ตอนนี้ฉิวหยุนจินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันทันทีเมื่อเห็นความร้อนแรงในการสตรีมของซูจิ้ง ส่วนอีกคนที่ฉิวหยุนจินได้ท้าทายไว้นั่นก็คือเบ่ยเจี่ยฮัวได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้วโดยเขาได้ส่งข้อความในไมโครบลอกว่า
“ผมเพิ่งจะได้ฟังเพลงยอดภูผาและสายน้ำที่ไหลรินไป ทำให้ตอนนี้ผมปลื้มพี่ซูมากเลย ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมปู่มู่หรงและน้องมู่หรงถึงปลื้มพี่ขนาดนั้น
ผมเองก็ได้เตรียมเพลงไว้ชิ้นหนึ่งเหมือนกัน มันเป็นเพลงที่ผมแต่งกับอาจารย์มาในการนี้โดยเฉพาะเพื่อจะประลองกับศิษย์ผู้พี่ของผม
แต่ทันทีที่ได้ฟังเพลงของพี่ซูแล้วผมเลยว่าจะเปลี่ยนท่วงทำนองนิดหน่อยเพื่อให้เหมาะสมกับการประลองนี้ ถึงแม้จะสู้ไม่ได้แต่ผมก็ของลองเล่นดูหน่อยก็แล้วกัน”
ชาวเน็ตในตอนนี้เมื่อได้เห็นข้อความรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ช่างเป็นวันที่ดีต่อวงการดนตรีจริงๆ
“เฮ้ เบ่ยเจี่ยฮัวออกมาแล้วล่ะ”
“นี่ถึงกับข้ามหัวฉิวหยุนจินมาท้าซูจิ้งเลยแหะ”
“นั่นก็หมายความว่าในฉิวหยุนจินไม่คุณสมบัติพอสินะ”
ไบ่เจียเฮาอธิบายเพียงว่า “ตอนนี้ผมแค่ต้องการเปรียบฝีมือกับพี่ซูจิ้งเท่านั้น และไม่สนใจสิ่งรบกวนใดๆ แต่ให้พูดอีกอย่างก็คือผมนั้นขอท้าประลองกับพี่ซูจิ้งก่อน ส่วนคนอื่นค่อยว่ากันอีกที”
เมื่อฉิวหยุนจินได้ยินดังนั้นเขาแทบจะกระอักเลือดออกมาทางปาก เบ่ยเจี่ยฮัวไม่ได้ใสใจเขาเลยซักนิดตอนนี้ในใจเขารู้สึกรังเกียจทั้งสองเป็นอย่างมาก
ชาวเน็ตเองในตอนนี้เต็มไปด้วยความสุขอย่างมาก คนที่ดูการสตรีมไม่น้อยที่เฝ้าคอยฟังเพลงของเบ่ยเจี่ยฮัวอย่างคาดหวัง
โดยตอนนี้กลายเป็นว่าเหล่าคนที่เฝ้าดูการสตรีมของซูจิ้งได้เปิดช่องของเบ่ยเจี่ยฮัวขึ้นมาอีกห้องหนึ่งเพื่อเฝ้าดูการสตรีมของเขาเช่นกัน
แม้แต่ซูจิ้งเองก็ยังเปิดขึ้นมาดู เจ้าหนุ่มคนที่มาท้าเขาสู้คนนี้มีฝีมือดีไม่ใช่น้อยและยังมีแววพัฒนาต่อไปได้ ยิ่งถ้าได้คุณมู่หรงและเทียนเล่ยเป็นอาจารย์ล่ะก็ยังพัฒนาได้อีกไกล สำหรับในด้านกู่จิ้งแล้วคนๆนี้มีค่าพอจะประลองฝีมือกับเขาได้
บทเพลงที่เบ่ยเจี่ยฮัวบรรเลงออกมานั้นถือได้ว่าดีมาก ถึงจะดีไม่เท่าของซูจิ้งแต่ก็ยังดีกว่าของฉิวหยุนจิน ความรู้สึกจากเพลงของเบ่ยเจี่ยฮัวให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งดื่มชากับเพื่อนเก่า
รู้สึกได้ถึงชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งไปเลยทำให้เกิดความรู้สึกสงบสุขทางใจ เหมือนได้อาบแสงสวรรค์ก็ไม่ปราน ถึงแม้จะไม่ได้ดีมากแต่ก็ยังถือได้ว่าฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ถ้าให้เทียบเพลงทั้งสามเข้าด้วยกันแล้ว
บทเพลงของฉิวหยุนจินั้นดูดีกว่าก็จริง แต่การบรรเลงกับด้ายกว่ามากเพราะการบรรเลงของเบ่ยเจี่ยฮัวให้ความรู้สึกสบายและสงบสุขทางใจ
