกหักมันยังมีแสงส่องประกายออกมา อีกทั้งยังมีปราณจิตวิญญาณอยู่อย่างหนาแน่น สิ่งของเหล่านี้ไม่สามารถประเมินอย่างหยาบด้านได้ ดังนั้นมันจึงทำให้วังวารีบริสุทธิ์นี้จึงหนาแน่นไปด้วยจิตวิญญาณ ทำให้เหมาะกับการเป็นสถานที่แห่งการฝึกฝนอย่างมาก
ซ่งจงไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เห็นอุปกรณ์วิเศษมากมายเช่นนี้ ซึ่งอย่างน้อยมันมีมากกว่าล้านชิ้น เศษขยะเหล่านี้นั้นมาจากไหนกัน?
เมื่อซ่งจงคิดเกี่ยวกับมันอยู่ เหล่าเฟิงหยิบดาบออกมาและส่องไปที่วังวารีบริสุทธิ์ หลังจากนั้นไม่นานค่ายกลที่ตั้งไว้ได้หายไปหมดจนหมดสิ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก จากนั้นชายชราในชุดคลุมสีขาวบินออกมาพร้อมกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “น้องชายเฟิง ลมอะไรกันหอบเจ้ามาที่นี่? แม้แต่ซานเอ๋อก็อยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ? ช่างเป็นแขกที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”
เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขามองอย่างระมัดระวังและพบว่าเต่าทะเลตนนี้ช่างน่าเกรงขามอย่างยิ่ง แม้ว่าการมองผ่าน ๆ จะดูราวกับว่าเขาไม่มีอะไร เดินด้วยความเหนื่อยอ่อนและใช้ไม้เท้า เขาดูถ่อมตัวอย่างมาก โดยปกติแล้วคนธรรมดาจะไม่สามารถบินด้วยความเร็วสูงได้ แต่เขายังสงบนิ่งในขณะที่บินอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดเจนว่าการฝึกฝนของเขานั้นลึกซึ้งไม่ใช่น้อย
เหลยซานเอ๋อนั้นเป็นศิษย์น้อง แน่นอนว่านางไม่กล้าที่จะหยาบคาย ดังนั้นนางรีบตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ซานเอ๋อเคารพอาวุโสเอ๋า!”
ในขณะที่เหล่าเฟิงเรียกเอ๋าเทียน ในตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของจักรพรรดินี แน่นอนว่าเขาก็ไม่กล้าหยาบคายเช่นกัน เขารีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันที “พี่ชายเอ๋าเทียน ข้ามาที่นี่ด้วยคำสั่งของจักรพรรดินี!”
เอ๋าเทียนยิ้มให้กับเหลยซานเอ๋อ จากนั้นเขาละความสนใจจากเหล่าเฟิงและมองไปที่ซ่งจงด้วยใบหน้าที่สับสน “แปลก ทำไมข้ารู้สึกถึงพลังของพี่น้องข้ามาจากน้องชายตัวน้อยคนนี้?”
“เพราะว่าเขาอยู่ในเผ่าเดียวกันกับท่าน!” เหล่าเฟิงตอบกลับ “ฝ่าบาทน้อยท่านสามารถเปิดเผยตัวตนของท่านให้กับอาวุโสเอ๋าได้หรือไม่!”
เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไรแต่กลับเปิดเผยลายเส้นสายธารโลหิตของตนเองทันที เมื่อลายเส้นปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนและเอ๋าเทียนได้เห็นมัน เขาตกใจทันทีพร้อมกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ “อา นี่มันสายเลือดแห่งจักรพรรดิอสูรกาย เป็นข้าเสียมารยาท เสียมารยาทมากแล้ว!” เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เขายกกำปั้นและคุกเข่าขอโทษซ่งจงทันที