มีคนบางส่วนได้ค้นหาประวัติของเบ่ยเจี่ยฮัวแล้วพบว่าเขานั้นได้เติบโตในครอบครัวที่มีชื่อเสียง เขานั้นได้รับอิทธิพลมาจากพ่อที่นับถือนิกายเซ็นและชอบสวดมนต์บูชาพระพุทธเจ้าตั้งแต่ยังเด็ก
แน่นอนว่าการทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องโง่ๆอย่างที่คนทั่วไปคิดกัน เขานั้นไม่ได้แค่สักแต่จะกราบไหว้บูชาเคารพไปตามธรรมเนียม แต่เขานั้นใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือในการฝึกตนของเขา
สิ่งนี้ช่วยส่งเสริมให้ตัวเขานั้นไม่สนใจในชื่อเสียง ลาภ ยศ เกียรติยศ เงิน ทองต่างๆ ถึงขนาดที่ว่าแฟนคลับของเขาบางคนออกมากร่นด่าเพราะไม่ได้ฟังผลงานจนจะแห้งตายกันไปเลย
โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งได้มีแฟนคลับคนหนึ่งอดรนทนไม่ไหวแอบตามเขาไป จนกระทั่งเขาถึงตัวเขาได้และหาเรื่องเขาอย่างบ้าคลั่งอาละวาทใส่จนเขาหัวล้างค่างแตกเพราะเขาไม่ยอมมีผลงานใหม่ๆออกมาซักที
แต่เขาเพียงแค่พูดปลอบประโลมแฟนคลับคนนั้นด้วยคำพูด และสอนวิธีการคลายโทสะในใจ โดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่แฟนคลับคนนั้นทำกับเขาเลยซักนิด
หลังจากที่เพลงได้เล่นจนจบลง ชาวเน็ตได้กล่าวชมเชยเขาอย่างมาก
“ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมฉันฟังแล้วรู้สึกได้ถึงศาสนาพุทธก็ไม่รู้นะ แต่ถึงเป็นอย่างนั้นฉันก็ยังว่าเป็นเพลงที่ดีอยู่ดี”
“ใช่แล้วหล่ะ ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับยอดภูผาและน้ำไหลรินของซูจิ้ง แต่ดีกว่าเสียงเพรียกถึงเพื่อนสนิทหลายขุมเลย”
“แถมยิ่งฟังแล้วยิ่งรู้สึกปลอดโปล่งจนอดไม่ได้ที่จะฟังซ้ำเลยนะ”
“คนคนนี้ไม่เพียงแค่เล่นกู่จิ้งได้ดี ยังมีแนวคิดในการดำเนินชีวิตที่ดี ไม่เลวเลยแหะ”
ทันทีที่เล่นจบเบ่ยเจี่ยฮัวได้กล่าวออกมาว่า “ขอบคุณที่รับฟังครับ”
“ฮ่าฮ่า เด็กคนนี้มีความสามารถจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นคนติดดินมากๆ เขามีความรู้สึกมุ่งมั่นจนสามารถที่จะส่งความรู้สึกนั้นมาให้ฉันอย่างง่ายดายเลย เขามุ่งมั่นถึงขนาดที่ว่าเอาไฟไปเผาคิ้วของเขาเขาก็ยังไม่มีท่าทีอะไรเลยทีเดียว” มู่หรงฉินพูดด้วยรอยยิ้มออกมา
“เด็กนี่มีพัฒนาที่ดีแต่ถึงขั้นกล้าท้าทายอาจิ้งช่างเป็นเด็กที่กล้าเหลือเกิน” มู่หรงเซียนเอ๋อยิ้มออกมา
หลังจากฟังเพลงจบแล้ว ซูจิ้งได้ถามออกมาในห้องสตรีมว่า “เพลงที่น้องชายเล่นนับว่าดีมากเลยนะ ฉันชอบมากเลย แถมยังรู้สึกว่ามีอีกหลายๆคนที่ชอบเพลงนี้เหมือนกัน ว่าแต่เพลงนี้ชื่อเพลงอะไรหล่ะ”
“ยังไม่ได้ตั้งชื่อครับ” ในช่องคอมเม้นต์มีคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่าเบ่ยเจี่ยฮัวได้พิมตอบกลับมา
“คุณซูครับ คนนี้คือเบ่ยเจี่ยฮัวจริงๆพวกเราตรวจสอบแล้ว” ผู้จัดการหวังรีบดำเนินการทันทีที่เห็นโดยไม่ต้องรอให้ใครบอกทัก
ส่วนหนึ่งมาจากตอนนี้เขากำลังรู้สึกตื่นเต้นมากในการจัดการสตรีมนี้ทำให้เขาตื่นตัวเป็นพิเศษ
นี่ขนาดเพิ่งจะสตรีมไปได้ไม่เท่าไหร่แต่คนดูกลับล้นหลามมากมายขนาดนี้แถมยังพุ่งขึ้นไม่หยุดด้วย โดยตอนนี้คนเข้ามาดูแตะขอบอยู่ที่ห้าแสนคนแล้ว
ถึงแม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างเรื่องของฉิวหยุนจินและเบ่ยเจี่ยฮัวแต่นั่นยิ่งทำให้เรตติ้งพรุ่งขึ้นสูงไปอีก ใครจะไปคิดว่าคนระดับนี้จะมาสู้กันได้ง่ายๆอย่างนี้ ช่างหาดูได้อยากจริงๆ
“ถ้างั้นก็ตั้งชื่อเพลงมาซะ ฉันไม่ต้องการประมือกับบทเพลงไร้ชื่อหรอกนะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งดื่มน้ำเพื่อเตรียมพร้อมบรรเลงเพลงต่อ
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนในห้องต่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแบบออกนอกหน้า นี่พวกเขาจะได้มีโอกาสได้เห็นซูจิ้งเล่นเพลงต่ออีกหรอเนี่ย
ทันใดนั้นเบ่ยเจี่ยฮัวได้ตอบกลับมาว่า “ดีงั้นผมขอตั้งชื่อว่า “สวัสดีลูกพี่เรามาตีกันดีกว่า” ก็ละกัน”
เห็นดังนั้นซูจิ้งแทบจะพ่นน้ำออกมาทันที บรรยากาศโดยรอบตอนนี้บอกได้เลยว่าหัวเราะกันลั่นห้องเลยทีเดียว เบ่ยเจี่ยฮัวตอบกลับมาแบบนี้เหมือนกับเขาขี้เกียจจะตั้งชื่ออย่างไงอย่างนั้น
ต่อให้เขาตั้งใจจริงๆแต่ชื่อชวนท้าตีท้าต่อยแบบนี้ช่างขัดกับท่วงทำนองที่พาเข้าไปฝักใฝ่ในรสพระธรรมจนทำซูจิ้งแทบจะพูดอะไรไม่ออก
“ไอ้หนุ่ม อันนี้นายยวนฉันเล่นใช่รึเปล่าเนี่ย” ซูจิ้งส่ายหัวทันทีพลางยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
“ก็ได้ ถ้าถึงขนาดนายยอมตั้งชื่อชวนตีแบบนี้ให้กับเพลงที่ดีขนาดนี้ ฉันก็จะประลองกับนาย เพลงที่นายบรรเลงนี่ให้ความรู้สึกลึกซึ้งในรสพระธรรมและความสงบนิกายเซนสินะ ฉันเองก็จะลองดูซักตั้ง”
“รอฟังอยู่นี่แหล่ะ” เบ่ยเจี่ยฮัวพิมข้อความตอบแบบเนิบๆแต่ใส่ไอคอนแสดงความรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปด้วย
ตอนนี้เหล่าคนที่กำลังดูการสตรีมต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ต่อก็มีบางส่วนส่งข้อความโต้ตอบกันว่า
“ซูจิ้งเคยเล่นเพลงแนวนั้นด้วยหรอ”
“คิดว่าไม่เคยนะ ดูเหมือนจะไม่ใช่แนวที่ชอบด้วย”
“ไม่ว่าจะเป็นแนวไหน พี่จิ้งต้องเล่นได้ดีอยู่แล้ว รอฟังกันดีกว่า”
ซูจิ้งยกมือไปแตะที่สายกู่จิ้ง เมื่อเขาดึงสายไปหนึ่งทีแล้วเขาก็หยุดไปชั่วขณะหนึ่งพลางนึกได้ในทันที่ว่าเพลงแนวนี้เหมาะที่จะนำพลังจากตราเทวฑูตมาใช้ที่สุดแล้ว เขาใช้พลังจิตเข้าไปสัมผัสเหรียญตราเทวฑูตพร้อมทั้งให้มันแสดงพลังออกมาทันที ถึงแม้ปกติตอนใช้งานเหรียญตราจะส่องแสงจ้า แต่ถ้าแค่ใช้งานเพิ่มเสริมพลังศรัทธาจะไม่ส่องแสงจ้าจนเป็นที่สังเกตุได้ง่าย
ซูจิ้งค่อยๆสั่งให้เหรียญตราเทวทูตแสดงพลังออกมาทีละน้อย และค่อยๆให้เสาร์แสงปล่อยออกมา คนส่วนใหญ่ที่เห็นต่างเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวซูจิ้งเปลี่ยนแปลงไป ทันใดนั้นซูจิ้งได้วางมือบนสวยและดีดขึ้นมาอีกครั้ง คราวหน้าท่วงทำนองให้ความรู้สึกถึงความสวยงาม อบอุ่น เย้ายวน แทบจะบอกได้ว่าเข้าไปจับใจลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณของผู้คนในทันที